กลับไปหน้าค้นหา

นายนรากรณ์ จินดาบุตร

  • Facebook ID: -
  • Line ID: -
  • Email: -

ที่อยู่ 64 หมู 5 ตำบล : โคกพระเจดีย์ อำเภอ : นครชัยศรี จังหวัด: นครปฐม
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : อื่นๆ
ประวัติ :

     ผักอินทรีย์เป็นสินค้าที่ผู้ผลิตนำมาจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคได้บริโภคผักที่ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ถึงแม้ว่าผักอินทรีย์มีราคาสูงกว่าผักทั่ว ๆ ไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม การผลิตผักอินทรีย์เป็น วิธีการปลูกผักที่มีขั้นตอนละเอียดกว่าการปลูกผักทั่วไป โดยผู้ผลิตต้องศึกษามาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์เพื่อความ เข้าใจก่อนการปลูก พันธุ์ผักที่ใช้ปลูกต้องเป็นพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าสามารถเจริญเติบโตได้ดีในท้องถิ่น ทนทานต่อโรคและแมลง เป็นที่ต้องการของตลาด และเหมาะสมสำหรับการปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ นอกจากนี้การปลูกผักอินทรีย์ต้องมีการจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการใช้ระบบปลูกพืช วัสดุเหลือใช้ทาง การเกษตร จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และวัสดุจากธรรมชาติ ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ทุกชนิด หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีสังเคราะห์ และมีการแยกแยะผลผลิตให้แตกต่าง จากผักทั่วไปอย่างชัดเจน ซึ่งการปฏิบัติตามมาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์จะท าให้เกษตรกรได้ผลผลิตผักอินทรีย์ที่มี คุณภาพและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค


ความสำเร็จ :

ปัจจัย ที่สร้างความสำเร็จและเทคนิคที่สำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ คือ การทำโดยอาศัยความรู้ที่ฝังลึกซึ่ง เริ่มจากการเตรียมระบบนิเวศและธาตุอาหารพืช จากนั้นคือการดูแลรักษาพืชด้วยระบบห่วงโซ่อาหาร จนถึงการเก็บเกี่ยวเฉพาะส่วนที่สามารถนำไปบริโภคได้ ขณะที่การเข้าถึงตลาดพร้อมกับการจัดการหลังการ เก็บเกี่ยวอย่างง่ายในระดับฟาร์มจะนำมาสู่การยืดอายุ ในการวางจำหน่ายและผลผลิตที่มีคุณภาพดี ส่วน ข้อจำกัดของการผลิตผักอินทรีย์ ประกอบด้วย



(1) ข้อจำกัดด้านชีวกายภาพ ได้แก่ความอุดมสมบูรณ์ ของดินต่ า การขาดแคลนน้ าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และศัตรูพืช



(2) ข้อจำกัดด้านเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ ต้นทุนเริ่มกิจการสูง ค่าแรงงานสูง ค่าขนส่งแพง และ ตลาด 



(3) ข้อจำกัดด้านความรู้ การขาดความ เข้าใจในปัญหาของฟาร์ม ได้แก่ ความสมดุลของธาตุ อาหาร สิ่งแวดล้อมพืช การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การจัดการของเสีย และทัศนคติของผู้บริโภค


ความชำนาญ : ปลูกผักอินทรีย์


ข้อมูลปราชญ์ชาวบ้าน

  •      ผักอินทรีย์เป็นสินค้าที่ผู้ผลิตนำมาจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคได้บริโภคผักที่ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ถึงแม้ว่าผักอินทรีย์มีราคาสูงกว่าผักทั่ว ๆ ไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม การผลิตผักอินทรีย์เป็น วิธีการปลูกผักที่มีขั้นตอนละเอียดกว่าการปลูกผักทั่วไป โดยผู้ผลิตต้องศึกษามาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์เพื่อความ เข้าใจก่อนการปลูก พันธุ์ผักที่ใช้ปลูกต้องเป็นพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าสามารถเจริญเติบโตได้ดีในท้องถิ่น ทนทานต่อโรคและแมลง เป็นที่ต้องการของตลาด และเหมาะสมสำหรับการปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ นอกจากนี้การปลูกผักอินทรีย์ต้องมีการจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการใช้ระบบปลูกพืช วัสดุเหลือใช้ทาง การเกษตร จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และวัสดุจากธรรมชาติ ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ทุกชนิด หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีสังเคราะห์ และมีการแยกแยะผลผลิตให้แตกต่าง จากผักทั่วไปอย่างชัดเจน ซึ่งการปฏิบัติตามมาตรฐานการผลิตผักอินทรีย์จะท าให้เกษตรกรได้ผลผลิตผักอินทรีย์ที่มี คุณภาพและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค

  • หลักการผลิตผักอินทรีย์



    1. เลือกพื้นที่ที่ไม่เคยทำการเกษตรเคมีมาไม่น้อยกว่า 3 ปี



    2. เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างดอนและโล่งแจ้ง



    3. อยู่ห่างจากจากโรงงานอุตสาหกรรม



    4. อยู่ห่างจากแปลงที่ใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี



    5. ห่างจากถนนหลวงหลัก



    6. มีแหล่งน้ำที่ปลอดสารพิษ



    ขั้นตอนการเตรียมแปลง



    1. เก็บตัวอย่างดิน ดินบนและดินล่างอย่างละ 1 กิโลกรัม  นำไปวิเคราะห์พร้อมกัน  เพื่อหาชนิดของดินและปริมาณธาตุอาหารที่อยู่ในดิน



    2. แหล่งน้ำจะต้องเป็นแหล่งน้ำอิสระ  เก็บตัวอย่างน้ำ 1 ลิตร นำไปวิเคราะห์เพื่อหาสารปนเปื้อนที่ขัดต่อหลักการผลิตพืชอินทรีย์



    3. เมื่อทราบข้อมูลของดินและน้ำแล้วว่าไม่มีพิษต่อการปลูกพืชอินทรีย์ก็เริ่มทำการวางรูปแบบแปลงผลิตพืชอินทรีย์  การวางรูปแบบแปลงจะต้องทำการขุดร่องล้อมรอบแปลง  เพื่อเป็นการดักน้ำหรือป้องกันน้ำที่มีสารปนเปื้อนไหลบ่ามาท่วมแปลงในฤดูฝน (ทำในกรณีพื้นที่ที่จะปลูกผักอินทรีย์อยู่ใกล้กับพื้นที่ปลูกพืชแบบทั่วไป) ร่องคูรอบแปลงควรกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร  พร้อมกับทำการปลูกหญ้าแฝกริมร่อง  โดยรอบทั้งด้านในและด้านนอก  รากหญ้าแฝกก็ตัดไปใช้ปรับสภาพดินหรือใช้คลุมแปลงพืชผักอินทรีย์ต่อไป



    4. ในการเตรียมแปลงครั้งแรกอนุโลมให้ใช้รถไถเดินตามได้  แต่ในครั้งต่อไปให้ใช้คนขุดพรวนดิน  ถ้าใช้รถไถบ่อยๆแล้วมลพิษจากเครื่องยนต์จะตกค้างอยู่ในดิน  และจะเกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษต่อพืชจึงต้องระวัง  ห้ามสูบบุหรี่ในแปลงพืชอินทรีย์  ในการเตรียมแปลงจะต้องทำการไถพรวนให้พื้นที่ในแปลงโล่งแจ้งพร้อมที่จะวางรูปแบบแปลง  ในการวางรูปแบบแปลงจะต้องวางไปตามตะวันเนื่องจากพืชใช้แสงแดดปรุงอาหารและแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค  แปลงที่จะปลูกพืชผักนั้นความกว้างไม่ควรกว้างเกิน 1 เมตร  ส่วนความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่  ส่วนพื้นที่ที่ทำแปลงปลูกพืชผักไม่ทันก็ให้นำพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียวหรือ ถั่วมะแฮะมาหว่านคลุมดินเพื่อทำเป็นปุ๋ยพืชสด  เพื่อเป็นการปรับปรุงดินไปพร้อมกับเป็นการป้องกันแมลงที่จะวางไข่ในพงหญ้าด้วย



