กลับไปหน้าค้นหา

นายวัชรินทร์ ยังเจริญ

  • Facebook ID: -
  • Line ID: -
  • Email: -

ที่อยู่ 172/2 หมู 12 ตำบล : ครน อำเภอ : สวี จังหวัด: ชุมพร
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : อื่นๆ
ประวัติ :

พริก ถือเป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นแทบขาดไม่ได้สำหรับการประกอบ อาหารหลายชนิด เนื่องจากให้รสเผ็ดทำให้เพิ่มรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี ถือเป็นพืชที่นิยมปลูกมากเป็นอันดับต้นๆ ทั้งปลูกเพื่อบริโภคเอง และส่งจำหน่ายในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรในบางพื้นที่มีรายได้หลักมาจากการปลูกพริก


ความสำเร็จ :

ฝึกความอดทน



เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว


ความชำนาญ : การปลูกพริกชี


ข้อมูลปราชญ์ชาวบ้าน

  • พริก ถือเป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นแทบขาดไม่ได้สำหรับการประกอบ อาหารหลายชนิด เนื่องจากให้รสเผ็ดทำให้เพิ่มรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี ถือเป็นพืชที่นิยมปลูกมากเป็นอันดับต้นๆ ทั้งปลูกเพื่อบริโภคเอง และส่งจำหน่ายในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรในบางพื้นที่มีรายได้หลักมาจากการปลูกพริก

  • ฤดูปลูกปลูกได้ตลอดปี แต่ปลูกได้ผลดีที่สุดระหว่างเดือน ตุลาคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่เก็บผลผลิตในฤดูแล้งทำให้สะดวกในการตากแห้ง สำหรับการปลูกให้ได้ราคาสูงจะต้องปลูกในเดือนเมษายน-พฤษภาคม และสิงหาคม-กันยายนเป็นช่วงที่ปลูกพริกยากที่สุดการเตรียมเมล็ดพันธุ์ควรเลือกใช้พันธุ์พริกที่ตลาดมีความต้องการมีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ปัจจุบันนิยมใช้พันธุ์ลูกผสมซูเปอร์ฮอท



    สภาพที่เหมาะสมต่อการปลูก

    1. อุณหภูมิ โดยพริกถือเป็นพืชที่ทนต่ออากาศร้อนได้ดี แต่ไม่ทนต่อสภาพอากาศหนาว อุณหภูมิที่ทำให้พริกเจริญเติบโต และติดดอก ติดผลได้ดีที่ตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียส



    2. ความชื้นดิน โดยพริกเป็นพืชที่ต้องการน้ำปานกลาง เจริญเติบโตได้ดีในดินชุ่มชื้น และระบายน้ำดี เหี่ยวตายได้ง่ายในสภาพน้ำขัง ต้องรดน้ำ1-2ครั้งเช้าบ่ายในช่วง1-2เดือนจากนั้นรดน้ำทุกเช้า



    3. แสง เป็นส่วนที่มีผลน้อยต่อพริกในประเทศไทย เนื่องจากช่วงแสงในบ้านเรามีมากกว่า 12 ชั่วโมง จึงเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพริก พริกต้องการแสงแดดส่องทั่วถึงทั้งต้นไม่มีร่มเงาซึ่งจะให้ผลผลิตสูงสุด



    4. ความเป็นกรด-ด่างของดิน ซึ่งสภาพความเป็นกรด-ด่างของดินที่เหมาะสมต่อพริกจะอยู่ช่วงประมาณ 6-7 มีลักษณะเป็นกรดเล็กน้อย แต่สามารถทนต่อสภาพดินเค็มได้ดี แต่หากสภาพดินเป็นกรดจัดอาจปรับสภาพดินด้วยปูนขาวทุกครั้งก่อนปลูกแต่ทั้งนี้ขอแนะนำปุ๋ยอินทรีย์เช่น ขี้วัวขุน ขี้หมูเนื้อ ขี้ไก่เนื้อและน้ำหมักชีวภาพเพื่อปรับสภาพดิน



    5. ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ซึ่งพริกมักเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินที่มีความร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุ และระบายน้ำได้ดี รวมถึงแร่ธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมที่เป็นธาตุอาหารหลักและสารฉีดพ่นทางใบที่เป็นธาตุอาหารรองที่เพียงพอต้นพริกได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนก็จะสมบูรณ์แข็งแรงติดดอกออกผลและต้านทานโรคได้ดี



    วิธีการเพาะเมล็ดพริก



    การเพาะเมล็ดพริกในแปลงเพาะชำ



    1.ก่อนนำเมล็ดพันธุ์ไปเพาะ คัดเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ออกโดยนำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำสะอาดเมล็ดพันธุ์ที่เสียจะลอยน้ำแล้วคัดออก



    2.นำไปแช่น้ำอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานประมาณ 30 นาที



    3. ใช้สาหร่ายผงในอัตราส่วน10กรัม/น้ำ20ลิตร เชื้อราไตรโครเดอร์มา 200ซีซี/น้ำ20ลิตร สารจับใบสำหรับชีวภัณฑ์ 2ซีซี/น้ำ20ลิตร ผสมเข้าด้วยกันนำเมล็ดพริกลงแช่นาน18คืนก่อนนำไปเพาะกล้า



    4.การเพาะเมล็ดพันธุ์ในแปลงนำเมล็ดพันธุ์หว่านให้กระจายทั่วทั้งแปลงเพาะ หรือโรยเมล็ดเป็นแถวลงไปในร่องลึก 0.6–1 ซม. ห่างกันแถวละประมาณ 10 ซม. กลบด้วยปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วหรือดินผสมละเอียดรดน้ำให้ชุ่มเสมอ คลุมด้วยฟางแห้งหรือหญ้าแห้งบางๆ รดด้วยน้ำเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่ผสมตอนแช่เมล็ดพริก



    5.เมื่อกล้าเริ่มงอกมีใบจริงอายุประมาณ 12–15 วัน ถอนแยกต้นที่ไม่สมบูรณ์หรือต้นที่ขึ้นเบียดกันแน่นเกินไปทิ้งให้มีระยะห่างกันพอสมควรและควรให้ใช้สารสกัดขยายเซลพืชเสริมทางใบเพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตและแข็งแรง เมื่อต้นกล้าอายุ 30–40 วัน จึงย้ายลงปลูกในแปลงใหญ่ได้



    การเพาะเมล็ดพันธุ์ในกระบะเพาะการเพาะในถาดหลุมมีวัสดุเพาะเมล็ดเป็นส่วนผสมสำเร็จรูปที่อุ้มน้ำได้พอเหมาะ แต่ละถาดมี104 หลุม วัสดุเพาะ

  • ฝึกความอดทน



    เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว

  • -
  • -
  • -