ที่อยู่ 76
หมู 1 ตำบล : โคกพระเจดีย์ อำเภอ : นครชัยศรี จังหวัด: นครปฐม
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : มัธยมศึกษาปีที่ 6
ประวัติ :
บางคนเคยเป็นข้าราชการ เคยเป็นครู บางคนเออร์ลี่รีไทร์ เพราะเบื่อหน่ายกับอาชีพราชการ หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่ใช่แบบสมัครเล่น แต่ทำอย่างจริงจังและมีความสุขกับอาชีพนี้ บางคนเคยรับราชการ เคยเป็นพนักงานบริษัท มีตำแหน่งสูง มีเงินเดือนประจำ ลาออกมาเป็นเกษตรกรก็มี อย่างคุณอุทัย สามเพชรเจิญ ที่ตำบลโคกพระเจดีย์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
คุณอุทัยไม่ได้ออกมาเพื่อทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน เขาทำจนร่ำรวยด้วยความรู้ด้วยปัญญา ด้วยการวางแผนและการจัดการที่ดี เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ กับพืช กับสัตว์ ทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี เรียนรู้ว่า พืชสัตว์มีวิถีของมันอย่างไร ถ้าอยู่กับมันอย่างเข้าใจ มันก็จะเลี้ยงเรา
ความจริง คนจำนวนมากประกอบอาชีพหลักแล้วทำการเกษตรเป็นอาชีพรอง มีที่ดินก็ปลูกยางพาราบ้าง ปาล์มบ้าง พืชยืนต้น พืชล้มลุก เกษตรผสมผสานบ้างแล้วแต่ความถนัดและเวลาที่มี
บางคนเรียนรู้ว่าจะพึ่งพาตนเองอย่างไร มีที่ดินก็แบ่งปลูกหลายอย่าง ปลูกยางส่วนหนึ่ง หญ้าเนเปียร์สักไร่สองไร่เอาไว้เลี้ยงวัวพันธุ์ผสมสัก 5-6 ตัว เพื่อจะได้ขี้วัวไปใส่ต้นไม้ ใส่พืชผักต่างๆ เลี้ยงหมูสองสามตัว เอาขี้หมูไปทำแก๊สเพื่อหุงต้ม ไม่ต้องไปซื้อจากตลาด จากนั้นก็เอาไปทำปุ๋ยได้อีก เลี้ยงไก่ไว้กินไข่กินเนื้อ เลี้ยงปลาไว้กินไว้ขาย
ซึ่งจากด้วยความพยายามและประสบการณ์จากการทำไร่ฝรั่งมากว่า 10 ปี คุณอุทัยจึงตัดสินใจไปซื้อต้นพันธุ์ชมพู่เพชรสามพรานจาก จ.นครปฐม มาทดลองปลูก 200 ต้น บนเนื้อที่ 4 ไร่ โดยวิธีขั้นตอนการปลูกก็ไม่ยุ่งยากหลังจากเตรียมพื้นที่ที่จะปลูกแล้วก็ขุดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 1 เมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ที่หาได้จากท้องถิ่น แล้วนำต้นชมพู่ลงปลูกระยะเริ่มปลูกใหม่ควรให้น้ำวันละ 1–2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกว่าต้นชมพู่จะตั้งตัวได้
จากสภาพพื้นที่ที่แห้งแล้งประกอบกับชมพู่เป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก คุณอุทัยจึงใช้วิธีขุดเจาะบ่อบาดาลแล้วติดตั้งปั๊มสูบขึ้นมาพักไว้ในบ่อดินแล้วเดินท่อติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ในสวนชมพู่ ทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงสวนชมพู่ได้โดยไม่มีปัญหา
เกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มั่นคงได้ถ้าหากใช้ความรู้ ความรักในอาชีพนี้และความขยัน วันนี้มีชาวนาเงินล้านมากมาย มีชาวนาที่ไม่ได้นั่งรถ ปิ๊กอัพเก่าๆ แต่นั่งรถเก๋ง นั่งรถเบนซ์อย่างชาวนาเยอรมันก็ยังมี พวกเขาไม่ได้ทำเกษตรอะไรใหญ่โตที่ต้องลงทุนมากมาย แต่ทำเกษตรที่ละเอียดและประณีตมากกว่า สำหรับเกษตรกรยุคใหม่หลายคน รายได้เดือนละแสนกว่าบาทเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ทุนสำคัญที่สุดในการทำการเกษตรวันนี้ คือ ทุนทางปัญญา ซึ่งมีค่ามากกว่าทุนอื่นๆ คนมีความรู้มีปัญญา ไม่มีดินก็จะได้ดิน ไปเช่าเขาปีสองปีก็ซื้อที่ดินได้แล้ว
