ที่อยู่ 64
หมู 5 ตำบล : โคกพระเจดีย์ อำเภอ : นครชัยศรี จังหวัด: นครปฐม
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : อื่นๆ
ประวัติ :
ผักอินทรีย์เป็นสินค้าที่ผู้ผลิตนำมาจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคได้บริโภคผักที่ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ถึงแม้ว่าผักอินทรีย์มีราคาสูงกว่าผักทั่ว ๆ ไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม การผลิตผักอินทรีย์เป็น วิธีการปลูกผักที่มีขั้นตอนละเอียดกว่าการปลูกผักทั่วไป โดยผู้ผลิตต้องศึกษามาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์เพื่อความ เข้าใจก่อนการปลูก พันธุ์ผักที่ใช้ปลูกต้องเป็นพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าสามารถเจริญเติบโตได้ดีในท้องถิ่น ทนทานต่อโรคและแมลง เป็นที่ต้องการของตลาด และเหมาะสมสำหรับการปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ นอกจากนี้การปลูกผักอินทรีย์ต้องมีการจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการใช้ระบบปลูกพืช วัสดุเหลือใช้ทาง การเกษตร จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และวัสดุจากธรรมชาติ ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ทุกชนิด หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีสังเคราะห์ และมีการแยกแยะผลผลิตให้แตกต่าง จากผักทั่วไปอย่างชัดเจน ซึ่งการปฏิบัติตามมาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์จะท าให้เกษตรกรได้ผลผลิตผักอินทรีย์ที่มี คุณภาพและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
ปัจจัย ที่สร้างความสำเร็จและเทคนิคที่สำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ คือ การทำโดยอาศัยความรู้ที่ฝังลึกซึ่ง เริ่มจากการเตรียมระบบนิเวศและธาตุอาหารพืช จากนั้นคือการดูแลรักษาพืชด้วยระบบห่วงโซ่อาหาร จนถึงการเก็บเกี่ยวเฉพาะส่วนที่สามารถนำไปบริโภคได้ ขณะที่การเข้าถึงตลาดพร้อมกับการจัดการหลังการ เก็บเกี่ยวอย่างง่ายในระดับฟาร์มจะนำมาสู่การยืดอายุ ในการวางจำหน่ายและผลผลิตที่มีคุณภาพดี ส่วน ข้อจำกัดของการผลิตผักอินทรีย์ ประกอบด้วย
(1) ข้อจำกัดด้านชีวกายภาพ ได้แก่ความอุดมสมบูรณ์ ของดินต่ า การขาดแคลนน้ าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และศัตรูพืช
(2) ข้อจำกัดด้านเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ ต้นทุนเริ่มกิจการสูง ค่าแรงงานสูง ค่าขนส่งแพง และ ตลาด
(3) ข้อจำกัดด้านความรู้ การขาดความ เข้าใจในปัญหาของฟาร์ม ได้แก่ ความสมดุลของธาตุ อาหาร สิ่งแวดล้อมพืช การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การจัดการของเสีย และทัศนคติของผู้บริโภค
ผักอินทรีย์เป็นสินค้าที่ผู้ผลิตนำมาจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคได้บริโภคผักที่ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ถึงแม้ว่าผักอินทรีย์มีราคาสูงกว่าผักทั่ว ๆ ไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม การผลิตผักอินทรีย์เป็น วิธีการปลูกผักที่มีขั้นตอนละเอียดกว่าการปลูกผักทั่วไป โดยผู้ผลิตต้องศึกษามาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์เพื่อความ เข้าใจก่อนการปลูก พันธุ์ผักที่ใช้ปลูกต้องเป็นพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าสามารถเจริญเติบโตได้ดีในท้องถิ่น ทนทานต่อโรคและแมลง เป็นที่ต้องการของตลาด และเหมาะสมสำหรับการปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ นอกจากนี้การปลูกผักอินทรีย์ต้องมีการจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการใช้ระบบปลูกพืช วัสดุเหลือใช้ทาง การเกษตร จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และวัสดุจากธรรมชาติ ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ทุกชนิด หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีสังเคราะห์ และมีการแยกแยะผลผลิตให้แตกต่าง จากผักทั่วไปอย่างชัดเจน ซึ่งการปฏิบัติตามมาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์จะท าให้เกษตรกรได้ผลผลิตผักอินทรีย์ที่มี คุณภาพและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
หลักการผลิตผักอินทรีย์
1. เลือกพื้นที่ที่ไม่เคยทำการเกษตรเคมีมาไม่น้อยกว่า 3 ปี
2. เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างดอนและโล่งแจ้ง
3. อยู่ห่างจากจากโรงงานอุตสาหกรรม
4. อยู่ห่างจากแปลงที่ใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี
5. ห่างจากถนนหลวงหลัก
6. มีแหล่งน้ำที่ปลอดสารพิษ
ขั้นตอนการเตรียมแปลง
1. เก็บตัวอย่างดิน ดินบนและดินล่างอย่างละ 1 กิโลกรัม นำไปวิเคราะห์พร้อมกัน เพื่อหาชนิดของดินและปริมาณธาตุอาหารที่อยู่ในดิน
2. แหล่งน้ำจะต้องเป็นแหล่งน้ำอิสระ เก็บตัวอย่างน้ำ 1 ลิตร นำไปวิเคราะห์เพื่อหาสารปนเปื้อนที่ขัดต่อหลักการผลิตพืชอินทรีย์
3. เมื่อทราบข้อมูลของดินและน้ำแล้วว่าไม่มีพิษต่อการปลูกพืชอินทรีย์ก็เริ่มทำการวางรูปแบบแปลงผลิตพืชอินทรีย์ การวางรูปแบบแปลงจะต้องทำการขุดร่องล้อมรอบแปลง เพื่อเป็นการดักน้ำหรือป้องกันน้ำที่มีสารปนเปื้อนไหลบ่ามาท่วมแปลงในฤดูฝน (ทำในกรณีพื้นที่ที่จะปลูกผักอินทรีย์อยู่ใกล้กับพื้นที่ปลูกพืชแบบทั่วไป) ร่องคูรอบแปลงควรกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร พร้อมกับทำการปลูกหญ้าแฝกริมร่อง โดยรอบทั้งด้านในและด้านนอก รากหญ้าแฝกก็ตัดไปใช้ปรับสภาพดินหรือใช้คลุมแปลงพืชผักอินทรีย์ต่อไป
