ที่อยู่ 34
หมู 1 ตำบล : หนองพลับ อำเภอ : เมืองเพชรบุรี จังหวัด: เพชรบุรี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : ประถมศึกษาปีที่ 6
ประวัติ :
นายธีรพงศ์ ทองใบ เป็นเกษตรกรซึ่งมีความรู้ด้านการเกษตร ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต นับว่าเป็นเกษตรกรคนหนึ่งที่ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการทำการเกษตร ทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก คือการทำนา ซึ่งได้ทำการเกษตรอินทรีย์
ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง หมั่นขยันศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองหรือจากหน่วยงานราชการต่างๆ เข้ามาส่งเสริมควบคุมคุณภาพทุกกระบวนการผลิตใช้สารอินทรีย์ชีวภาพ รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อแน่น กรอบ อร่อย
นายธีรพงศ์ ทองใบ เป็นเกษตรกรซึ่งมีความรู้ด้านการเกษตร ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต นับว่าเป็นเกษตรกรคนหนึ่งที่ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการทำการเกษตร ทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก คือการทำนา ซึ่งได้ทำการเกษตรอินทรีย์
การปลูกแตงโมเกษตรอินทรีย์ มีวิธีการดังนี้
แตงโม เป็นผักตระกูลแตง ที่คนไทยเรารู้จักบริโภคกันมานานแล้ว นอกจากนิยมใช้ผลรับประทานแล้ว ส่วนของผลอ่อน ยอดอ่อน ยังใช้ในการปรุงอาหารได้หลายชนิด แตงโมเป็นพืชที่ปลูกง่ายสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยทุกฤดูกาลตลอดปีแตงโมปลูกได้ในดินแทบทุกชนิดแต่ปลูกได้ดีในสภาพดินร่วนปนทราย ซึ่งมีสภาพความเป็นกรดเป็นด่าง ประมาณ 5.0–7.5 มีการระบายน้ำได้ดี ตำบลหนองพลับมีสภาพดินร่วนปนทรายจึงสามารถปลูกแตงโมได้ดี รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อแน่นมีสีแดงเข้ม ผลโต และเปลือกบาง ปลูกที่ตำบลหนองพลับ จึงเรียกว่า “แตงโมหนองพลับ”
ฤดูปลูก
แตงโมหนองพลับจะปลูกหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ซึ่งจะขาดตลาดและมีราคาสูงในตอนกลางและปลายฤดูฝนเพราะว่าในช่วงดังกล่าวจะปลูกแตงโมได้ยากลำบาก เนื่องจากต้นแตงโมไม่ชอบฝนชุกจะตายด้วยโรคเถาเหี่ยวเป็นส่วนใหญ่ และเกิดโรคทางใบมาก ผลแตงโมจะเน่าง่ายอีกทั้งรสชาติจะไม่หวานจัดเหมือนแตงโมที่ปลูกในฤดูแล้ง หรือในฤดูหนาว ฉะนั้นจึงควรเริ่มปลูกแตงโมตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม
พันธุ์แตงโม
ที่นิยมปลูกมี 2 พันธุ์ คือพันธุ์เบาที่ผลกลมสีเขียวคลํ้า อายุเก็บเกี่ยว 65 วัน นับจากวันงอก พันธุ์หนัก ผลสีเขียวอ่อน มีลายที่ผิวผล ผลกลมยาวขนาดใหญ่ อายุเก็บเกี่ยว 85 วัน นับจากวันงอก
ดินและการเตรียมดิน
แตงโมเป็นพืชที่หยั่งรากลึกมากกว่า 120 เซนติเมตร และต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้นมากพอ ตำบลหนองพลับจะมีดินลักษณะเป็นดินเหนียว บางพื้นที่จะเป็นดินร่วนปนทราย การเตรียมดินใช้จอบขุดเป็นหลุมระยะห่างประมาณ 120-130 เซนติเมตร หนึ่งแถวมี 4 หลุมเรียงกันไป และเว้นช่องตรงกลางไว้เพื่อให้น้ำ และทำการย่อยดินที่ขุดให้มีหน้าดินละเอียด ร่วนโปร่ง และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยชีวภาพที่เตรียมไว้เพื่อบำรุงดิน หรือใส่โดโลไมท์เพื่อปรับปรุงความเป็นกรดของดิน
วิธีการปลูก
เตรียมเมล็ดหยอดในหลุมโดย 1 หลุมจะใช้ 4-5 เมล็ด หลังจากงอกแล้วจะเลือกต้นที่สมบูรณ์ไว้ 3 ต้น เมื่อมีใบ 4-5 ใบ ให้ตอนยอด หรือเด็ดยอดแตงโม เพื่อให้แตงโมออกแขนง โดยให้ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยชีวภาพ ตามความจำเป็นและความต้องการของพืช