ถ้าทำเกษตรแบบนี้แล้วรายได้เป็นแสนย่อมดีกว่าไปเป็นลูกจ้างเงินเดือนเท่ากัน เพราะนอกจากจะเป็นรายได้สุทธิแล้ว ยังมีอาหารดีที่ไม่มีสารพิษ ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากมาย ไม่ต้องเดินทางไปทำงานทุกวันให้เหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตาตั้งไปตอกบัตร ไม่ต้องไปเครียดไปทะเลาะกับหัวหน้าเจ้านายที่ไหน
อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะเป็นอาชีพที่ถ้าทำให้ดีก็จะมีความเป็นอิสระ พึ่งพาตนเองได้ พึ่งตนเอง แปลว่า คิดได้ ตัดสินใจได้ เลือกได้ เป็นตัวของตัวเอง และมีความสุข
ชมพู่เพชรสามพรานจะเริ่มออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม จะทยอยอกดอกทั้งปี ไปสิ้นสุดในเดือนเมษายน จะพักต้น 3 เดือน เมื่อชมพู่เริ่มติดดอก เกษตรกรจะต้องแต่งช่อผลโดยปลิดลูกออกให้เหลือช่อละ 4 ผล ปริมาณนี้เมื่อเติบโตเต็มที่จะเป็นที่ต้องการของตลาด คือ ขนาด 6-7 ผล ต่อ กิโลกรัม เมื่อแต่งช่อผลแล้วก็ทำการห่อช่อผลด้วยถุงพลาสติก ป้องกันแมลงเข้าไปกัดกิน
การป้องกันแมลงให้ใช้สารสมุนไพรชีวภาพ ประกอบด้วย หัวข่าแก่ ตะไคร้หอม สะเดา หมัดไว้ประมาณ 3 คืน แล้วนำไปฉีดพ่นไล่แมลง ชมพู่เพชรสมพรานให้ผลผลิตคิดเป็นเงินต้นละไม่ต้องกว่า 25,000 บาท ต่อปี ผู้ที่สนใจจะปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ จะต้องศึกษาทำความเข้าใจ เรื่องดิน การใช้ปุ๋ย การให้น้ำเป็นอย่างดี เมื่อเสร็จสิ้นฤดูกาลในปีหนึ่งๆ จะต้องตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง กิ่งที่ไม่ต้องการก็ต้องตัดออก บริเวณโคนต้นต้องเก็บกวาดเอาใบออกให้หมด ป้องกันแมลงลงไปไข่ เป็นการตักวงจรการเพาะพันธุ์ของแมลง
บางคนเคยเป็นข้าราชการ เคยเป็นครู บางคนเออร์ลี่รีไทร์ เพราะเบื่อหน่ายกับอาชีพราชการ หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่ใช่แบบสมัครเล่น แต่ทำอย่างจริงจังและมีความสุขกับอาชีพนี้ บางคนเคยรับราชการ เคยเป็นพนักงานบริษัท มีตำแหน่งสูง มีเงินเดือนประจำ ลาออกมาเป็นเกษตรกรก็มี อย่างคุณอุทัย สามเพชรเจิญ ที่ตำบลโคกพระเจดีย์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
คุณอุทัยไม่ได้ออกมาเพื่อทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน เขาทำจนร่ำรวยด้วยความรู้ด้วยปัญญา ด้วยการวางแผนและการจัดการที่ดี เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ กับพืช กับสัตว์ ทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี เรียนรู้ว่า พืชสัตว์มีวิถีของมันอย่างไร ถ้าอยู่กับมันอย่างเข้าใจ มันก็จะเลี้ยงเรา
ความจริง คนจำนวนมากประกอบอาชีพหลักแล้วทำการเกษตรเป็นอาชีพรอง มีที่ดินก็ปลูกยางพาราบ้าง ปาล์มบ้าง พืชยืนต้น พืชล้มลุก เกษตรผสมผสานบ้างแล้วแต่ความถนัดและเวลาที่มี
