ที่อยู่ 93
หมู 8 ตำบล : ท่าตะคร้อ อำเภอ : หนองหญ้าปล้อง จังหวัด: เพชรบุรี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : ประถมศึกษาปีที่ 4
ประวัติ :
นางมาลา แซ่ลี้ เป็นเกษตรกรที่ได้ทดลองปลูกมาหลายชนิด เรียนรู้วิธีการ เทคนิคที่หลากหลายลองผิดลองถูกกับการปลูกพืชผักมาจำนวนมากจนมาทดลองเพาะต้นกล้าผักหวานป่า ผักหวานป่าเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงชนิดหนึ่ง ผักหวานป่าเป็นเครื่องยาไทยจำพวกผักจะใช้ส่วนรากมาทำยา รากมีรสเย็นสรรพคุณ แก้ไข้ แก้ดีพิการ แก้เชื่อมมัว แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้กระสับกระส่าย พบว่าผักหวานป่าเป็นทั้งอาหารและยาประจำฤดูร้อนแก้อาการของธาตุไฟได้ตามแพทย์แผนไทย ส่วนยอดก็นิยมนำมาปรุงอาหารมีรสหวานกรอบช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำและระบายความร้อนหรือใช้ปรุงเป็นยาเขียวเพื่อลดไข้ ลดความร้อน ปัจจุบันพบว่ามีการนำมาพัฒนาเป็นชาผักหวานป่าทำเป็นเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระ ส่วนของลำต้นจะใช้แก่นผักหวานต้มรับประทานน้ำเป็นยาแก้ปวดตามข้อหรือปานดงหรือจะใช้ต้นผักหวานกับต้นนมสาวเป็นยาเพิ่มน้ำนมแม่หลังคลอดบุตร รากต้มรับประทานน้ำเป็นยาเย็นแก้พิษร้อนในแก้น้ำดีพิการและแก้ปวดมดลูก เมื่อผักหวานป่ามีสรรพคุณมาก จึงได้ศึกษาการเพาะผักหวานป่าอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ มีความรู้สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจได้ อีกทั้งยังเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวอด้วย
การคิดค้นลองผิดลองถูก และการจดบันทึกกระบวนการวิธีต่าง ๆ เพื่อปรับปรุง แก้ไขให้ดียิ่งขึ้น มีความอดทน
นางมาลา แซ่ลี้ เป็นเกษตรกรที่ได้ทดลองปลูกมาหลายชนิด เรียนรู้วิธีการ เทคนิคที่หลากหลายลองผิดลองถูกกับการปลูกพืชผักมาจำนวนมากจนมาทดลองเพาะต้นกล้าผักหวานป่า ผักหวานป่าเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงชนิดหนึ่ง ผักหวานป่าเป็นเครื่องยาไทยจำพวกผักจะใช้ส่วนรากมาทำยา รากมีรสเย็นสรรพคุณ แก้ไข้ แก้ดีพิการ แก้เชื่อมมัว แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้กระสับกระส่าย พบว่าผักหวานป่าเป็นทั้งอาหารและยาประจำฤดูร้อนแก้อาการของธาตุไฟได้ตามแพทย์แผนไทย ส่วนยอดก็นิยมนำมาปรุงอาหารมีรสหวานกรอบช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำและระบายความร้อนหรือใช้ปรุงเป็นยาเขียวเพื่อลดไข้ ลดความร้อน ปัจจุบันพบว่ามีการนำมาพัฒนาเป็นชาผักหวานป่าทำเป็นเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระ ส่วนของลำต้นจะใช้แก่นผักหวานต้มรับประทานน้ำเป็นยาแก้ปวดตามข้อหรือปานดงหรือจะใช้ต้นผักหวานกับต้นนมสาวเป็นยาเพิ่มน้ำนมแม่หลังคลอดบุตร