ที่อยู่ 168
หมู 13 ตำบล : หนองขนาน อำเภอ : เมืองเพชรบุรี จังหวัด: เพชรบุรี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : ประถมศึกษาปีที่ 6
ประวัติ :
นายเอกนรินทร์ อุระทัย เป็นปราชญ์ชุมชนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงโคขุน สร้างรายได้ให้ครอบครัวและชุมชนได้โคขุน และการเลี้ยงโคขุน หมายถึง การเลี้ยงโคที่ยังอายุน้อยให้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ โดยการให้อาหารแก่โคที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งอาหารหยาบ และอาหารข้นอย่างเต็มที่ ในสภาพการเลี้ยงแบบขังคอกอย่างเดียวหรือร่วมกับการปล่อยแปลงหญ้า
หมั่นขยันศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
นายเอกนรินทร์ อุระทัย เป็นปราชญ์ชุมชนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงโคขุน สร้างรายได้ให้ครอบครัวและชุมชนได้โคขุน และการเลี้ยงโคขุน หมายถึง การเลี้ยงโคที่ยังอายุน้อยให้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ โดยการให้อาหารแก่โคที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งอาหารหยาบ และอาหารข้นอย่างเต็มที่ ในสภาพการเลี้ยงแบบขังคอกอย่างเดียวหรือร่วมกับการปล่อยแปลงหญ้า
สูตรอาหารโคขุนแบบประหยัด ประกอบด้วย
๑) มันเส้น 50 กิโลกรัม
๒) ถั่วเหลืองบด 4 กิโลกรัม
๓) ใบกระถิน 6 กิโลกรัม
๔) ข้าวโพดบด ๖ กิโลกรัม
๕) กากมะพร้าว ๖ กิโลกรัม
๖) รำอ่อน ๑๒ กิโลกรัม
๗) ปุ๋ยยูเรีย (สูตร ๔๖-๐-๐) ๒ กิโลกรัม
๘) กากน้ำตาล ๑๑ กิโลกรัม
๙) ไดแคลเซียม ๑ กิโลกรัม
๑๐) เกลือ ๑ กิโลกรัม
๑) การคัดเลือกโคมาเลี้ยงขุนและการจัดการโรงเรือน โดยการซื้อโคอายุประมาณ 1 ปีที่มีโครงสร้างลักษณะดี ไม่แคระแกรน โดยเน้นโคเพศผู้เป็นหลัก เพราะจะโตเร็วและอัตราการแลกเนื้อสูง อีกทั้งใช้ระยะเวลาในการขุนให้อ้วนท้วนสมบูรณ์สั้นกว่าเพศเมีย โดยจะซื้อมาครั้งละประมาณ 4-5 ตัว จากนั้นนำมาเลี้ยงในคอกที่เตรียมไว้ ซึ่งคอกที่เลี้ยงจะเป็นพื้นดิน มุงด้วยจาก ตีไม้กั้นทำเป็นล็อกๆ มีรางน้ำอยู่ข้างหลัง และรางอาหารอยู่ข้างหน้า
๒) การให้อาหาร โดยการให้อาหาร โคที่เลี้ยงขุนจะให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยจะให้ฟางข้าวที่ราดด้วย EM เจือจาง (EM เจือจาง : EM 2-3 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 10 ลิตร ผสมให้เข้ากันจากนั้นสามารถนำไปใช้ได้ทันที) และอาหารโคขุนที่ทำเอง โดยให้กินไปพร้อมๆกัน
นำมันเส้นราดด้วยกากน้ำตาลผสมให้เข้ากันก่อน จากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน สามารถนำไปให้โคกินได้เลย ที่เหลือนำไปบรรจุในกระสอบเพื่อนำมาให้โคกินในรอบต่อไป การผสม 1 ครั้ง สามารถใช้ได้นาน 1 อาทิตย์ ถ้านานกว่านั้นอาจจะเกิดรา และเสียคุณค่าทางอาหารได้
จะให้เช้า- เย็น วันละประมาณ 5 กิโลกรัม/ตัว (แล้วแต่สายพันธุ์และความต้องการของโค) โดยจะสังเกตโคที่เลี้ยง บางตัวอาจจะกินเยอะก็ให้เยอะหน่อย บางตัวกินน้อย ก็จะปรับลดปริมาณลง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว (การให้อาหารเยอะเกินไป จนเหลือทิ้งจะเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย)
ให้โคมีน้ำกินตลอดเวลา โดยให้กินน้ำ EM เจือจาง (EM เจือจาง : EM 2-3 ช้อนโต๊ะ/น้ำ 10-20 ลิตร ผสมให้เข้ากันจากนั้นสามารถนำไปให้โคกินได้ทันที) เพื่อให้โคสุขภาพจิตดี ระบบขับถ่ายดี และมูลไม่มีกลิ่นเหม็น สามารถเลี้ยงในพื้นที่ใกล้ชุมชนได้ ไม่เป็นที่รังเกียจของเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างเคียง
ผู้เลี้ยงต้องคอยหมั่นเดินตรวจดูรางน้ำ รางอาหาร และความสะอาดภายในคอกทุกวัน วันละ 3 ครั้ง (เช้า-กลางวัน-เย็น) เพื่อให้โคมีอาหารกินตลอดเวลาและอยู่ในพื้นที่ๆสะอาด โคที่เลี้ยงก็จะมีสุขภาพจิตดี เลี้ยงง่าย โตเร็ว และเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงสูง
ข้อเสนอแนะ
๑) ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงสั้น เพียงรุ่นละ 2-3 เดือนก็สามารถจับขายได้ ปีหนึ่งสามารถเลี้ยงได้ 3-4 รุ่น
๒) สามารถเลี้ยงได้ตลอดทั้งปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้ต่อเนื่อง
๓) ประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากใช้อาหารที่ผสมเองจากวัตถุดิบหาง่ายในท้องถิ่นเป็นหลัก
๔) โคสุขภาพจิตดี และมูลไม่เหม็น เนื่องจากมีการผสมจุลินทรีย์ในอาหารและน้ำ
๕) นอกจากจะมีรายได้จากการขายโคขุนแล้ว มูลโคยังสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยสำหรับพืชได้อีกด้วย
หมั่นขยันศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง