กลับไปหน้าค้นหา

นายทองพูน กลมเกลียว

  • Facebook ID: -
  • Line ID: -
  • Email: -

ที่อยู่ 85/1 หมู 6 ตำบล : ศรีประจันต์ อำเภอ : ศรีประจันต์ จังหวัด: สุพรรณบุรี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : ประถมศึกษาปีที่ 6
ประวัติ :

การเกษตรของไทยในอดีตเป็นการทำการเกษตรเพื่อยังชีพโดยอาศัยความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ จึงไม่ค่อยจะพบปัญหามากนัก แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมีการใช้เทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอแก่การบริโภคของประชากรและเพื่อการส่งออกเป็นรายได้เข้าสู่ประเทศจึงทำให้การทำการเกษตรในปัจจุบันประสบปัญหามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดความสมดุลทางธรรมชาติการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชรวมทั้งด้านการตลาดซึ่งนับวันจะแปรปรวนมากขึ้นเรื่อย ๆจากปัญหาดังกล่าว การทำ ไร่นาสวนผสมจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่จะลดความเสี่ยงที่เกิดจากภัยธรรมชาติและความไม่แน่นอนของราคาผลผลิตโดยการทำการเกษตรหลายๆ อย่าง เพื่อเพิ่มระดับรายได้


ความสำเร็จ : -
ความชำนาญ : เกษตรกรรม-ผสมผสาน


ข้อมูลปราชญ์ชาวบ้าน

  • การเกษตรของไทยในอดีตเป็นการทำการเกษตรเพื่อยังชีพโดยอาศัยความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ จึงไม่ค่อยจะพบปัญหามากนัก แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมีการใช้เทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอแก่การบริโภคของประชากรและเพื่อการส่งออกเป็นรายได้เข้าสู่ประเทศจึงทำให้การทำการเกษตรในปัจจุบันประสบปัญหามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดความสมดุลทางธรรมชาติการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชรวมทั้งด้านการตลาดซึ่งนับวันจะแปรปรวนมากขึ้นเรื่อย ๆจากปัญหาดังกล่าว การทำ ไร่นาสวนผสมจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่จะลดความเสี่ยงที่เกิดจากภัยธรรมชาติและความไม่แน่นอนของราคาผลผลิตโดยการทำการเกษตรหลายๆ อย่าง เพื่อเพิ่มระดับรายได้

  • วัตถุประสงค์ของการทำไร่นาสวนผสม



    1.เพื่อเพิ่มรายได้ต่อครัวเรือนของเกษตรกรอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมการปลูกพืชหลายครั้งหลายชนิด หรือจากการผสมผสานกิจกรรมทั้งพืช สัตว์ ประมง



    2. เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรที่ดินทุน แรงงาน อย่างประสิทธิภาพ



    3.เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินกิจกรรมการเกษตรจากภัยธรรมชาติและความผันผวนของราคาผลผลิตเพื่อให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจเลือกกิจกรรมการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่



    4.เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรประกอบอาชีพตามวิชาการเกษตรแผนใหม่ทั้งด้านการผลิตและการจำหน่าย โดยยึดหลักปรับปรุงคุณภาพผลผลิตลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย มีรายได้ต่อเนื่องและกำไรสูงสุด



    5.เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรู้จักวางแผนและงบประมาณการผลิตรวมทั้งจดบันทึกและทำบัญชีไร่นา



    ทำไมถึงต้องมีการทำไร่นาสวนผสม



    1. เพื่อเพิ่มระดับรายได้ และมีรายได้รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี



    รายได้รายวัน ได้แก่ กิจกรรมพืชผัก ( ผักกินใบ ผักบุ้ง ผักกระเฉด ตะไคร้ ขิง ข่า กระเพรา



    เป็นต้น ) กิจกรรมสัตว์ ( ไก่ และเป็ดไข่ และการเลี้ยงโคนม )



    รายได้รายสัปดาห์ ได้แก่ ไม้ดอกไม้ประดับ ผักบางชนิด ( ชะอม กระถิน ผักกินใบ )