    5. เมื่อเตรียมแปลงแล้วก็หันมาทำการปลูกพืชสมุนไพรไล่แมลงก่อนที่จะปลูกพืชหลัก คือ พืชผักต่างๆ (เสริมกับการป้องกัน) ทางน้ำ ทางอากาศ และทางพื้นดิน พืชสมุนไพร ที่กันแมลงรอบนอก เช่น สะเดา ชะอม ตะไคร้หอม ข่า ปลูกห่างกัน 2 เมตร โดยรอบพื้นที่ ส่วนต้นด้านในกันแมลงในระดับต่ำโดยปลูกพืชสมุนไพรเตี้ยลงมาเช่น ดาวเรือง กระเพรา โหระพา ตะไคร้หอม  พริกต่างๆ ปลูกห่างกัน 1  เมตร และ ที่จะลืมไม่ได้คือจะต้องปลูกตะไคร้หอมทุกๆ 3  เมตร แซมโดยรอบพื้นที่ด้านในด้วย



    6. หลังจากปลูกพืชสมุนไพรเพื่อกันแมลงแล้วก็ทำการยกแปลงเพื่อปลูกพืชผัก แต่ก่อนที่จะปลูกต้องมีการปรับสภาพดินในแปลงปลูก โดยใส่ปุ๋ยคอก (ขี้วัว) การใส่ปุ๋ยคอกนั้นจะใส่มากน้อยขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินที่จะทำแปลงปลูกพืชอินทรีย์ (ขี้วัวต้องเป็นวัวที่กินพืชตามธรรมชาติ) ทำการพรวนคลุกกันให้ทั่วทิ้งไว้ 7 วันก่อนปลูก การปลูกให้ปลูกพืชสมุนไพรกันแมลงที่ขอบแปลงก่อน เช่น กุยฉ่าย คื่นฉ่าย และระหว่างแปลงก็ทำการปลูกกระเพรา โหระพา พริกต่างๆ เพื่อป้องกันแมลงก่อนที่จะทำการปลูกพืชผัก พอครบกำหนด    7 วัน พรวนดินอีกครั้งแล้วนำเมล็ดพันธุ์พืชมาหว่าน แต่เมล็ดพันธุ์พืชส่วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่คลุกสารเคมี จึงต้องนำเอาเมล็ดพันธุ์ผักมาล้าง โดยการนำน้ำที่มีความร้อน 50-55 องศาเซลเซียส วัดได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองคือ เอานิ้วจุ่มลงไปถ้าทนความร้อนได้ก็ให้นำเมล็ดพันธุ์พืชแช่ลงไป นาน30 นาที แล้วจึงนำมาคลุกกับกากสะเดา หรือสะเดาผงแล้วนำไปหว่านลงแปลงที่เตรียมไว้ คลุมฟาง และรดน้ำ ก่อนรดน้ำทุกวันควรขยำขยี้ใบตะไคร้หอมแล้วใช้ไม้เล็กๆ ตีใบกระเพรา โหระพา ข่าฯลฯ เพื่อให้เกิดกลิ่นจากพืชสมุนไพรออกใส่แมลง ควรพ่นสารสะเดาอย่างต่อเนื่องทุกๆ 3-7 วัน กันก่อน ถ้าปล่อยให้โรคแมลงมาแล้วจะแก้ไขไม่ทันเพราะว่าไม่ได้ใช้สารเคมีควรดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด พอถึงอายุเก็บเกี่ยวควรเก็บเกี่ยวผลผลิตถ้าทิ้งไว้จะสิ้นเปลืองสารสมุนไพร ในการปลูกพืชอินทรีย์ในระยะแรกผลผลิตจะได้น้อยกว่าพืชเคมีประมาณ 30-40 % แต่ราคานั้นจะมากกว่าพืชเคมี 20-50 % ผลดีคือทำให้สุขภาพของผู้ผลิตดีขึ้นไม่ต้องเสียค่ายา (รักษาคน) สิ่งแวดล้อมก็ดีด้วย รายได้ก็เพิ่มกว่าพืชเคมีหากทำอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่องผลผลิตจะไม่ต่างกับการปลูกพืชเคมีเลย