4. ในการเตรียมแปลงครั้งแรกอนุโลมให้ใช้รถไถเดินตามได้ แต่ในครั้งต่อไปให้ใช้คนขุดพรวนดิน ถ้าใช้รถไถบ่อยๆแล้วมลพิษจากเครื่องยนต์จะตกค้างอยู่ในดิน และจะเกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษต่อพืชจึงต้องระวัง ห้ามสูบบุหรี่ในแปลงพืชอินทรีย์ ในการเตรียมแปลงจะต้องทำการไถพรวนให้พื้นที่ในแปลงโล่งแจ้งพร้อมที่จะวางรูปแบบแปลง ในการวางรูปแบบแปลงจะต้องวางไปตามตะวันเนื่องจากพืชใช้แสงแดดปรุงอาหารและแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค แปลงที่จะปลูกพืชผักนั้นความกว้างไม่ควรกว้างเกิน 1 เมตร ส่วนความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่ทำแปลงปลูกพืชผักไม่ทันก็ให้นำพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียวหรือ ถั่วมะแฮะมาหว่านคลุมดินเพื่อทำเป็นปุ๋ยพืชสด เพื่อเป็นการปรับปรุงดินไปพร้อมกับเป็นการป้องกันแมลงที่จะวางไข่ในพงหญ้าด้วย
5. เมื่อเตรียมแปลงแล้วก็หันมาทำการปลูกพืชสมุนไพรไล่แมลงก่อนที่จะปลูกพืชหลัก คือ พืชผักต่างๆ (เสริมกับการป้องกัน) ทางน้ำ ทางอากาศ และทางพื้นดิน พืชสมุนไพร ที่กันแมลงรอบนอก เช่น สะเดา ชะอม ตะไคร้หอม ข่า ปลูกห่างกัน 2 เมตร โดยรอบพื้นที่ ส่วนต้นด้านในกันแมลงในระดับต่ำโดยปลูกพืชสมุนไพรเตี้ยลงมาเช่น ดาวเรือง กระเพรา โหระพา ตะไคร้หอม พริกต่างๆ ปลูกห่างกัน 1 เมตร และ ที่จะลืมไม่ได้คือจะต้องปลูกตะไคร้หอมทุกๆ 3 เมตร แซมโดยรอบพื้นที่ด้านในด้วย
6. หลังจากปลูกพืชสมุนไพรเพื่อกันแมลงแล้วก็ทำการยกแปลงเพื่อปลูกพืชผัก แต่ก่อนที่จะปลูกต้องมีการปรับสภาพดินในแปลงปลูก โดยใส่ปุ๋ยคอก (ขี้วัว) การใส่ปุ๋ยคอกนั้นจะใส่มากน้อยขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินที่จะทำแปลงปลูกพืชอินทรีย์ (ขี้วัวต้องเป็นวัวที่กินพืชตามธรรมชาติ) ทำการพรวนคลุกกันให้ทั่วทิ้งไว้ 7 วันก่อนปลูก การปลูกให้ปลูกพืชสมุนไพรกันแมลงที่ขอบแปลงก่อน เช่น กุยฉ่าย คื่นฉ่าย และระหว่างแปลงก็ทำการปลูกกระเพรา โหระพา พริกต่างๆ เพื่อป้องกันแมลงก่อนที่จะทำการปลูกพืชผัก พอครบกำหนด 7 วัน พรวนดินอีกครั้งแล้วนำเมล็ดพันธุ์พืชมาหว่าน แต่เมล็ดพันธุ์พืชส่วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่คลุกสารเคมี จึงต้องนำเอาเมล็ดพันธุ์ผักมาล้าง โดยการนำน้ำที่มีความร้อน 50-55 องศาเซลเซียส วัดได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองคือ เอานิ้วจุ่มลงไปถ้าทนความร้อนได้ก็ให้นำเมล็ดพันธุ์พืชแช่ลงไป นาน30 นาที แล้วจึงนำมาคลุกกับกากสะเดา หรือสะเดาผงแล้วนำไปหว่านลงแปลงที่เตรียมไว้ คลุมฟาง และรดน้ำ ก่อนรดน้ำทุกวันควรขยำขยี้ใบตะไคร้หอมแล้วใช้ไม้เล็กๆ ตีใบกระเพรา โหระพา ข่าฯลฯ เพื่อให้เกิดกลิ่นจากพืชสมุนไพรออกใส่แมลง ควรพ่นสารสะเดาอย่างต่อเนื่องทุกๆ 3-7 วัน กันก่อน ถ้าปล่อยให้โรคแมลงมาแล้วจะแก้ไขไม่ทันเพราะว่าไม่ได้ใช้สารเคมีควรดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด พอถึงอายุเก็บเกี่ยวควรเก็บเกี่ยวผลผลิตถ้าทิ้งไว้จะสิ้นเปลืองสารสมุนไพร ในการปลูกพืชอินทรีย์ในระยะแรกผลผลิตจะได้น้อยกว่าพืชเคมีประมาณ 30-40 % แต่ราคานั้นจะมากกว่าพืชเคมี 20-50 % ผลดีคือทำให้สุขภาพของผู้ผลิตดีขึ้นไม่ต้องเสียค่ายา (รักษาคน) สิ่งแวดล้อมก็ดีด้วย รายได้ก็เพิ่มกว่าพืชเคมีหากทำอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่องผลผลิตจะไม่ต่างกับการปลูกพืชเคมีเลย