    รายได้รายเดือน หรือตามฤดูกาลผลิต 2 – 4 เดือน กิจกรรมการปลูกพืชผัก ทำนา ทำไร่ การเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่เนื้อ เป็ด และสุกร ตลอดจนการเลี้ยงปลาและกบ



    รายได้รายปี เป็นประจำทุกปี ส่วนใหญ่เป็นไม้ผลและไม้ยืนต้นพืชไร่อายุยาว ( สับปะรด



    มันสำปะหลัง ) การเลี้ยงสัตว์ใหญ่ ( โคเนื้อ สุกรขุน )



    2. เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และการตลาดที่แปรปรวน



    เนื่องจากกิจกรรมด้านไร่นาสวนผสมมีความหลากหลายของกิจกรรมการเกษตรจึงทำให้เกิดความหลากหลายด้านชีวภาพ อายุการเก็บเกี่ยวและผลผลิตที่ออกจำหน่ายมีความแตกต่างกันและสามารถช่วยลดการระบาดของโรคและศัตรูพืชลงได้ตลอดจนในบางครั้งราคาผลผลิตบางชนิดตกต่ำแต่บางชนิดราคาสูงหรือให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า



    3. เพื่อลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตภายนอกให้น้อยลงโดยพึ่งพาทรัพยากรในไร่นามากขึ้น



    ในระบบการผลิตไร่นาสวนผสมมีความหลากหลายกิจกรรมการเกษตรสามารถหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรในไร่นา หรือกิจกรรมการเกษตรในไร่นาได้มากขึ้นเช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด มูลสัตว์เป็นอาหารปลา ก๊าซชีวภาพ การใช้ปัจจัยการผลิตบางชนิดร่วมกัน เช่น ด้านแรงงานการดูแลรักษา ด้านเครื่องมืออุปกรณ์การผลิตด้านปุ๋ยและธาตุอาหารเสริม เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อทดแทนการใช้ปัจจัยการผลิตภายนอกที่มากและเกินขอบเขต ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระบบการผลิต



    4. กิจกรรมหลากหลายมีทั้งกิจกรรมเพิ่มรายได้ มีอาหารไว้บริโภคและ



    ใช้สอยในครัวเรือน



    กิจกรรมการเกษตรในไร่นาสวนผสมอาจจะมีทั้งพืช สัตว์ และประมงหรืออาจจะมีพืชกับสัตว์ หรือกลุ่มของพืชอายุสั้นกับอายุยาวขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ และวัตถุประสงค์ของเกษตรกร สำหรับกลุ่มกิจกรรม สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้



    กลุ่มกิจกรรมด้านอาหาร ได้แก่ กิจกรรมข้าวนาปี พืชอาหารสัตว์บางต้น ) การเลี้ยงปลาน้ำจืดในสระน้ำขนาดเล็กในไร่นาปลาไน



    กิจกรรมด้านการใช้สอย 



    กิจกรรมอื่นๆ ตามความเหมาะสมหรือตามจุดประสงค์ของระบบการผลิต เช่น การปลูกพืชแนวกันลม ได้แก่ กระถิน ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม ไผ่ต่าง ๆ



    5. ในระยะยาว สร้างความสมดุลทางธรรมชาติทำให้สภาพแวดล้อม



    ทางระบบนิเวศของไร่นาและชุมชนเกษตรดีขึ้น



    เนื่องจากในระบบการผลิตรูปแบบไร่นาสวนผสมของประเทศไทยเกษตรกรนิยมปลูกไม้ผลและไม้ยืนต้น ในระบบการผลิตควบคู่กับการทำนาและเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นกิจกรรมการเกษตรที่สร้างโอกาสด้านการตลาดแก่เกษตรกรดังนั้น การมีไม้ผลไม้ยืนต้น เป็นการสร้างความร่มรื่น รักษาความชื้นในระบบการผลิตของไร่นา การใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุการเกษตร โดยการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรในไร่นาและพึ่งพาปัจจัยการผลิตภายนอกน้อยลงจะทำให้ระบบนิเวศเกษตรดีขึ้น



