กลับไปหน้าค้นหา

นางสาวศรีพจนา ชื่นเปรม

  • Facebook ID: -
  • Line ID: -
  • Email: -

ที่อยู่ 24/8 หมู 12 ตำบล : สวนกล้วย อำเภอ : บ้านโป่ง จังหวัด: ราชบุรี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : อื่นๆ
ประวัติ :

เมื่อก่อนช่วงมะนาวมีราคาแพงขาดตลาด จึงได้ไปเรียนรู้การปลูกมะนาวนอกฤดู การปลูกมะนาวแล้วได้ผลนอกฤดูทำให้มะนาวมีราคาสูง จึงสร้างเป็นอาชีพให้กับครอบครัว


ความสำเร็จ :

หมั่นหาข้อมูลจากทางเว็บไซด์และดูแลสวนมะนาวเป็นอย่างดีทำให้ประสบผลสำเร็จจนมีมะนาวนอกฤดูออกมาจำหน่าย


ความชำนาญ : ปลูกมะนาว


ข้อมูลปราชญ์ชาวบ้าน

  • เมื่อก่อนช่วงมะนาวมีราคาแพงขาดตลาด จึงได้ไปเรียนรู้การปลูกมะนาวนอกฤดู การปลูกมะนาวแล้วได้ผลนอกฤดูทำให้มะนาวมีราคาสูง จึงสร้างเป็นอาชีพให้กับครอบครัว

  • วิธีการบังคับให้มะนาวออกดอกนอกฤดูกาล



                    มะนาวเป็นพืชที่ไวต่อการขาดน้ำ   ซึ่งจะเห็นได้ชัดในช่วงที่มะนาวมีใบแก่จัด   ถ้าปล่อยให้ขาดน้ำ   ใบจะร่วงหล่นเร็วมากและจะแสดงอาการคล้ายจะตาย   แต่ถ้าให้น้ำและปุ๋ยไปบ้าง   มะนาวจะแตกใบใหม่และออกดอกตามมา   และเมื่อใดที่ได้รับน้ำและปุ๋ยอย่างเพียงพอมะนาวจะแตกกิ่งใหม่ได้มาก   ใบจะเขียวสดอยู่ได้นานและไม่ค่อยมีการออกดอกติดผล   จากพฤติกรรมดังกล่าวจึงได้มีผู้คิดค้นหาวิธีการต่าง ๆ   เพื่อบังคับให้มะนาวออกดอกได้คราวละมาก ๆ  เช่น



                    1.  ใช้วิธีตัดแต่งกิ่งหรือปลายกิ่งออกประมาณ  1-2  นิ้วทั้งต้นแล้วจึงมีการใส่ปุ๋ยเพื่อกระตุ้นให้เกิดการออกดอกขึ้น



                    2.  ใช้วิธีการรมควันเพื่อให้ใบร่วงแล้วแตกใบใหม่พร้อมกับให้ดอกตามมาภายหลัง



                    3.  ใช้ลวดเล็ก ๆ  รัดโคนกิ่งใหญ่เพื่อให้มะนาวมีการสะสมอาหารเตรียมพร้อมที่จะออกดอก



                    4.  งดการให้น้ำเพื่อทำให้ใบเหี่ยว   แล้วกลับมารดน้ำและใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อกระตุ้นให้เกิดดอก



                    5.  ปล่อยน้ำเข้าแปลงปลูกประมาณ  3-4   วัน   แล้วจึงระบายน้ำออก



                    6.  ใช้น้ำอุ่นค่อนข้างร้อนฉีดให้ใบร่วง



                    7.  ใช้ปุ๋ยยูเรีย  5  เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักละลายน้ำฉีดให้ใบไหม้และร่วง  แล้วจึงใส่ปุ๋ยเร่งเพื่อให้มีการเกิดดอก



                    วิธีการตามที่ได้กล่าวมานี้  บางวิธีอาจทำให้มะนาวทรุดโทรมและตายได้หรือให้ผลผลิตแล้วตายไปเลย   และบางวิธีก็ไม่เหมาะกับการปฏิบัติรักษาต่อมะนาวที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก   ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นวิธีการที่ทำให้มะนาวออกดอกในหน้าแล้งโดยที่ไม่ทำให้มะนาวทรุดโทรมจนเกินไป   ดังต่อไปนี้



    วิธีที่  1  งดการใช้น้ำชั่วระยะหนึ่งเพื่อปล่อยให้ใบเหี่ยว   เมื่อใบเหี่ยวก็ให้น้ำเล็กน้อยสักหนึ่งวัน   และเมื่อเห็นว่าต้นมะนาวมีการฟื้นตัวดีแล้วค่อยให้น้ำมาก ๆ  ติดต่อกันประมาณ  5-7  วัน  จนดินชื้น   แล้วจึงใส่ปุ๋ยเร่งดอกที่มีตัวกลางสูงเช่น   ปุ๋ยสูตร  12-24-12  หรือ  9-27-27   ประมาณ                   1-2  กิโลกรัมต่อต้น  หรืออาจใส่กระดูกป่นลงไปด้วยก็ได้   นอกจากนี้อาจพิจารณาใส่ปุ๋ยขี้หมูประมาณ  60  กิโลกรัม  กระดูกป่น  6  กิโลกรัมและโปแตสเซียมซัลเฟต  3  กิโลกรัม   ผสมเข้าด้วยกันแล้วใส่รอบโคนต้น   จะได้ผลดีเช่นเดียวกัน



    วิธีที่  2  งดการให้น้ำประมาณ  7-15  วัน   แล้วจึงทำการตัดแต่งกิ่งออกประมาณ  1-2  นิ้ว   ให้ทั่วทั้งต้น   การตัดแต่งกิ่งนี้เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้มะนาวแตกกิ่งวิธีนี้จะใช้เพื่อเพิ่มปริมาณการออกดอกติดผลในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม   กับต้นมะนาวที่ติดผลในช่วงนี้ไม่ดกนัก



     



    วิธีที่  3  พ่นใบด้วยปุ๋ยยูเรียความเข้มข้น  5  เปอร์เซ็นต์   (ใช้ปุ๋ยยูเรีย  46  เปอร์เซ็นต์                  1  กิโลกรัมผสมกับน้ำสะอาด   20  ลิตร)   การฉีดพ่นควรฉีดไปที่ทรงพุ่มของมะนาวให้โชกทั่วทั้งต้น   ประมาณ  4-5  วัน   ต่อมาใบมะนาวจะเริ่มร่วงโดยเฉพาะใบแก่ส่วนใบอ่อนจะไม่ร่วง   ลักษณะของใบมะนาวที่ร่วงนั้นคล้ายกับถูกน้ำร้อนลวกหลังจากนั้นให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร  12-24-12   โรยใส่ต้นมะนาวต้นละ  1-2  กิโลกรัม   ประมาณ   15-20   วันหลังจากที่ได้ฉีดพ่นปุ๋ยยูเรียไปแล้วมะนาวจะเริ่มออกดอก   ในช่วงนี้ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร  20-14-14  อัตราต้นละ  200-300  กรัม   โดยทิ้งห่างกันประมาณ  1  เดือน  สัก  3-4  ครั้ง   เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของผลมะนาว   ในช่วงที่มะนาวเริ่มออกดอกจนถึงติดผลนี้จะต้องระวังอย่าให้มะนาวขาดน้ำเพราะจะทำให้ผลร่วงหรือการเจริญเติบโตของผลไม่ดีเท่าที่ควร   มะนาวที่บังคับให้ออกดอกในเดือนกันยายน-ตุลาคม   ถ้ามีการปฏิบัติตามข้อแนะนำดังกล่าวมาแล้วเพื่อเข้าหน้าแล้งราวเดือนเมษายน  ผลมะนาวจะแก่จัดและสามารถเก็บผลไปจำหน่ายได้



     



    วิธีที่  4  เป็นวิธีที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง   วิธีนี้ไม่ทำให้ต้นมะนาวโทรมเร็วเหมือนกับวิธีแรก ๆ  มีขั้นตอนในการปฏิบัติดังนี้



    1.  ประมาณเดือนกันยายน  ใส่ปุ๋ยเกรด  1:3:3  เช่นปุ๋ยสูตร  8-24-24  เพื่อเร่งให้ใบแก่เร็วขึ้น   และเก็บสะสมอาหารไว้บำรุงดอกต่อไป



    2.  ต้นเดือนตุลาคม   งดให้น้ำเพื่อให้ต้นมะนาวมีการเก็บสะสมอาหาร



    3.  ปลายเดือนตุลาคม  ให้น้ำอย่างเต็มที่หลังจากงดให้น้ำมาเป็นเวลา  15-20  วัน



    4.  ต้นเดือนพฤศจิกายน   หลังจากที่ได้ให้น้ำไปแล้วประมาณ  7  วัน  มะนาวจะเริ่มออกดอก   ช่วงนี้ควรมีการพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดแมลงในช่วงที่กำลังมีดอกอ่อน



    5.  ปลายเดือนพฤศจิกายน  ดอกเริ่มบานและมีการติดผล    ควรพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลงศัตรูมะนาวในช่วงที่กำลังติดผลเล็ก ๆ



