ที่อยู่ 69/1
หมู 1 ตำบล : น้ำรอบ อำเภอ : พุนพิน จังหวัด: สุราษฎร์ธานี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : อื่นๆ
ประวัติ :
เมื่อก่อนทำงานนอกบ้าน ในช่วงหนึ่งต้องกลับมาอยู่บ้าน ได้มองหาธุรกิจทำ ด้วยบ้านอยู่ติด
แม่น้ำพุมดวง จึงเริ่มสนใจการเลี้ยงปลากระชัง จึงได้เริ่มศึกษาข้อมูล วิธีการเลี้ยง อย่างชัดเจน และเริ่มลงมือทำกระชัง ปัจจุบันสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้สนใจ
ควรเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด การหาพันธ์ปลาจากแหล่งที่มีคุณภาพ หลังฝนตกหนักต้องให้ยาวิตามิน และให้อย่างสม่ำเสมอ คอยดุและให้อาหารปลาเป็นระยะ สังเกตเมื่อน้ำแห้ง หรือน้ำไม่ไหลเวียน
เมื่อก่อนทำงานนอกบ้าน ในช่วงหนึ่งต้องกลับมาอยู่บ้าน ได้มองหาธุรกิจทำ ด้วยบ้านอยู่ติด
แม่น้ำพุมดวง จึงเริ่มสนใจการเลี้ยงปลากระชัง จึงได้เริ่มศึกษาข้อมูล วิธีการเลี้ยง อย่างชัดเจน และเริ่มลงมือทำกระชัง ปัจจุบันสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้สนใจ
การเลี้ยงปลาในกระชัง เป็นการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำอีกทั้งยังช่วยให้ผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินสามารถหันมาเลี้ยงปลาได้หากปล่อยปลาในอัตราที่เหมาะสมจะทำให้ปลามีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นสามารถช่วยลดระยะเวลาการเลี้ยงให้สั้นลงได้นอกจากนี้ยังสะดวกในการดูแลจัดการการเคลื่อนย้ายรวมทั้งการเก็บเกี่ยวผลผลิตและมีการลงทุนต่ำกว่ารูปแบบการเลี้ยงอื่นๆ
การเลือกสถานที่
ควรเป็นแหล่งน้ำที่มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ดี มีความอุดมสมบูรณ์ น้ำต้องใสสะอาด
การจัดการเลี้ยงโดยใช้อาหารเป็นหลักคุณภาพน้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเลี้ยงปลาในกระชัง
การถ่ายเทของกระแสน้ำ
การเลี้ยงปลาในกระชังจะอาศัยการถ่ายเทน้ำผ่านกระชังเพื่อพัดเอาน้ำดีเข้ามาและไล่เอาของเสียออกไปนอกกระชังเสมือนมีการเปลี่ยนน้ำใหม่เพื่อให้น้ำมีคุณภาพตลอดเวลา ดังนั้นบริเวณที่เลี้ยงปลาในกระชังจึงควรมีกระแสน้ำและลมเพื่อช่วยให้การหมุนเวียนของน้ำบริเวณที่แขวนกระชัง มีการถ่ายเทหมุนเวียนได้ดี
ความลึกของแหล่งน้ำ
ระดับพื้นของกระชังควรสูงจากพื้นน้ำไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร เพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีตลอดเวลา
ห่างไกลจากสิ่งรบกวน
สถานที่ตั้งของกระชังควรห่างจากแหล่งชุมชนเพื่อป้องกันการรบกวนเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตตามปกติของปลาที่เลี้ยงหรือเป็นโรคติดเชื้อจากบาดแผลที่เกิดจากปลาว่ายชนกันเกิดขึ้นได้
การสร้างกระชัง
กระชังที่ใช้เลี้ยงปลามีรูปทรงต่างๆ เช่นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปกลม เป็นต้นรูปร่างของกระชังจะมีผลต่อการไหลผ่านของกระแสน้ำที่ถ่ายเทเข้าไปในกระชังเมื่อเปรียบเทียบปริมาณเท่ากันๆกระชังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะมีพื้นที่ผิวที่ให้กระแสน้ำไหลผ่านได้มากกว่ากระชังรูปแบบอื่นๆ
ขนาดกระชัง
ขึ้นอยู่กับความต้องการของเกษตรกรขนาดพื้นที่ที่แขวนกระชัง ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นขนาดกระชังที่นิยมใช้โดยทั่วไป คือกระชังสี่เหลี่ยม ขนาด 1.2 x 1.2 x 2.5 หรือ 2 x 2 x 2.5 เมตร กระชังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 4 x 2 x 2.5 เมตร