     



    ปัจจัยที่สำคัญในการทำไร่นาสวนผสม



    1. ที่ดิน



    เกษตรกรควรมีที่ดินเป็นของตนเองมากกว่าการเช่าเพราะการทำไร่นาสวนผสมมีการปลูกไม้ผล ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ผลผลิตความอุดมสมบูรณ์ของดินก็มีส่วนสำคัญในการเลือกกิจกรรม แต่ความอุดมสมบูรณ์ของดินสามารถปรับปรุงได้



    2. แรงงาน



    เกษตรกรควรใช้แรงงานในครอบครัวอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพเช่นการกระจายการใช้แรงงานตลอดปี การใช้แรงงานให้เหมาะสมกับวิทยาการแผนใหม่และวิทยาการพื้นบ้านให้ผสมกลมกลืนกันไปการใช้แรงงานผสมผสานหรือทดแทนกันระหว่างแรงงานคน แรงงานสัตว์ และเครื่องทุ่นแรง



    3. ทุน



    เกษตรกรต้องมีการใช้ทุนในรูปแบบของเงินสดโดยการซื้อปัจจัยการผลิตเท่าที่จำเป็นซึ่งเป็นการเริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ มีการหมุนเวียนการใช้ปัจจัยการผลิตจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้



    4. การจัดการ



    เกษตรกรต้องมีลักษณะการเป็นผู้จัดการมีหน้าที่ในการพิจารณาตัดสินใจในระบบการผลิตในไร่นาเช่น จะผลิตอะไร พืชหรือสัตว์หรือประมง จะผลิตที่ไหน จะผลิตโดยวิธีใด (ผลิตอย่างไร) จะผลิตจำนวนเท่าไร จะผลิตเมื่อไร จะผลิต(ซื้อและขาย) กับใครที่ไหน และ หมั่นค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ ติดตามความเคลื่อนไหวของภาวะตลาดและราคาเพื่อลดความเสี่ยงถ้าเกษตรกรมีการวางแผนและงบประมาณอย่างดีจะก่อให้เกิดผลตอบแทน กำไรสูงสุด



     



    การพิจารณารูปแบบการทำไร่นาสวนผสม



    ด้านพื้นที่



    1.เกษตรกรแบ่งพื้นที่บางส่วนมาจัดทำไร่นาสวนผสมซึ่งในระยะแรกรายได้ที่เกิดจากการทำไร่นาสวนผสม ยังมีรายได้ไม่มากนัก จะมีรายได้จากบางส่วนของกิจกรรมเท่านั้น เช่น พืชผัก พืชไร่ ไม้ดอกไม้ประดับ สัตว์และประมง



    2. ในกรณีสภาพพื้นที่ลุ่มหรือพื้นที่ทำนาเดิม หากเกษตรกรคิดจะปลูกไม้ผลควรที่จะยกร่องไม้ผลและมีคันดินล้อมรอบแปลงไม้ผล เนื่องจากในฤดูฝนจะมีน้ำมาก อาจจะท่วมแปลงทำให้เกิดความเสียหายได้



    3.ในกรณีสภาพพื้นที่ค่อนข้างลุ่มมากมีน้ำท่วมเป็นประจำเกษตรกรอาจจะขุดบ่อเพื่อเลี้ยงปลาหรือทำนาบัว นาผักบุ้ง นาผักกระเฉด เป็นต้น



    4. สำหรับพื้นที่ดอนในการทำสวนไม้ผลควรมีสภาพพื้นที่มีความลาดชันไม่เกิน 30% สภาพดินมีหน้าดินลึกกว่า 1 เมตร และดินชั้นล่างต้องไม่เป็นดินดานแข็งหรือศิลาแลง