หากแตงโมไม่มีดอก ไม่ควรใช้ยาเคมีพ่น เนื่องจากจะทำให้ผึ้งและแมลงที่ช่วยผสมเกสรตาย ให้ใช้สารที่ไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง เช่น สารสะเดา+ข่า+ตะไคร้ จะช่วยไล่แมลงและทำให้ไข่แมลงฝ่อไม่ฟักเป็นตัว การฉีดพ่นด้วยสาหร่ายสกัดจะทำให้แตงโมติดดอก เมื่อติดผลแล้ว ให้เด็ดผลที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เลือกเฉพาะผลที่สมบูรณ์ไว้ ซึ่งจะเป็นช่วงระหว่างข้อที่ 9-15 จะทำให้ผลแตงโมมีขนาดใหญ่
ปุ๋ยที่ใส่เสริมหลังปลูก
ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอว่า รากแตงโมส่วนใหญ่เดินตามแนวนอนขนาดกับผิวดิน และเถาของมันฉะนั้นการใส่ปุ๋ยหลังปลูกควรใส่ที่ปลายราก และต้องไม่ใส่มากจนปุ๋ยเข้มข้นเกินไป และต้องให้ปุ๋ยอยู่ในรูปที่ค่อยๆ ละลายนํ้า เพื่อให้รากดูดซับเอาไปใช้ได้พอดี
การเก็บผลแตงโม
แตงโมเป็นพืชชนิดหนึ่ง ที่ผลแก่แล้วไม่แสดงอาการว่าสุกงอกให้เห็นเหมือนผลมะเขือเทศ หรือพริก ซึ่งจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง หรือไม่เหมือนกับผลมะม่วง ซึ่งทั้งเปลี่ยนสีแล้วยังมีกลิ่นหอมด้วย ฉะนั้นการดูว่าแตงโมแก่เก็บได้หรือยัง จึงต้องพิถีพิถันมากกว่าปกติอีกเล็กน้อย ดังนี้
1) คาดคะเนการแก่ของผลแตงโมด้วยการนับอายุ ซึ่งขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแตงโม และอุณหภูมิของอากาศ
1.1 แตงโมพันธุ์เบา (ผลกลมสีเขียวคล้ำ)จะแก่เก็บได้ภายหลังดอกบาน ประมาณ 35-42 วัน
1.2 แตงโมพันธุ์หนัก (ผลยาวสีเขียวอ่อนมีลาย)จะแก่เก็บได้ภายหลังดอกบาน ประมาณ 42-45 วัน
2) คาดคะเนการแก่ของผล ด้วยการดูลักษณะที่พบได้ทั่วไป เมื่อแตงโมแก่
2.1 มือเกาะที่อยู่ใกล้กับขั้วของผลมากที่สุดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแห้งเป็นบางส่วนจากปลายมาหาโคน
2.2 วัดความแก่อ่อนของผลแตงโมได้จากการดีดฟังเสียง หรือตบผลเบาๆ ฟังเสียงดูถ้ามีเสียงผสมกันระหว่างเสียงกังวานและเสียงทึบ แตงจะแก่พอดี (แก่ 75%) มีเนื้อเป็นทรายถ้าดีดแล้วเป็นเสียงกังวานใส แสดงว่าแตงยังอ่อนอยู่ ถ้าดีดแล้วเสียงทึบเหมือนมีลมอยู่ข้างใน แตงจะแก่จัดเกินไปที่ชาวบ้านเรียกว่า “ไส้ล้ม” (แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับผลแตงที่เป็นโรคเถาตาย) ควรเก็บผลตอนบ่ายไม่ควรเก็บผลตอนเช้าเพราะจะทำ ให้ผลแตงแตกได้
2.3 สังเกตนวลของผล ถ้าจางลงกว่าปกติแสดงว่าแตงเริ่มแก่
โรคที่สำคัญ
1. โรคเถาเหี่ยว (ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย)
ลักษณะที่มองเห็นในครั้งแรก คือ ใบในเถาจะเหี่ยวลงทีละใบ การเหี่ยวจะเหี่ยวจากปลายเถามาหาโคนเถาหนึ่ง เมื่อเหี่ยวมาถึงโคนเถาก็จะเหี่ยวพร้อมกันหมดทั้งต้น แต่ใบยังคงเขียวอยู่ และพืชตายในทันทีที่พืชเหี่ยวทั้งต้นสาเหตุของการเหี่ยวก็คือเชื้อแบคทีเรียไปอุดท่อส่งน้ำเลี้ยงในต้นแตงโม ถ้าเอามีดเฉือนเถาตามยาวดูจะเห็นว่ากลางลำ ต้นในเถาฉ่ำน้ำมากกว่าปกติป้องกันโดยใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าใส่ในหลุม หรือพ่นด้วยยาปฏิชีวนะ
2. โรครานํ้าค้าง ลักษณะที่มองเห็นได้ คือ เกิดจุดสีเหลืองบนหลังใบ และขยายตัวใหญ่ขึ้น จำนวนจุดสีเหลืองเพิ่มปริมาณมากขึ้น และใต้ใบตรงตำแหน่งเดียวกัน จะมีกลุ่มของเชื้อราสีม่วงอมเทาเกาะกลุ่มอยู่ เชื้อโรคนี้เจริญได้อย่างรวดเร็วเมื่ออากาศอุ่นและชุ่มชื้น
ป้องกันโดยใช้ฟอสฟอรัสแอชิดพ่นเพื่อป้องกัน หรือเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าพ่นตอนเช้าตรู่ หรือตอนเย็นหลัง 16.00 น.
แมลงศัตรู
เอกลักษณ์/จุดเด่น
แตงโมหนองพลับ ปลอดสารเคมี เนื้อแน่นมีสีแดงเข้ม รสหวานฉ่ำ ผลโต และเปลือกบาง
ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง หมั่นขยันศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองหรือจากหน่วยงานราชการต่างๆ เข้ามาส่งเสริมควบคุมคุณภาพทุกกระบวนการผลิตใช้สารอินทรีย์ชีวภาพ รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อแน่น กรอบ อร่อย