บางคนเรียนรู้ว่าจะพึ่งพาตนเองอย่างไร มีที่ดินก็แบ่งปลูกหลายอย่าง ปลูกยางส่วนหนึ่ง หญ้าเนเปียร์สักไร่สองไร่เอาไว้เลี้ยงวัวพันธุ์ผสมสัก 5-6 ตัว เพื่อจะได้ขี้วัวไปใส่ต้นไม้ ใส่พืชผักต่างๆ เลี้ยงหมูสองสามตัว เอาขี้หมูไปทำแก๊สเพื่อหุงต้ม ไม่ต้องไปซื้อจากตลาด จากนั้นก็เอาไปทำปุ๋ยได้อีก เลี้ยงไก่ไว้กินไข่กินเนื้อ เลี้ยงปลาไว้กินไว้ขาย
ซึ่งจากด้วยความพยายามและประสบการณ์จากการทำไร่ฝรั่งมากว่า 10 ปี คุณอุทัยจึงตัดสินใจไปซื้อต้นพันธุ์ชมพู่เพชรสามพรานจาก จ.นครปฐม มาทดลองปลูก 200 ต้น บนเนื้อที่ 4 ไร่ โดยวิธีขั้นตอนการปลูกก็ไม่ยุ่งยากหลังจากเตรียมพื้นที่ที่จะปลูกแล้วก็ขุดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 1 เมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ที่หาได้จากท้องถิ่น แล้วนำต้นชมพู่ลงปลูกระยะเริ่มปลูกใหม่ควรให้น้ำวันละ 1–2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกว่าต้นชมพู่จะตั้งตัวได้
จากสภาพพื้นที่ที่แห้งแล้งประกอบกับชมพู่เป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก คุณอุทัยจึงใช้วิธีขุดเจาะบ่อบาดาลแล้วติดตั้งปั๊มสูบขึ้นมาพักไว้ในบ่อดินแล้วเดินท่อติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ในสวนชมพู่ ทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงสวนชมพู่ได้โดยไม่มีปัญหา
เกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มั่นคงได้ถ้าหากใช้ความรู้ ความรักในอาชีพนี้และความขยัน วันนี้มีชาวนาเงินล้านมากมาย มีชาวนาที่ไม่ได้นั่งรถ ปิ๊กอัพเก่าๆ แต่นั่งรถเก๋ง นั่งรถเบนซ์อย่างชาวนาเยอรมันก็ยังมี พวกเขาไม่ได้ทำเกษตรอะไรใหญ่โตที่ต้องลงทุนมากมาย แต่ทำเกษตรที่ละเอียดและประณีตมากกว่า สำหรับเกษตรกรยุคใหม่หลายคน รายได้เดือนละแสนกว่าบาทเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ทุนสำคัญที่สุดในการทำการเกษตรวันนี้ คือ ทุนทางปัญญา ซึ่งมีค่ามากกว่าทุนอื่นๆ คนมีความรู้มีปัญญา ไม่มีดินก็จะได้ดิน ไปเช่าเขาปีสองปีก็ซื้อที่ดินได้แล้ว
ถ้าทำเกษตรแบบนี้แล้วรายได้เป็นแสนย่อมดีกว่าไปเป็นลูกจ้างเงินเดือนเท่ากัน เพราะนอกจากจะเป็นรายได้สุทธิแล้ว ยังมีอาหารดีที่ไม่มีสารพิษ ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากมาย ไม่ต้องเดินทางไปทำงานทุกวันให้เหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตาตั้งไปตอกบัตร ไม่ต้องไปเครียดไปทะเลาะกับหัวหน้าเจ้านายที่ไหน
อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะเป็นอาชีพที่ถ้าทำให้ดีก็จะมีความเป็นอิสระ พึ่งพาตนเองได้ พึ่งตนเอง แปลว่า คิดได้ ตัดสินใจได้ เลือกได้ เป็นตัวของตัวเอง และมีความสุข
เมื่อต้นชมพู่มีอายุได้ 2-3 ปี ก็จะเริ่มออกดอก และเมื่อแต่ละช่อติดผลขนาดเท่าหัวแม่มือ หากในช่อมีลูกชมพู่ติดกันเป็นจำนวนมาก ให้ปลิดทิ้งเหลือลูกที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ เมื่อผลมีอายุประมาณ 2 เดือน ก็ให้ใช้ถุงพลาสติกห่อผลที่สมบูรณ์ไว้ช่อละ 3 ผล เพื่อป้องกันแมลงรบกวน โดยแต่ละช่อไม่ควรเกิน 3 ผล เพราะจะทำให้คุณภาพไม่ดี หลังห่อไว้ประมาณ 20-25 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้”