    5. ในกรณีที่สภาพดินที่มีปัญหา เช่น ดินเค็ม ดินเปรี้ยวและดินที่มีปัญหาอื่นๆ ควรดำเนินการปรับปรุงดินเหล่านี้เสียก่อน โดยวิธีการทางวิชาการ เช่น การเพิ่มวัสดุลงไปในดิน ( ปูนขาว ปูนมาร์ล แกลบ เป็นต้น ) การใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก การทำปุ๋ยพืชสดการปลูกพืชหมุนเวียนบำรุงดิน เป็นต้น



    ด้านแหล่งน้ำ



    1. ควรมีสระน้ำ คูคลอง ร่องน้ำ หรือแหล่งน้ำ ระดับไร่นาเสริมในฤดูแล้งประมาณ 30% ของพื้นที่ โดยประมาณการไว้ว่าพื้นที่การเกษตร 1 ไร่ มีความต้องการน้ำ1,000 ลูกบาศก์เมตร เช่น พื้นที่การเกษตร 10 ไร่ ควรมีแหล่งน้ำซึ่งสามารถมีความจุของนํ้าประมาณ 10,000 ลูกบาศก์เมตร



    2. บ่อน้ำบาดาล เพื่อใช้ในฤดูแล้งโดยเฉพาะพืชไร่ พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ



    3.บ่อปลาเป็นแหล่งอาหารโปรตีนและเพิ่มรายได้ ในฤดูแล้งสามารถอาศัยน้ำในบ่อใช้กับพืชบริเวณขอบบ่อปลา พืชผักสวนครัว เป็นต้น



    4. อาศัยน้ำชลประทาน การสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น



    ด้านเงินทุน



    ด้านเกษตรกร



    1.เกษตรกรควรเป็นคนขยันขันแข็ง กระตือรือร้น และมีความคิดสร้างสรรค์ ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ มีแนวความคิดเชิงธุรกิจ(นักฉวยโอกาส) ติดตามความเคลื่อนไหว ด้านราคา ชนิดผลิตผลการเกษตรและการตลาดอยู่ตลอดเวลา



    2.มีแรงงานครอบครัวสำหรับทำการเกษตรอย่างน้อย 3 คน ต่อพื้นที่ไร่นาสวนผสม 10 ไร่



    3.เกษตรกรควรมีความรู้ความสามารถ และทักษะในการวางแผนและการจัดการด้านทรัพยากรด้านแรงงาน ด้านเวลา และกิจกรรมการผลิตได้เป็นอย่างดีเป็นต้น



    ด้านกิจกรรมการผลิต



    1. ในการผลิตทางการเกษตรควรพิจารณากิจกรรมการเกษตร ( พืช สัตว์ ประมง ) ในเชิงกิจกรรม



    1.1 กิจกรรมที่ทำรายได้ ( ด้านเศรษฐกิจ ) เช่น ไม้ผล พืชผักเศรษฐกิจ ไม้ดอกไม้ประดับ พืชไร่ สัตว์และประมง



    1.2กิจกรรมด้านอาหารเช่น ข้าว พืชไร่ พืชผักสวนครัว พืชผักสมุนไพรไม้ผลบางชนิด( มะพร้าว กล้วย มะละกอ ไผ่ตง ) การเลี้ยงปลา และการลี้ยงสัตว์ปีก เป็นต้น



    1.3 กิจกรรมด้านใช้สอย เช่น ไผ่รวก ไผ่สีสุก สะเดาเทียม กระถินเทพา ยูคาลิปตัส สัก



    เป็นต้น



    1.4 กิจกรรมด้านอื่น ๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละฟาร์ม แต่ละพื้นที่



    2. กรณีปลูกไม้ผลในช่วงระยะ 1 – 3 ปีแรก ยังไม่ให้ผลผลิตและรายได้เกษตรกรควรปลูกพืชแซมระหว่างแถวในสวนไม้ผล เช่น พืชผัก พืชไร่ ไม้ดอกไม้ประดับหรือไม้ผลบางชนิด เช่น มะละกอ กล้วย เป็นต้น



    3.กรณีแปลงไม้ผลที่พื้นที่ลุ่มจะต้องจัดทำคันดินล้อมรอบแปลงไม้ผลพื้นที่บริเวณดังกล่าวสามารถปลูกมะพร้าวอ่อน กล้วย มะละกอ ไผ่ตง พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับเป็นต้น



