กลับไปหน้าค้นหา

นางอุทัย สามเพชรเจริญ

  • Facebook ID: -
  • Line ID: -
  • Email: -

ที่อยู่ 76 หมู 1 ตำบล : โคกพระเจดีย์ อำเภอ : นครชัยศรี จังหวัด: นครปฐม
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : มัธยมศึกษาปีที่ 6
ประวัติ :

   



     บางคนเคยเป็นข้าราชการ เคยเป็นครู บางคนเออร์ลี่รีไทร์ เพราะเบื่อหน่ายกับอาชีพราชการ หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่ใช่แบบสมัครเล่น แต่ทำอย่างจริงจังและมีความสุขกับอาชีพนี้ บางคนเคยรับราชการ เคยเป็นพนักงานบริษัท มีตำแหน่งสูง มีเงินเดือนประจำ ลาออกมาเป็นเกษตรกรก็มี อย่างคุณอุทัย  สามเพชรเจิญ  ที่ตำบลโคกพระเจดีย์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม



     คุณอุทัยไม่ได้ออกมาเพื่อทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน เขาทำจนร่ำรวยด้วยความรู้ด้วยปัญญา ด้วยการวางแผนและการจัดการที่ดี เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ กับพืช กับสัตว์ ทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี เรียนรู้ว่า พืชสัตว์มีวิถีของมันอย่างไร ถ้าอยู่กับมันอย่างเข้าใจ มันก็จะเลี้ยงเรา



     ความจริง คนจำนวนมากประกอบอาชีพหลักแล้วทำการเกษตรเป็นอาชีพรอง มีที่ดินก็ปลูกยางพาราบ้าง ปาล์มบ้าง พืชยืนต้น พืชล้มลุก เกษตรผสมผสานบ้างแล้วแต่ความถนัดและเวลาที่มี



     บางคนเรียนรู้ว่าจะพึ่งพาตนเองอย่างไร มีที่ดินก็แบ่งปลูกหลายอย่าง ปลูกยางส่วนหนึ่ง หญ้าเนเปียร์สักไร่สองไร่เอาไว้เลี้ยงวัวพันธุ์ผสมสัก 5-6 ตัว เพื่อจะได้ขี้วัวไปใส่ต้นไม้ ใส่พืชผักต่างๆ เลี้ยงหมูสองสามตัว เอาขี้หมูไปทำแก๊สเพื่อหุงต้ม ไม่ต้องไปซื้อจากตลาด จากนั้นก็เอาไปทำปุ๋ยได้อีก เลี้ยงไก่ไว้กินไข่กินเนื้อ เลี้ยงปลาไว้กินไว้ขาย



    ซึ่งจากด้วยความพยายามและประสบการณ์จากการทำไร่ฝรั่งมากว่า 10 ปี  คุณอุทัยจึงตัดสินใจไปซื้อต้นพันธุ์ชมพู่เพชรสามพรานจาก จ.นครปฐม มาทดลองปลูก 200 ต้น บนเนื้อที่ 4 ไร่ โดยวิธีขั้นตอนการปลูกก็ไม่ยุ่งยากหลังจากเตรียมพื้นที่ที่จะปลูกแล้วก็ขุดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 1 เมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ที่หาได้จากท้องถิ่น แล้วนำต้นชมพู่ลงปลูกระยะเริ่มปลูกใหม่ควรให้น้ำวันละ 1–2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกว่าต้นชมพู่จะตั้งตัวได้



    จากสภาพพื้นที่ที่แห้งแล้งประกอบกับชมพู่เป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก คุณอุทัยจึงใช้วิธีขุดเจาะบ่อบาดาลแล้วติดตั้งปั๊มสูบขึ้นมาพักไว้ในบ่อดินแล้วเดินท่อติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ในสวนชมพู่ ทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงสวนชมพู่ได้โดยไม่มีปัญหา



    เกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มั่นคงได้ถ้าหากใช้ความรู้ ความรักในอาชีพนี้และความขยัน วันนี้มีชาวนาเงินล้านมากมาย มีชาวนาที่ไม่ได้นั่งรถ ปิ๊กอัพเก่าๆ แต่นั่งรถเก๋ง นั่งรถเบนซ์อย่างชาวนาเยอรมันก็ยังมี  พวกเขาไม่ได้ทำเกษตรอะไรใหญ่โตที่ต้องลงทุนมากมาย แต่ทำเกษตรที่ละเอียดและประณีตมากกว่า สำหรับเกษตรกรยุคใหม่หลายคน รายได้เดือนละแสนกว่าบาทเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว



    ทุนสำคัญที่สุดในการทำการเกษตรวันนี้ คือ ทุนทางปัญญา ซึ่งมีค่ามากกว่าทุนอื่นๆ คนมีความรู้มีปัญญา ไม่มีดินก็จะได้ดิน ไปเช่าเขาปีสองปีก็ซื้อที่ดินได้แล้ว

 

    ถ้าทำเกษตรแบบนี้แล้วรายได้เป็นแสนย่อมดีกว่าไปเป็นลูกจ้างเงินเดือนเท่ากัน เพราะนอกจากจะเป็นรายได้สุทธิแล้ว ยังมีอาหารดีที่ไม่มีสารพิษ ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากมาย ไม่ต้องเดินทางไปทำงานทุกวันให้เหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตาตั้งไปตอกบัตร ไม่ต้องไปเครียดไปทะเลาะกับหัวหน้าเจ้านายที่ไหน



     อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะเป็นอาชีพที่ถ้าทำให้ดีก็จะมีความเป็นอิสระ พึ่งพาตนเองได้  พึ่งตนเอง แปลว่า คิดได้ ตัดสินใจได้ เลือกได้ เป็นตัวของตัวเอง และมีความสุข



 


ความสำเร็จ :

          ชมพู่เพชรสามพรานจะเริ่มออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม จะทยอยอกดอกทั้งปี ไปสิ้นสุดในเดือนเมษายน จะพักต้น 3 เดือน เมื่อชมพู่เริ่มติดดอก เกษตรกรจะต้องแต่งช่อผลโดยปลิดลูกออกให้เหลือช่อละ 4 ผล ปริมาณนี้เมื่อเติบโตเต็มที่จะเป็นที่ต้องการของตลาด คือ ขนาด 6-7 ผล ต่อ กิโลกรัม เมื่อแต่งช่อผลแล้วก็ทำการห่อช่อผลด้วยถุงพลาสติก ป้องกันแมลงเข้าไปกัดกิน



          การป้องกันแมลงให้ใช้สารสมุนไพรชีวภาพ ประกอบด้วย หัวข่าแก่ ตะไคร้หอม สะเดา หมัดไว้ประมาณ 3 คืน แล้วนำไปฉีดพ่นไล่แมลง ชมพู่เพชรสมพรานให้ผลผลิตคิดเป็นเงินต้นละไม่ต้องกว่า 25,000 บาท ต่อปี ผู้ที่สนใจจะปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ จะต้องศึกษาทำความเข้าใจ เรื่องดิน การใช้ปุ๋ย การให้น้ำเป็นอย่างดี เมื่อเสร็จสิ้นฤดูกาลในปีหนึ่งๆ จะต้องตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง กิ่งที่ไม่ต้องการก็ต้องตัดออก บริเวณโคนต้นต้องเก็บกวาดเอาใบออกให้หมด ป้องกันแมลงลงไปไข่ เป็นการตักวงจรการเพาะพันธุ์ของแมลง


ความชำนาญ : การทำเกษตรผสมผสานและการปลูกชมพู่เพชรสามพราน


ข้อมูลปราชญ์ชาวบ้าน

  •    



         บางคนเคยเป็นข้าราชการ เคยเป็นครู บางคนเออร์ลี่รีไทร์ เพราะเบื่อหน่ายกับอาชีพราชการ หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่ใช่แบบสมัครเล่น แต่ทำอย่างจริงจังและมีความสุขกับอาชีพนี้ บางคนเคยรับราชการ เคยเป็นพนักงานบริษัท มีตำแหน่งสูง มีเงินเดือนประจำ ลาออกมาเป็นเกษตรกรก็มี อย่างคุณอุทัย  สามเพชรเจิญ  ที่ตำบลโคกพระเจดีย์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม



         คุณอุทัยไม่ได้ออกมาเพื่อทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน เขาทำจนร่ำรวยด้วยความรู้ด้วยปัญญา ด้วยการวางแผนและการจัดการที่ดี เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ กับพืช กับสัตว์ ทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี เรียนรู้ว่า พืชสัตว์มีวิถีของมันอย่างไร ถ้าอยู่กับมันอย่างเข้าใจ มันก็จะเลี้ยงเรา



         ความจริง คนจำนวนมากประกอบอาชีพหลักแล้วทำการเกษตรเป็นอาชีพรอง มีที่ดินก็ปลูกยางพาราบ้าง ปาล์มบ้าง พืชยืนต้น พืชล้มลุก เกษตรผสมผสานบ้างแล้วแต่ความถนัดและเวลาที่มี