สำหรับต้นทุนค่าสร้างกระชังต้นทุนต่อปริมาตรจะลดลงเมื่อขนาดของกระชังใหญ่ขึ้นแต่ผลผลิตต่อปริมาตรก็จะลดลงด้วย เนื่องจากกระชังใหญ่กระแสน้ำไม่สามารถหมุนเวียนได้ทั่วถึงความลึกของกระชังส่วนใหญ่ที่ใช้จะมีความลึก 2.5 เมตรเมื่อลอยกระชังจะให้กระชังจมอยู่ในน้ำเพียง 2.2 เมตรโดยมีส่วนที่โผล่พ้นน้ำประมาณ 20 - 25 เซนติเมตรความลึกของกระชังมีผลต่อการเจริญเติบโตของปลาเช่นกันปกติระดับออกซิเจนทีละลายในน้ำจะสูงบริเวณผิวน้ำ ที่ระดับความลึกประมาณ 2 เมตร ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำเพียง 50 - 70 % ของปริมาณออกซิเจนที่ผิวน้ำเท่านั้น ดังนั้นการสร้างกระชังไม่ควรให้ลึกเกินไปเนื่องจากปลาจะหนีลงไปอยู่ในส่วนที่ลึกซึ่งมีปริมาณออกซิเจนต่ำและจะส่งผลให้ปลากินอาหารน้อยมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำ นอกจากนี้บริเวณผนังกระชังด้านบนควรใช้มุ้งเขียวขนาดความกว้างประมาณ 90 เซนติเมตรขึงทับไว้เพื่อป้องกันมิให้อาหารหลุดออกนอกกระชังในระหว่างการให้อาหาร
การให้อาหาร และการจัดการระหว่างการเลี้ยง
การเลี้ยงปลาในกระชังเป็นรูปแบบการเลี้ยงปลาแบบพัฒนา (intensive) หรือกึ่งพัฒนา (semi - intensive) เน้นการให้อาหารเพื่อเร่งผลผลิตและการเจริญเติบโตจึงควรจะใช้อาหารที่มีคุณค่าทางโปรตีนค่อนข้างสูงและเหมาะสมกับความต้องการของปลาแต่ละขนาดปัจจัยที่สำคัญควรนำมาประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการให้อาหารปลาในกระชังได้แก่
ระดับโปรตีนในอาหารปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของปลาที่มีอายุต่างกันจะแตกต่างกัน สำหรับลูกปลาวัยอ่อน (Juvenile) และลูกปลานิ้ว (Fingerling) จะต้องการอาหารทีมีระดับโปรตีนประมาณ 30 - 40 % แต่ในปลาใหญ่จะต้องการอาหารที่มีโปรตีนประมาณ 25 - 30 %
เวลาในการให้อาหารเนื่องจากปลาจะกินอาหารได้ดีเมื่อมีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำสูงจะเป็นช่วงเวลากลางวันดังนั้นส่วนใหญ่จึงควรให้อาหารในช่วงเวลาดังกล่าว
ความถี่ในการให้อาหาร
เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากอาหารเม็ดสูงสุดจึงควรให้อาหารแต่น้อยแต่ให้บ่อยๆ โดยความถี่ที่เหมาะสมคือ ปริมาร 4 - 5 ครั้งต่อวันจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตและทำให้ผลตอบแทนในเชิงเศรษฐศาสตร์สูงสุด
อัตราการให้อาหาร
ปริมาณอาหารที่ให้ปลากินจะขึ้นอยู่กับขนาดของปลาและอุณหภูมิหากอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นจะทำให้อัตราการกินอาหารของปลาสูงขึ้นตามไปด้วยอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมประมาณ 25 - 30 องศาเซลเซียส ควรให้อาหาร 20 % ของน้ำหนักปลา สำหรับปลาขนาดเล็กในปลารุ่นอัตราการให้อาหารจะลดลงเหลือประมาณ 6 - 8 % และสำหรับปลาใหญ่ อัตราการให้อาหารจะเหลือเพียง ประมาณ 3 - 4 %
การจัดการระหว่างการเลี้ยง
ควรมีการตรวจสอบกระชังเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทุกๆ สัปดาห์รวมทั้งสุ่มปลามาตรวจสอบน้ำหนักเพื่อปรับปริมาณอาหารที่ให้ได้อย่างเหมาะสม
ควรเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด การหาพันธ์ปลาจากแหล่งที่มีคุณภาพ หลังฝนตกหนักต้องให้ยาวิตามิน และให้อย่างสม่ำเสมอ คอยดุและให้อาหารปลาเป็นระยะ สังเกตเมื่อน้ำแห้ง หรือน้ำไม่ไหลเวียน
-
-
-