    7. หลังจากที่ทำการเก็บเกี่ยวพืชแรกไปแล้ว ไม่ควรปลูกพืชชนิดเดียวกับพืชแรก เช่น ในแปลงที่ 1 ปลูกผักกาดเขียวปลีได้ผลผลิตดี หลังเก็บผลผลิตไปแล้ว ควรปลูกพืชสลับชนิด เช่นผักบุ้งจีน แล้วอาจตามด้วย ผักกาดหัว ผักปวยเล้ง  ตั้งโอ๋  คะน้า  ผักชี  มะเขือ  ฯลฯ ทำเช่นนี้ทุกๆแปลง ที่ปลูกแล้วจะได้ผลผลิตดี



    8. การปลูกพืชอินทรีย์ ปลูกได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนแต่จะต้องปลูกพืชสมุนไพรก่อนและต่อเนื่องแล้วต้องปลูกพืชสมุนไพรสลับลงไปในแปลงพืชผักเสมอ แล้วต้องทำให้พืชสมุนไพรต่างๆ เกิดการช้ำจะได้มีกลิ่น ไม่ใช่ปลูกเอาไว้เฉยๆ การปลูกพืชแนวตั้งคือ พืชที่ขึ้นค้าง เช่นถั่วฝักยาว มะระจีน ฯลฯ และแนวนอนคือ พืชผักต่างๆ เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ปวยเล้ง ตั้งโอ๋ ฯลฯ ทุกครั้งที่ปลูกพืชในแปลงเกษตรอินทรีย์



    9. การปลูกพืชสมุนไพร ในแปลงเพื่อไล่แมลงยังสามารถนำเอาพืชสมุนไพรเหล่านี้ไปขายเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย หลังจากทำการเก็บเกี่ยวพืชผักแล้วควรรีบทำความสะอาดแปลงไม่ควรทิ้งเศษพืชที่มีโรคแมลงไว้ในแปลง ให้รีบนำไปทำลายนอกแปลงส่วนเศษพืชที่ไม่มีโรคแมลงให้สับลงแปลงเป็นปุ๋ยต่อไป

  • ปัจจัย ที่สร้างความสำเร็จและเทคนิคที่สำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ คือ การทำโดยอาศัยความรู้ที่ฝังลึกซึ่ง เริ่มจากการเตรียมระบบนิเวศและธาตุอาหารพืช จากนั้นคือการดูแลรักษาพืชด้วยระบบห่วงโซ่อาหาร จนถึงการเก็บเกี่ยวเฉพาะส่วนที่สามารถนำไปบริโภคได้ ขณะที่การเข้าถึงตลาดพร้อมกับการจัดการหลังการ เก็บเกี่ยวอย่างง่ายในระดับฟาร์มจะนำมาสู่การยืดอายุ ในการวางจำหน่ายและผลผลิตที่มีคุณภาพดี ส่วน ข้อจำกัดของการผลิตผักอินทรีย์ ประกอบด้วย



    (1) ข้อจำกัดด้านชีวกายภาพ ได้แก่ความอุดมสมบูรณ์ ของดินต่ า การขาดแคลนน้ าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และศัตรูพืช



    (2) ข้อจำกัดด้านเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ ต้นทุนเริ่มกิจการสูง ค่าแรงงานสูง ค่าขนส่งแพง และ ตลาด 



    (3) ข้อจำกัดด้านความรู้ การขาดความ เข้าใจในปัญหาของฟาร์ม ได้แก่ ความสมดุลของธาตุ อาหาร สิ่งแวดล้อมพืช การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การจัดการของเสีย และทัศนคติของผู้บริโภค

  • การเก็บเกี่ยวผักอินทรีย์ควรเก็บเกี่ยวทันทีเมื่อถึง อายุการเก็บเกี่ยว หากทิ้งไว้นานจะสิ้นเปลืองสาร สมุนไพรที่ใช้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช การเก็บเกี่ยว ปฏิบัติเช่นเดียวกับผักทั่วไป

  • ปี 2559  เป็นวิทยากรประจำตำบลในการให้ความรู้การปลูกผักอินทรีย์ให้แก่ผู้ที่สนใจ

  • -