    6.  ต้นเดือนธันวาคม   ใส่ปุ๋ยเคมีเกรด  1:1:1    เช่นปุ๋ยสูตร  15-15-15  หรือ  16-16-16  เพื่อบำรุงให้ผลมีความสมบูรณ์ในขณะที่ผลมะนาวมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพด



    7.  ประมาณเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปจะสามารถเก็บผลมะนาวออกจำหน่ายได้     ซึ่งตรงกับช่วงที่มะนาวมีราคาแพงพอดี



    8.  หลังจากที่ได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว  ประมาณเดือนพฤษภาคมควรทำการตัดแต่งกิ่ง   ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร  15-15-15  เพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์และพร้อมสำหรับการผลิตมะนาวหน้าแล้งในปีต่อไป



     



    วิธีที่  5  เป็นวิธีที่ชาวสวนแถบจังหวัดเพชรบุรีนิยมปฏิบัติกัน   ซึ่งมีวิธีการดังนี้



    1.  ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม  ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนไม่ควรให้น้ำต้นมะนาว  เพราะเป็นช่วงฤดูฝน  และการทำให้ใบมะนาวร่วงในช่วงนี้จึงทำได้ยากเพราะยังมีฝนตกอยู่



    2.  ชาวสวนใช้วิธีทรมานเล็กน้อย     โดยใช้กรรไกรตัดปลายกิ่งต้นมะนาวประมาณ  1-2  นิ้วออกทั่วทั้งต้น  เสร็จแล้วจึงกระตุ้นด้วยปุ๋ยสูตร  12-24-12  หรือ  9-27-27  ในอัตราต้นละ  1  กิโลกรัม  ปุ๋ยดังกล่าวมีธาตุฟอสฟอรัสสูงจึงสามารถเร่งการออกดอกของมะนาวได้



    3.  ถ้าหากฝนไม่ตกก็ให้ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายน้ำรดแทนทิ้งไว้  14-21  วัน  มะนาวจะเริ่มผลิใบและดอกออกมา  หลังจากนั้นจึงใส่ปุ๋ยบำรุงต้นมะนาวโดยใช้สูตร  20-14-14  หรือ  20-11-11  ในอัตราต้นละ  200-300  กรัม  รวม  3-4  ครั้งโดยห่างกันครั้งละ  1  เดือนเพื่อเร่งให้ผลมะนาวโต



    4.  ในช่วงนี้ถ้าอากาศแห้งแล้ง  ควรพรวนดินและใช้เศษหญ้าคลุมโคนมะนาวพร้อมกับรดน้ำ  10-14  วันต่อครั้ง  จากนั้นดอกมะนาวจะค่อย ๆ  เจริญเติบโตกลายเป็นผล  จนสามารถเก็บจำหน่ายผลได้ในช่วงฤดูแล้งซึ่งตรงกับช่วงที่มะนาวมีราคาแพงพอดี



     



    วิธีที่  6   ใช้สารพาโคลบิวทราโซล  ซึ่งเป็นวิธีใหม่ล่าสุดเท่าที่มีการทดลองอยู่ในขณะนี้  และมีแนวโน้มว่ามะนาวตอบสนองต่อการใช้สารนี้ได้ดี  ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเพื่อให้มะนาวเก็บเกี่ยวได้ในช่วงหน้าแล้ง  โดยใช้สารพาโคลบิวทราโซลนั้นสามารถกระทำได้ดังนี้



    1.  ในเดือนกรกฎาคม    ภายหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลมะนาวหมาดแล้ว    ใช้บำรุงต้นมะนาวให้สมบูรณ์  โดยทั้งนี้เพื่อจะให้มะนาวแตกใบอ่อน  1  ชุดก่อนการออกดอก



    2.  ต้นเดือนสิงหาคม  ทำการตัดแต่งกิ่งมะนาวให้โปร่ง  เพื่อให้ดินแห้ง  ต่อจากนั้นควรใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงต้น  สภาพที่ดินเป็นดินเหนียวควรควรใช้ปุ๋ยสูตร  12-24-24  แต่ถ้าเป็นดินทรายให้ใช้ปุ๋ยสูตร  9-24-24  ในอัตรา  1/3  ของเส้นผ่าศูนย์กลาง  ของทรงพุ่มโดยหว่านรอบชายพุ่มเพื่อช่วยเร่งการเกิดดอกได้ดีขึ้น



    3.  ต้นเดือนกันยายน  ให้รดสารพาโคลบิวทราโซลในอัตราเนื้อสาร 1  กรัม  (เช่น  คัลทาร์        10  ซี.ซี.)  ที่โคนต้นมะนาวในระยะใบเพสลาด   แต่ก่อนทำการรดสารนั้นควรให้น้ำกับต้นมะนาว  เพื่อให้ดินชุ่ม  ซึ่งจะช่วยให้รากดูดซึมสารเข้าไปภายในต้นได้ดีขึ้น