         บางคนเรียนรู้ว่าจะพึ่งพาตนเองอย่างไร มีที่ดินก็แบ่งปลูกหลายอย่าง ปลูกยางส่วนหนึ่ง หญ้าเนเปียร์สักไร่สองไร่เอาไว้เลี้ยงวัวพันธุ์ผสมสัก 5-6 ตัว เพื่อจะได้ขี้วัวไปใส่ต้นไม้ ใส่พืชผักต่างๆ เลี้ยงหมูสองสามตัว เอาขี้หมูไปทำแก๊สเพื่อหุงต้ม ไม่ต้องไปซื้อจากตลาด จากนั้นก็เอาไปทำปุ๋ยได้อีก เลี้ยงไก่ไว้กินไข่กินเนื้อ เลี้ยงปลาไว้กินไว้ขาย



        ซึ่งจากด้วยความพยายามและประสบการณ์จากการทำไร่ฝรั่งมากว่า 10 ปี  คุณอุทัยจึงตัดสินใจไปซื้อต้นพันธุ์ชมพู่เพชรสามพรานจาก จ.นครปฐม มาทดลองปลูก 200 ต้น บนเนื้อที่ 4 ไร่ โดยวิธีขั้นตอนการปลูกก็ไม่ยุ่งยากหลังจากเตรียมพื้นที่ที่จะปลูกแล้วก็ขุดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 1 เมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ที่หาได้จากท้องถิ่น แล้วนำต้นชมพู่ลงปลูกระยะเริ่มปลูกใหม่ควรให้น้ำวันละ 1–2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกว่าต้นชมพู่จะตั้งตัวได้



        จากสภาพพื้นที่ที่แห้งแล้งประกอบกับชมพู่เป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก คุณอุทัยจึงใช้วิธีขุดเจาะบ่อบาดาลแล้วติดตั้งปั๊มสูบขึ้นมาพักไว้ในบ่อดินแล้วเดินท่อติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ในสวนชมพู่ ทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงสวนชมพู่ได้โดยไม่มีปัญหา



        เกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มั่นคงได้ถ้าหากใช้ความรู้ ความรักในอาชีพนี้และความขยัน วันนี้มีชาวนาเงินล้านมากมาย มีชาวนาที่ไม่ได้นั่งรถ ปิ๊กอัพเก่าๆ แต่นั่งรถเก๋ง นั่งรถเบนซ์อย่างชาวนาเยอรมันก็ยังมี  พวกเขาไม่ได้ทำเกษตรอะไรใหญ่โตที่ต้องลงทุนมากมาย แต่ทำเกษตรที่ละเอียดและประณีตมากกว่า สำหรับเกษตรกรยุคใหม่หลายคน รายได้เดือนละแสนกว่าบาทเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว



        ทุนสำคัญที่สุดในการทำการเกษตรวันนี้ คือ ทุนทางปัญญา ซึ่งมีค่ามากกว่าทุนอื่นๆ คนมีความรู้มีปัญญา ไม่มีดินก็จะได้ดิน ไปเช่าเขาปีสองปีก็ซื้อที่ดินได้แล้ว

     

        ถ้าทำเกษตรแบบนี้แล้วรายได้เป็นแสนย่อมดีกว่าไปเป็นลูกจ้างเงินเดือนเท่ากัน เพราะนอกจากจะเป็นรายได้สุทธิแล้ว ยังมีอาหารดีที่ไม่มีสารพิษ ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากมาย ไม่ต้องเดินทางไปทำงานทุกวันให้เหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตาตั้งไปตอกบัตร ไม่ต้องไปเครียดไปทะเลาะกับหัวหน้าเจ้านายที่ไหน



         อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะเป็นอาชีพที่ถ้าทำให้ดีก็จะมีความเป็นอิสระ พึ่งพาตนเองได้  พึ่งตนเอง แปลว่า คิดได้ ตัดสินใจได้ เลือกได้ เป็นตัวของตัวเอง และมีความสุข



     

  •      เมื่อต้นชมพู่มีอายุได้ 2-3 ปี ก็จะเริ่มออกดอก และเมื่อแต่ละช่อติดผลขนาดเท่าหัวแม่มือ หากในช่อมีลูกชมพู่ติดกันเป็นจำนวนมาก ให้ปลิดทิ้งเหลือลูกที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ เมื่อผลมีอายุประมาณ 2 เดือน ก็ให้ใช้ถุงพลาสติกห่อผลที่สมบูรณ์ไว้ช่อละ 3 ผล เพื่อป้องกันแมลงรบกวน โดยแต่ละช่อไม่ควรเกิน 3 ผล เพราะจะทำให้คุณภาพไม่ดี หลังห่อไว้ประมาณ 20-25 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้”