เทคนิคเคล็ดลับในการดูแลชมพู่ให้มีสีสด รสชาติหวาน กรอบ เป็นที่ต้องการของตลาดด้วยว่า ต้องเอาใจใส่ดูแลตั้งแต่เริ่มต้นปลูก หมั่นรดน้ำ ใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ หากพื้นที่ที่แห้งแล้งก็ให้ใช้วิธีสูบน้ำบาดาลขึ้นมาพักหรือกักเก็บไว้ในบ่อให้เพียงพอ หลังปลูกมาได้ 3 ปี และให้ผลผลิตเป็นปีแรก ถึงขณะนี้เก็บขายมาแล้ว 2 รุ่น โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อชมพู่ถึงสวน และนำไปส่งให้ชาวบ้านวางขายตามเพิงริมถนนวันละ 700 กิโลกรัม
ชมพู่เพชรสามพรานจะเริ่มออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม จะทยอยอกดอกทั้งปี ไปสิ้นสุดในเดือนเมษายน จะพักต้น 3 เดือน เมื่อชมพู่เริ่มติดดอก เกษตรกรจะต้องแต่งช่อผลโดยปลิดลูกออกให้เหลือช่อละ 4 ผล ปริมาณนี้เมื่อเติบโตเต็มที่จะเป็นที่ต้องการของตลาด คือ ขนาด 6-7 ผล ต่อ กิโลกรัม เมื่อแต่งช่อผลแล้วก็ทำการห่อช่อผลด้วยถุงพลาสติก ป้องกันแมลงเข้าไปกัดกิน
การป้องกันแมลงให้ใช้สารสมุนไพรชีวภาพ ประกอบด้วย หัวข่าแก่ ตะไคร้หอม สะเดา หมัดไว้ประมาณ 3 คืน แล้วนำไปฉีดพ่นไล่แมลง ชมพู่เพชรสมพรานให้ผลผลิตคิดเป็นเงินต้นละไม่ต้องกว่า 25,000 บาท ต่อปี ผู้ที่สนใจจะปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ จะต้องศึกษาทำความเข้าใจ เรื่องดิน การใช้ปุ๋ย การให้น้ำเป็นอย่างดี เมื่อเสร็จสิ้นฤดูกาลในปีหนึ่งๆ จะต้องตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง กิ่งที่ไม่ต้องการก็ต้องตัดออก บริเวณโคนต้นต้องเก็บกวาดเอาใบออกให้หมด ป้องกันแมลงลงไปไข่ เป็นการตักวงจรการเพาะพันธุ์ของแมลง
การดูแลป้องกันในการปลูกชมพู่เพชรสามพรานต้องหมั่นสังเกตุสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบการระบาดของเพลี้ยในระยะแรกๆให้รีบทำการรักษาป้องกันแบบปลายเหตุด้วยการใช้สารชีวภาพกำจัดเพลี้ยที่ชื่อว่าจุลินทรีย์ทริปโตฝาจ (บิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม) ในอัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ก่อนใส่ควรใช้สารจับใบ (ม้อยท์เจอร์แพล้นท์) หรือน้ำยาล้างจานเพื่อทำลายจุดแข็งของเพลี้ยที่มักฉีดพ่นไปแล้วไม่สามารถเกาะติดหรือสัมผัสกับตัวเพลี้ยได้เนื่องจากมีผงฝุ่นผงแป้งและคราบน้ำมันลื่นๆทำหน้าที่ปกป้องตัวของเพลี้ยทำให้การฉีดพ่นสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงก็ไม่สามารถกำจัดหรือรักษาได้โดยเฉพาะลักษณะการฉีดพ่นแบบเดินเร็วเดินไวฉีดเป็นเพียงละอองฝอยๆเพราะจะโดนหรือสัมผัสเฉพาะตัวแก่ที่อยู่ด้านบนส่วนตัวลูกๆที่อยู่ด้านล่างจะไม่ตาย ดังนั้นต้องฉีดให้เปียกชุ่มโชกเหมือนอาบน้ำหรือฝนตก แต่การใช้จุลินทรีย์ทริปโตฝาจจะช่วยให้การกำจัดมีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตและขยายจำนวนได้ อีกทั้งยังปลอดภัยไร้สารพิษไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ปี 2559 การได้รับการคัดเลือกจากตำบลโคกพระเจดีย์ในการเป็นวิทยากรในการให้ความรู้การปลูกชมพู่เพชรสามพราน