    4. การปลูกไม้ผลบางครั้งสามารถปลูกแบบผสมผสานกันได้ในแปลงเดียวกันเช่น มะม่วงกับขนุน กระท้อนกับส้มโอ หรือพืชผัก เช่น มะเขือ พริก แตงกวา ถั่วฝักยาวเป็นต้น



    5.เกษตรกรควรมีพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับปรับเปลี่ยนหรือหมุนเวียนเพื่อทำรายได้ ซึ่งเราอาจจะเรียกได้ว่าพื้นที่ทำเงิน หรือพื้นที่ฉกฉวยโอกาส ในการปลูกพืชผักเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ กิจกรรมปลูกพืชไร่กิจกรรมเหล่านี้ควรเป็นกิจกรรมอายุสั้นให้ผลตอบแทนสูง



    6.ในระบบการผลิตทางเกษตรที่เกิดขึ้นจริงในไร่นาของเกษตรกร เกษตรกรจะมีพื้นที่ผลิตข้าวไว้บริโภคและจำหน่ายบางส่วนถึงแม้ว่าจะมีกิจกรรมอื่น ๆ ก็ตามนอกจากนี้กิจกรรมหนึ่งที่ควรได้รับการพิจารณา คือเลี้ยงปลาในนาข้าว จุดประสงค์เพื่อเสริมรายได้และมีแหล่งอาหารโปรตีนไว้บริโภค สภาพพื้นที่ที่จะทำการผลิตควรควบคุมระดับน้ำได้และอยู่ใกล้บ้าน



    7.บ่อปลาที่จะประกอบเป็นกิจกรรมหนึ่งในไร่นาสวนผสมควรอยู่ใกล้บ้านการคมนาคมสะดวกสามารถจัดการเรื่องน้ำได้ลักษณะดินควรเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทรายและสามารถเก็บกักน้ำได้อย่างน้อย 6– 8 เดือน



    8.กิจกรรมด้านการผลิตพืชผักและไม้ดอกไม้ประดับตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และประมงกิจกรรมเหล่านี้ค่อนข้างจะอาศัยแรงงานมาก และการดูแลเป็นพิเศษจะทำ การผลิตมากไม่ได้เนื่องจากข้อจำกัดด้านแรงงาน การเน่าเสีย การตลาดการเจริญเติบโตถึงขีดจำกัดแต่ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายในการผลิต เช่น ค่าอาหาร ค่ายาเคมีและค่าจ้างแรงงาน เป็นต้น ดังนั้น ควรมีการวางแผนการผลิตและการตลาดเป็นอย่างดีโดยทำการผลิตเป็นรุ่น ๆ



    ด้านรายได้



    1.ควรพิจารณาจากกิจกรรมที่ก่อให้เกิดมีรายได้หลายทางจากพืชสัตว์และประมง ในลักษณะรายได้รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี เป็นต้น



    2.พิจารณาว่ากิจกรรมใดควรเป็นรายได้หลักรายได้รองและรายได้เสริมจากกิจกรรมที่ต้องการผลิตภายในฟาร์ม



    3.กิจกรรมที่ให้ผลตอบแทน ( รายได้ ) ในระยะยาวในช่วงแรกยังไม่มีผลผลิตหรือรายได้ ควรมีกิจกรรมเสริม เพื่อให้เกิดรายได้ในช่วงแรกๆ



    4.ควรพิจารณารายได้ที่เกิดขึ้นจากการปลูกพืชหมุนเวียนและกิจกรรมที่จัดสรรโดยการทยอยปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เป็นรุ่น ๆ



    5.ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงของกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดรายได้โดยจะต้องเสี่ยงกับภาวะความแปรปรวนของราคาผลิตผลการตลาดและภัยธรรมชาติ