รากต้มรับประทานน้ำเป็นยาเย็นแก้พิษร้อนในแก้น้ำดีพิการและแก้ปวดมดลูก เมื่อผักหวานป่ามีสรรพคุณมาก จึงได้ศึกษาการเพาะผักหวานป่าอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ มีความรู้สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจได้ อีกทั้งยังเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวอด้วย
การขยายพันธุ์ผักหวานป่า สามารถทำได้ 4 วิธีคือ
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
3. การชำไหล(ราก)
4. การสกัดราก
การเพาะเมล็ด เป็นวิธีที่ได้ผลและนิยมที่สุด
1. เก็บหรือซื้อผลผักหวานป่าที่สุกแล้วเปลือกจะมีสีเหลืองสด นำมาหมักไว้ประมาณ 3 - 4 วัน โดยใส่กระสอบปุ๋ยเข่งหรือภาชะนะอื่น ๆ ที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อให้ผลผักหวานป่าเน่า จะได้แยกเนื้อกับเมล็ดออกจากกันได้ง่ายๆ
2. เมื่อผลผักหวานเริ่มเน่าสังเกตดูว่าจะมีราสีขาวขึ้นนำมาเอาเนื้อของผลผักหวานป่าออก โดยใช้มือขยี้แต่ต้องใส่ถุงมือยางเพราะยางของผลผักหวานอาจจะระคายเคืองผิวได้ ขยี้และใช้น้ำล้างจนหมดเมือกเหลือแต่เมล็ดต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้เมล็ดผักหวานช้ำอาจจะเสียหายข้างในแต่มองไม่เห็นจะมีผลต่อการงอกของเมล็ด
3. คัดเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่าโดยการนำไปล้างน้ำ สังเกตถ้าเมล็ดไหนลอยน้ำให้คัดทิ้ง
4. นำเมล็ดผักหวานป่าที่ล้างสะอาดแล้วไปตากลมในที่ร่ม(ห้ามตากแดดเป็นอันขาด) บนพื้นปูนในห้องน้ำ สังกะสีหรือใช้กระสอบป่านปูรองพื้นก็ได้แต่ถ้าปูบนพื้นดินต้องระวังปลวกกินกระสอบด้วยโดยเกลี่ยให้มีความสูงที่ซ้อนกันไม่เกิน 3 เมล็ด ทิ้งไว้ประมาณ 2 – 3 วัน จากนั้นใช้กระสอบป่านปูทับเมล็ดผักหวานป่าอีกทีหนึ่งแล้วรดน้ำให้ชุ่ม เช้า-เย็น หรือจะเพาะเมล็ดผักหวานป่าในทรายก่อสร้างก็ได้ โดยนำทรายใส่ในกระบะแล้วนำเมล็ดผักหวานป่าลงเพาะในทราย รดน้ำให้ชุ่มเช้า-เย็น
5. ประมาณ 3 – 5 วัน เมล็ดผักหวานป่าเริ่มมีรอยปริเป็นร่องขสีขาวๆและอีกประมาณ 1 -2 วัน (รวม 7 วัน) จะมีรากเริ่มงอกออกมาให้นำลงถุงเพาะชำที่เตรียมไว้ในเรือนเพาะชำประมาณเดือนที่ 2 จึงจะเริ่มเห็นใบของต้นกล้าผักหวานป่าเพราะในเดือนแรกรากจะลงดินก่อนรดน้ำ วันละ1-2 ครั้ง ประมาณ 4-5 เดือน ก็นำลงแปลงปลูกได้แต่ก่อนนำต้นกล้าลงแปลงปลูกจริงควรเปิดหลังคาเรือนเพาะชำหรือนำต้นกล้า ออกรับแสงที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติและลดการให้น้ำตามสัก 3-4 วัน ตามสมควรเพื่อให้ต้นกล้ามีอัตราการรอดในแปลงปลูกสูงขึ้น
การคิดค้นลองผิดลองถูก และการจดบันทึกกระบวนการวิธีต่าง ๆ เพื่อปรับปรุง แก้ไขให้ดียิ่งขึ้น มีความอดทน