ที่อยู่ 39
หมู 1 ตำบล : วังไคร้ อำเภอ : ท่ายาง จังหวัด: เพชรบุรี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : ประถมศึกษาปีที่ 6
ประวัติ :
บ้านแม่ประจันต์มีวัฒนธรรมในการกินที่คล้ายคลึงกับภาคอีสาน และมีภูมิปัญญาที่สืบต่อกันมาในด้านการถนอมอาหาร (การทำปลาร้า) เพื่อเก็บไว้กินในภาคครัวเรือน ทำให้มีอาหารไว้กินตลอดทั้งปี ข้าพเจ้าจึงได้รับการสืบสานภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษมาด้วยเช่นกัน
1. ความตั้งใจในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว
2. ลดต้นทุนด้านอาหารในภาคครัวเรือน
บ้านแม่ประจันต์มีวัฒนธรรมในการกินที่คล้ายคลึงกับภาคอีสาน และมีภูมิปัญญาที่สืบต่อกันมาในด้านการถนอมอาหาร (การทำปลาร้า) เพื่อเก็บไว้กินในภาคครัวเรือน ทำให้มีอาหารไว้กินตลอดทั้งปี ข้าพเจ้าจึงได้รับการสืบสานภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษมาด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนการทำปลาร้า
1. คัดเลือกปลาที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่ควรใช้ปลาที่มีน้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม หรือตัวใหญ่มากเกินไป เพราะจะต้องใช้เวลาหมักนาน ส่วนชนิดปลาที่ใช้ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
2. นำมาล้างน้ำทำความสะอาดสิ่งที่อาจปนมากับตัวปลาก่อน 1-2 น้ำ
3. หากเป็นปลามีเกล็ด ให้ขอดเกล็ดด้วยช้อนให้หมดก่อน หากเป็นปลามีก้านครีบแข็ง และยาว รวมถึงมี เงี่ยง ซึ่งจะต้องตัดก้านครีบ และเงี่ยงออกก่อน และอาจตัดหัวปลาทิ้งด้วยก็ได้ หลังจากนั้น นำปลามาควักไส้ออกให้หมด ก่อนจะล้างทำความสะอาด 2-3 น้ำ
4. นำปลาที่ล้างแล้วใส่ชามหรือถัง พร้อมเติมเกลือ และข้าวคั่วหรือรำข้าว และน้ำอุ่น ก่อนจะคลุกผสมกันให้ทั่ว
5. นำส่วนผสมที่คลุกได้ที่แล้วเทใส่ถังหมักหรือไหหมัก ก่อนจะรัดปิดปากถังหรือไหให้แน่น พร้อมหมักทิ้งไว้ในร่มนาน 6-10 เดือน หรือมากกว่าตามขนาดของปลาที่ใช้
1. ความตั้งใจในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว
2. ลดต้นทุนด้านอาหารในภาคครัวเรือน
ลักษณะปลาร้าที่หมักได้ที่
1. ลำตัว และเนื้อปลาอ่อนนุ่ม ไม่แข็งทู่หรือเปื่อยยุ่ย
2. เนื้อปลาด้านในมีสีน้ำตาลหรือสีแดงอมชมพู
3. มีกลิ่นหอมของการหมัก ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
4. เนื้อปลามีรสเค็ม โดยมีเกลือประมาณ ประมาณ 11-16% มีความมันของน้ำมันปลา และไม่มีรสเปรี้ยว
5. น้ำปลาร้ามีสีน้ำตาลอมดำ มีรสเค็ม ไม่มีรสเปรี้ยว
6. สีของรำหรือข้าวคั่วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ไม่ดำคล้ำ