7. หลังจากที่ทำการเก็บเกี่ยวพืชแรกไปแล้ว ไม่ควรปลูกพืชชนิดเดียวกับพืชแรก เช่น ในแปลงที่ 1 ปลูกผักกาดเขียวปลีได้ผลผลิตดี หลังเก็บผลผลิตไปแล้ว ควรปลูกพืชสลับชนิด เช่นผักบุ้งจีน แล้วอาจตามด้วย ผักกาดหัว ผักปวยเล้ง ตั้งโอ๋ คะน้า ผักชี มะเขือ ฯลฯ ทำเช่นนี้ทุกๆแปลง ที่ปลูกแล้วจะได้ผลผลิตดี
8. การปลูกพืชอินทรีย์ ปลูกได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนแต่จะต้องปลูกพืชสมุนไพรก่อนและต่อเนื่องแล้วต้องปลูกพืชสมุนไพรสลับลงไปในแปลงพืชผักเสมอ แล้วต้องทำให้พืชสมุนไพรต่างๆ เกิดการช้ำจะได้มีกลิ่น ไม่ใช่ปลูกเอาไว้เฉยๆ การปลูกพืชแนวตั้งคือ พืชที่ขึ้นค้าง เช่นถั่วฝักยาว มะระจีน ฯลฯ และแนวนอนคือ พืชผักต่างๆ เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ปวยเล้ง ตั้งโอ๋ ฯลฯ ทุกครั้งที่ปลูกพืชในแปลงเกษตรอินทรีย์
9. การปลูกพืชสมุนไพร ในแปลงเพื่อไล่แมลงยังสามารถนำเอาพืชสมุนไพรเหล่านี้ไปขายเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย หลังจากทำการเก็บเกี่ยวพืชผักแล้วควรรีบทำความสะอาดแปลงไม่ควรทิ้งเศษพืชที่มีโรคแมลงไว้ในแปลง ให้รีบนำไปทำลายนอกแปลงส่วนเศษพืชที่ไม่มีโรคแมลงให้สับลงแปลงเป็นปุ๋ยต่อไป
ปัจจัย ที่สร้างความสำเร็จและเทคนิคที่สำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ คือ การทำโดยอาศัยความรู้ที่ฝังลึกซึ่ง เริ่มจากการเตรียมระบบนิเวศและธาตุอาหารพืช จากนั้นคือการดูแลรักษาพืชด้วยระบบห่วงโซ่อาหาร จนถึงการเก็บเกี่ยวเฉพาะส่วนที่สามารถนำไปบริโภคได้ ขณะที่การเข้าถึงตลาดพร้อมกับการจัดการหลังการ เก็บเกี่ยวอย่างง่ายในระดับฟาร์มจะนำมาสู่การยืดอายุ ในการวางจำหน่ายและผลผลิตที่มีคุณภาพดี ส่วน ข้อจำกัดของการผลิตผักอินทรีย์ ประกอบด้วย
(1) ข้อจำกัดด้านชีวกายภาพ ได้แก่ความอุดมสมบูรณ์ ของดินต่ า การขาดแคลนน้ าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และศัตรูพืช
(2) ข้อจำกัดด้านเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ ต้นทุนเริ่มกิจการสูง ค่าแรงงานสูง ค่าขนส่งแพง และ ตลาด
(3) ข้อจำกัดด้านความรู้ การขาดความ เข้าใจในปัญหาของฟาร์ม ได้แก่ ความสมดุลของธาตุ อาหาร สิ่งแวดล้อมพืช การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การจัดการของเสีย และทัศนคติของผู้บริโภค
การเก็บเกี่ยวผักอินทรีย์ควรเก็บเกี่ยวทันทีเมื่อถึง อายุการเก็บเกี่ยว หากทิ้งไว้นานจะสิ้นเปลืองสาร สมุนไพรที่ใช้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช การเก็บเกี่ยว ปฏิบัติเช่นเดียวกับผักทั่วไป
ปี 2559 เป็นวิทยากรประจำตำบลในการให้ความรู้การปลูกผักอินทรีย์ให้แก่ผู้ที่สนใจ
-