ค้นหาองค์ความรู้

จากการที่เกิดปัญหาหลาย ๆ  ด้าน  คือ

1.  รายได้ของครัวเรือนไม่มีเพียงพอ

2.  เศษวัสดุจากพืชและมูลสัตว์ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์

3.  การผลิตสินค้าเดี่ยวบางชนิดต้องใช้เงินลงทุนมาก

4.  ครัวเรือนต้องพึ่งพิงอาหารจากภายนอก

            ดังนั้น  จึงเกิดแนวคิดในการที่่หาจัดทำเกษตรแบบผสมผสาน  ที่สามารถใช้ประดยชน์จากพื้นที่ทำกินขนาดเล็ก  และเพื่อลดความเสี่ยงจากการผลิต  ลดการพึ่งพิงเงินทุน  ปัจจัยการผลิตและอาหารจากภายนอก  เศษพืช  และมูลสัตว์  ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกิจกรรมการผลิต  ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการทำสวนผสมและทำให้ผลผลิตและรายได้เพิ่มขึ้น

          วิธีการแบ่งสัดส่วนกิจกรรมเกษตรระบบผสมผสาน

เกษตรผสมผสานเป็นแนวทางหรือหลักในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำ  เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรินี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร  การจัดการพื้นที่แบ่งได้เป็น  4  ส่วน  คือ  30   30  30  10  ดังนี้  ขุดสระเก็บกักน้ำ  พื้นที่ประมาณ  30  %  ให้ขุดสระเก็บกักน้ำ  เพื่อให้้มีน้ำใช้  สม่ำเสมอตลอดปี  โดยเก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน  และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง  หรือระยะเก็บกักน้ำ  ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์  และพืชน้ำต่าง ๆ  เช่น  ผักบุ้ง  ผักกะเฉด  ฯลฯ  ในที่นี้ไม่ได้ปลูกข้าว  แต่เพิ่มสัดส่วนของการทำสวนยางซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจให้มากขึ้น  เป็นการเพิ่มรายได้   ปลูกผลไม้  ไม้ยืนต้น  พืชไร่  พืชผัก  พื้นที่ประมาณ  30 %  ใหเปลูกไม้ผล  ไม้ยืนต้น  พืชไร่  พืชผัก  พืชสมุนไพร  ฯลฯ  อย่างผสมผสานกัน  และหลากหลายในพื้นที่เดียวกัน  เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน  หากเหลือจากการาบริโภคก็นำไปขายได้เป็นที่อยู่อาศัย  และอื่น ๆ  พื้นที่ประมาณ  10%  ใช้เป็นที่อยู่อาศัย  เลี้ยงสัตว์  ถนนหนทาง  คันดิน  โรงเรือนและสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ  รวมทั้งคอกเลี้ยงสัตว์  เรือนเพาะชำ  ฉางเก็บผลผลิตการเกษตร  ฯลฯ  นี่เป็นทฤษฎีปฏิบัติจริง  พื้นที่เป็นนาทั้งหมดหรือไร่สวนด้วย

-ต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้และหาประสบการณ์อยู่เสมอ  โดยเฉพาะการไปศึกษาดูงานจากกลุ่มอาชีพและหมู่บ้านต่าง ๆ  ที่ประสบความสำเร็จ  เพื่อที่จะได้ศึกษาจากของจริง  แล้วนำมาปรับใช้กับของตัวเองและสามารถนำไปถ่ายทอดให้บุคคลอื่นต่อไปได้

-

-

-