    6.พิจารณาด้านรายได้ของกิจกรรมที่ให้ผลตอบแทนเร็วในช่วงสั้นๆของการผลิต และให้รายได้สูง หรือพิจารณาด้านรายได้ระยะยาวที่มั่นคงหรือรายได้ที่ไม่มีความแปรปรวนมากนักเช่น การเลี้ยงปลา ทั้งนี้ ควรผสมผสานกันและดูความต้องการของเกษตรกรเป็นหลักด้วยในการพิจารณา



    ด้านอื่นๆ



    1.บริเวณร่องสวนไม้ผล กรณียกร่องแปลงไม้ผล ร่องน้ำสามารถเลี้ยงปลาได้แต่ควรระมัดระวังการใช้สารเคมี ที่มีอันตรายต่อการเลี้ยงปลาในร่องสวนไม้ผล



    2.การผสมผสานการเลี้ยงสัตว์กับประมง เช่น การเลี้ยงสุกรไก่และเป็ดบนบ่อปลา มูลสัตว์ สามารถเป็นอาหารปลาได้ และสร้างระบบนิเวศเกษตรในบ่อปลาเกิดอาหารธรรมชาติต่อการเลี้ยงปลาได้ทำให้ลดต้นทุนการผลิต



    3. การเลี้ยงสัตว์ในไร่นาสวนผสม มูลสัตว์สามารถทำเป็นปุ๋ยคอก นำไปใส่ในแปลงพืชผักไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผล เป็นการลดต้นทุนการผลิตและบำรุงโครงสร้างดินได้เป็นอย่างดี



    4.น้ำจากบ่อปลาสามารถนำไปรดพืชผักขอบบ่อปลา พืชผักสวนครัวบางครั้งสามารถระบายสู่พื้นที่นาได้ในขณะเดียวกันพืชผักบางชนิดสามารถเป็นอาหารปลาได้ เช่น รำข้าว ข้าวโพด กล้วย มะละกอผักบุ้ง เป็นต้น นอกจากนี้เศษวัสดุการเกษตรยังเป็นอาหารเสริมของปลาได้ด้วย



    5.ควรพิจารณาระบบการปลูกพืชและระบบการทำฟาร์มในเชิงวิชาการเข้าสู่รูปแบบไร่นาสวนผสมด้วย



     



    การปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่นามาเป็นไร่นาสวนผสม



    ( สภาพพื้นที่ดอน)



    เหตุผล



    1.สภาพบางพื้นที่เหมาะสมต่อการทำไร่นาสวนผสม และให้ผลตอบแทนดีกว่าการทำนาหรือทำไร่เพียงอย่างเดียว



    2. รายได้หลักจากอาชีพทำนาทำไร่หรือกิจกรรมอย่างเดียวไม่เพียงพอ



    3.การผลิตกิจกรรมการเกษตรเพียงชนิดเดียวทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการผลิตเนื่องจากราคาผลิตผลแปรปรวนและเกิดภัยธรรมชาติ



    4. รายได้จากการทำไร่นาสวนผสมดีกว่าการทำนา ทำไร่ และสามารถมีรายได้ต่อเนื่อง ในลักษณะรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี จากกิจกรรมที่หลากหลาย



    5. มีการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนและเกื้อกูลกันในระดับฟาร์ม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด



    6. เป็นแหล่งอาหารและใช้สอยในครัวเรือน



    7. เป็นการสร้างระบบนิเวศเกษตรภายในฟาร์มและชุมชน เพื่อให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ



     

  • -
  • -
  • ๑) รางวัล      เทคโนโลยี “ปุ๋ยสั่งตัด”สำหรับข้าว         หน่วยงาน มหาลัยเกสรศาสตร์ ณ สถานีพัฒนาที่ดินสุพรรณบุรี                                                                     



    ๒) รางวัล โครงการพัฒนาการเกษตรตามแนวทฤษฏีใหม่ หน่วยงาน   สนง.ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์       .

  • ๑) โครงการ/หลักสูตร        ศูนย์ถ่ายทอดเทคดนดลยีภาคการเกษตร  หน่วยงาน       สำนักงานเกษตร              .                                       



    ๒) โครงการ/หลักสูตร       ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนประจำตำบล หน่วยงาน   สำนักงานการเกษตร