    4.  ประมาณเดือนสิงหาคมต้นเดือนตุลาคม  จะมีดอกมะนาวทะวายทยอยกันออกมาและจะต้องคอยปลิดดอกหรือผลเหล่านั้นทิ้ง   เพื่อให้ต้นมะนาวมีอาหารสะสมมากพอสำหรับการเกิดดอกในปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายนได้มาก   การปลิดดอกทิ้งอาจทำได้โดยใช้สารเคมีบางชนิด  เช่น  เอ็น.เอ.เอ.  (N.A.A.)  อัตรา  15-30  ซี.ซี.  ผสมน้ำ  20  ลิตร  ฉีดให้ดอกและผลร่วง  โดยที่ไม่มีอันตรายต่อใบแต่อย่างใด



    5.  ปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน     ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกกำลังบานและมีการผสมเกสรเพื่อเจริญไปเป็นผล  ช่วงนี้ต้องคอยดูแลกันเป็นพิเศษ  และเมื่อผลมะนาวมีอายุได้  1-2  เดือน  ซึ่งตรงกับเดือนธันวาคาถึงมกราคม  เป็นระยะที่อากาศแห้งแล้งพร้อมกับมะนาวมีการพักตัวและผลัดใบเก่าทิ้ง  ผลมะนาวมีโอกาสร่วงได้มากจึงต้องคอยระยังอย่าให้มะนาวขาดน้ำ  และถ้าอากาศแห้งมากอาจพรมน้ำได้ด้วยก็ได้



    6.  หลังจากผลมะนาวมีอายุได้  1-2  เดือนไปแล้ว  จะเป็นช่วงที่ผลมะนาวมีการขยายขนาดของผลมาก  จึงควรให้ปุ๋ยสูตร  15-5-20+2  (MgO)   หรือสูตร  16-11-14+2  (MgO)  ลงไปด้วย  ถ้ามะนาวต้นไหนติดผลดกอาจเพิ่มปุ๋ยสูตร  20-10-10  หรือ  สูตร  30-20-10  โดยฉีดพ่นทางใบเพื่อช่วยขนาดของผล



    7.  ประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน  มะนาวก็จะเก็บผลได้  (สำหรับมะนาวที่มีอายุการเจริญเติบโตของผลนานกว่านี้  ควรเลื่อนเวลาการบังคับการออกดอกให้เร็วขึ้นไปอีก)



    8.  ในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน  หลังจากเก็บผลหมดแล้ว  ควรทำการตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นโดยใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอก  ในอัตรา  20-30  กิโลกรัมต่อไร่และปุ๋ยเคมีเช่นสูตร  15-15-15  เป็นประจำทุกปี  ควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งกิ่งมะนาวเริ่มแตกใบอ่อนซึ่งตรงกับช่วงฤดูฝนพอดี  ซึ่งเป็นการเพียงพอที่จะให้มะนาวเก็บสะสมธาตุอาหารโดยเฉพาะพวกแห้งจนถึงระดับที่จะออกดอกได้ดีในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน   แต่ถ้ากิ่งมะนาวแตกใบอ่อนล่าออกไปจนถึงปลายฤดูฝน   อาจทำให้มะนาวออกดอกได้ไม่มากเพราะมีระยะเวลาที่จะสะสมอาหารพวกแห้งได้น้อย  และถ้าหากต้นมะนาวไม่แตกใบอ่อนออกมา  เราอาจใช้วีตัดปลายกิ่งหรือตัดแต่งกิ่งให้โปร่งและให้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงพร้อมทั้งให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและในปริมาณที่เพียงพอ  หรืออาจพิจารณาใช้สารที่กระตุ้นการพักตัวเช่น  ไทโอยูเรีย  0.5%  ฉีดพ่นให้ทั่วต้นในระยะที่ใบแก่จัดซึ่งจะทำให้มะนาวแตกใบอ่อนออกมาได้  ซึ่งเป็นการเตรียมตัวเพื่อจะบังคับให้มะนาวออกดอกและเก็บผลในหน้าแล้งต่อไปได้

  • หมั่นหาข้อมูลจากทางเว็บไซด์และดูแลสวนมะนาวเป็นอย่างดีทำให้ประสบผลสำเร็จจนมีมะนาวนอกฤดูออกมาจำหน่าย

  • ระวังแมลง หรือวัชพืชที่มาแย่งสารอาหารจากต้นมะนาว

  • ไม่มี

  • ปลูกมะนาวมาแล้วหลายปี ผลผลิตดีทุกปี สร้างรายได้ให้ครอบครัว