ค้นหาองค์ความรู้

เกษตรกรส่วนใหญ่ในหมู่บ้านห้วยยาง  ลงทุนประกอบอาชีพทำไร่สับปะรดเพื่อส่งโรงงาน  ในบางฤดูกาลประสบปัยหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตเสียหาย  บางฤดูกาลผลผลิตล้นตลาดจำหน่ายไม่ได้ราคา  จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดและวางแผนการปลูกพืชชนิดอื่นที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร  และมีตลาดรองรับผลผลิตอย่างต่อเนื่อง

การทำสวนมะละกอ  จึงเป็นทางเลือกในการเพาะปลูก  เพราะเกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้ทั้งมะละกอดิบ  มะละกอสุก  และนำส่งเข้าโรงงานแปรรูปอาหาร  นอกจากนี้ผลมะละกอที่ไม่ได้คุณภาพและลำต้นสามารถนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้อีกทางหนึ่ง

ขั้นตอนการปลูกมะละกอ

1. เตรียมดินสำหรับเพาะเมล็ดหรือชำต้นกล้า  โดยผสมดินเกษตร , แกลบดำ , ปุ๋ยคอกในอัตราส่วนเท่ากัน  บรรจุในถาดเพาะหรือถุงดำให้เต็ม

2. นำเมล็ดหยอดลงในถาดหรือถุงดำ ๆ ละ  1-3  เมล็ด  ดูแลรดน้ำให้ดินชุมชื้นทุกวัน  จนกว่าเมล็ดจะงอกและพร้อมย้ายลงแปลง  ใช้เวลาประมาณ  30  วัน 

3. เตรียมแปลงปลูกมะละกอโดยการขุดหลุมให้มีระยะห่างประมาณ 2-3  เมตร  ขนาดหลุมกว้าง  0.50 x ยาว  0.50 x ลึก  0.50  เมตร  รองพื้นด้วยปุ๋ยเคมีประมาณ  1  ช้อนแกง  นำต้นกล้ามะละกอลงปลูกและกลบดินที่เตรียมไว้จนเต็มหลุม

4. ปักไม้ไผ่ยึดลำต้นไม่ให้โยก  และคลุมดินด้วยฟาง  หมั่นรดน้ำและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นอย่างสม่ำเสมอ  ระยะการให้ผลผลิตประมาณ  6-7  เดือน

5. ติดตั้งระบบสปริงเกอร์  เพื่อความสะดวกในการรดน้ำและประหยัดเวลา

1. มะละกอเป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อยจึงไม่ควรให้มีน้ำท่วมขังแปลงเพาะปลูก  และหมั่นใส่ปุ๋ยบำรุงต้นเดือนละ  1  ครั้ง  ควรพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืชและหมั่นสังเกตุโรคอย่างสม่ำเสมอ

2. สวนมะละกอเริ่มให้ผลผลิตมะละกอดิบเมื่อปลูกได้ประมาณ  5-6  เดือน  และเริ่มเก็บผลสุกได้ประมาณ  8-9  เดือน

1. ต้นมะละกอเก็บผลผลิตได้เมื่ออายุ  7-8  เดือน  และสามารถเก็บผลมะละกอขายได้ทุกสัปดาห์ ไปจน 3 ปี ต้นมะละกอจึงจะหมดอายุ ไม่สามารถให้ผลผลิตได้ ต้องตัดทิ้งปลูกใหม่

2. เมื่อปลูกมะละกอควรให้มีหลุมละ  2-3 ต้น  หลังจากที่ต้นมะละกอเริ่มออกดอก  ให้สังเกตุต้นที่มีทั้งเกสรตัวเมียและเกสรตัวผู้อยู่ในดอกเดียวกัน  เรียกว่าต้นกะเทย  และตัดต้นมะละกอที่มีแต่เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียทิ้ง  เนื่องจากต้นกะเทยจะให้ผลผลิตที่ดก  ลูกมะละกอจะยาวสวย  และมีเนื้อหนา  เป็นที่ต้องการของตลาด