         เทคนิคเคล็ดลับในการดูแลชมพู่ให้มีสีสด รสชาติหวาน กรอบ เป็นที่ต้องการของตลาดด้วยว่า ต้องเอาใจใส่ดูแลตั้งแต่เริ่มต้นปลูก หมั่นรดน้ำ ใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ หากพื้นที่ที่แห้งแล้งก็ให้ใช้วิธีสูบน้ำบาดาลขึ้นมาพักหรือกักเก็บไว้ในบ่อให้เพียงพอ หลังปลูกมาได้ 3 ปี และให้ผลผลิตเป็นปีแรก ถึงขณะนี้เก็บขายมาแล้ว 2 รุ่น โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อชมพู่ถึงสวน และนำไปส่งให้ชาวบ้านวางขายตามเพิงริมถนนวันละ 700 กิโลกรัม

  •           ชมพู่เพชรสามพรานจะเริ่มออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม จะทยอยอกดอกทั้งปี ไปสิ้นสุดในเดือนเมษายน จะพักต้น 3 เดือน เมื่อชมพู่เริ่มติดดอก เกษตรกรจะต้องแต่งช่อผลโดยปลิดลูกออกให้เหลือช่อละ 4 ผล ปริมาณนี้เมื่อเติบโตเต็มที่จะเป็นที่ต้องการของตลาด คือ ขนาด 6-7 ผล ต่อ กิโลกรัม เมื่อแต่งช่อผลแล้วก็ทำการห่อช่อผลด้วยถุงพลาสติก ป้องกันแมลงเข้าไปกัดกิน



              การป้องกันแมลงให้ใช้สารสมุนไพรชีวภาพ ประกอบด้วย หัวข่าแก่ ตะไคร้หอม สะเดา หมัดไว้ประมาณ 3 คืน แล้วนำไปฉีดพ่นไล่แมลง ชมพู่เพชรสมพรานให้ผลผลิตคิดเป็นเงินต้นละไม่ต้องกว่า 25,000 บาท ต่อปี ผู้ที่สนใจจะปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ จะต้องศึกษาทำความเข้าใจ เรื่องดิน การใช้ปุ๋ย การให้น้ำเป็นอย่างดี เมื่อเสร็จสิ้นฤดูกาลในปีหนึ่งๆ จะต้องตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง กิ่งที่ไม่ต้องการก็ต้องตัดออก บริเวณโคนต้นต้องเก็บกวาดเอาใบออกให้หมด ป้องกันแมลงลงไปไข่ เป็นการตักวงจรการเพาะพันธุ์ของแมลง

  • การดูแลป้องกันในการปลูกชมพู่เพชรสามพรานต้องหมั่นสังเกตุสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบการระบาดของเพลี้ยในระยะแรกๆให้รีบทำการรักษาป้องกันแบบปลายเหตุด้วยการใช้สารชีวภาพกำจัดเพลี้ยที่ชื่อว่าจุลินทรีย์ทริปโตฝาจ (บิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม) ในอัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ก่อนใส่ควรใช้สารจับใบ (ม้อยท์เจอร์แพล้นท์) หรือน้ำยาล้างจานเพื่อทำลายจุดแข็งของเพลี้ยที่มักฉีดพ่นไปแล้วไม่สามารถเกาะติดหรือสัมผัสกับตัวเพลี้ยได้เนื่องจากมีผงฝุ่นผงแป้งและคราบน้ำมันลื่นๆทำหน้าที่ปกป้องตัวของเพลี้ยทำให้การฉีดพ่นสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงก็ไม่สามารถกำจัดหรือรักษาได้โดยเฉพาะลักษณะการฉีดพ่นแบบเดินเร็วเดินไวฉีดเป็นเพียงละอองฝอยๆเพราะจะโดนหรือสัมผัสเฉพาะตัวแก่ที่อยู่ด้านบนส่วนตัวลูกๆที่อยู่ด้านล่างจะไม่ตาย ดังนั้นต้องฉีดให้เปียกชุ่มโชกเหมือนอาบน้ำหรือฝนตก แต่การใช้จุลินทรีย์ทริปโตฝาจจะช่วยให้การกำจัดมีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตและขยายจำนวนได้ อีกทั้งยังปลอดภัยไร้สารพิษไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

  • ปี 2559 การได้รับการคัดเลือกจากตำบลโคกพระเจดีย์ในการเป็นวิทยากรในการให้ความรู้การปลูกชมพู่เพชรสามพราน

  • -