ที่อยู่ 152
หมู 2 ตำบล : ดอนปรู อำเภอ : ศรีประจันต์ จังหวัด: สุพรรณบุรี
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : ปริญญาตรี
ประวัติ :
เมื่อก่อนข้าพเจ้าทำเกษตรเชิงเดี่ยว คือ ทำนา แต่เกิดปัญหาหลายๆ อย่างคือ
1) รายได้ไม่แน่นอน
2) ใช้เงินลงทุนมาก ต้นทุนสูง
3) คุณภาพดิน
ดังนั้นจึงหันมาสนใจกับแนวคิดการทำไร่นาผสมผสาน ที่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทำกิน
ขนาดเล็ก เพื่อลดความเสี่ยงจากการผลิต ลดการพึ่งพิงเงินทุน สามารถทำให้ได้ผลผลิตและรายได้เพิ่มขึ้น
เพื่อการเกษตรในที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง จึงเริ่มเข้าร่วมอบรมและเรียนรู้
ด้วยตนเอง และเริ่มการเปลี่ยนไร่นาเป็นการปลูกตะไคร้ 40 ไร่ และปลูกมะละกอแซมหัว/ท้ายร่อง และปลูกไม้ประดับรอบๆ ไร่ตะไคร้ เป็นต้น สิ่งที่แตกต่างจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว คือ
1) ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ
2) ประหยัดค่าใช้จ่าย เงินลงทุนน้อย
3) ลดการว่างงาน มีงานทำทั้งปี
1) ต้องทำการศึกษาว่าเราควรปลูกอะไร ช่วงเวลาไหน ที่สามารถขายได้ราคาดี
2) มีแหล่งรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน
3) คุณภาพดินเป็นสิ่งสำคัญ ต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์เข้าช่วย
เมื่อก่อนข้าพเจ้าทำเกษตรเชิงเดี่ยว คือ ทำนา แต่เกิดปัญหาหลายๆ อย่างคือ
1) รายได้ไม่แน่นอน
2) ใช้เงินลงทุนมาก ต้นทุนสูง
3) คุณภาพดิน
ดังนั้นจึงหันมาสนใจกับแนวคิดการทำไร่นาผสมผสาน ที่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทำกิน
ขนาดเล็ก เพื่อลดความเสี่ยงจากการผลิต ลดการพึ่งพิงเงินทุน สามารถทำให้ได้ผลผลิตและรายได้เพิ่มขึ้น
เพื่อการเกษตรในที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง จึงเริ่มเข้าร่วมอบรมและเรียนรู้
ด้วยตนเอง และเริ่มการเปลี่ยนไร่นาเป็นการปลูกตะไคร้ 40 ไร่ และปลูกมะละกอแซมหัว/ท้ายร่อง และปลูกไม้ประดับรอบๆ ไร่ตะไคร้ เป็นต้น สิ่งที่แตกต่างจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว คือ
1) ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ
2) ประหยัดค่าใช้จ่าย เงินลงทุนน้อย
3) ลดการว่างงาน มีงานทำทั้งปี
2.1. การเตรียม/แบ่งพื้นที่
จะทำการแบ่งพื้นที่ในการทำเกษตรผสมผสาน ได้แก่
1) ปลูกตะไคร้ ประมาณ 40 ไร่
2) ปลูกพืชตระกูลไม้พุ่ม ประมาณ 6 ไร่ เช่น ไผ่
3) ปลูกไม้ล้อม ไม้ประดับ จำนวน 1 ไร่ เช่น ต้นชมพูพานทิพย์
4) ปลูกผลไม้ ประมาณ 2 งาน เช่น มะละกอ
2.2. การคัดเลือกต้นกล้า/พันธุ์ไม้
การทำการเกษตรผสมผสานแปลงนี้ จะเลือกปลูกพืช ผลไม้ และต้นไม้ที่มีอายุการเพาะปลูก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ตั้งแต่ 6 เดือน แต่ไม่เกิน 12 เดือน สามารถทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ และจะทำการเลือกปลูกพืชผักที่มีราคาค่อนข้างที่จะไม่ลงมาก อยู่ระดับกลางๆ
2.3. การดูแลรักษา
1) การใส่ปุ๋ย จะใช้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ ควบคู่กันไป แต่ปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีค่อนข้างจะน้อยกว่าการทำนา ทำให้ใช้เงินลงทุนต่ำ คุณภาพดินก็ไม่เสื่อมไว เพราะใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์ช่วยปรับสภาพดินควบคู่กันไป
2) การให้น้ำ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะตะไคร้เป็นพืชที่ชอบน้ำ แต่อย่าให้น้ำขัง
2.4 การเก็บเกี่ยว
1) ตะไคร้ และมะละกอ สามารถเก็บเกี่ยวได้ หลังจากการปลูก 6-8 เดือน
2) ไผ่ลืมแล้ง สามารถเก็บเกี่ยวได้ หลังจากการปลูก 12 เดือน
3) ต้นชมพูพานทิพย์ สามารถเก็บเกี่ยวได้ หลังจากการปลูก 8-12 เดือน
1) ต้องทำการศึกษาว่าเราควรปลูกอะไร ช่วงเวลาไหน ที่สามารถขายได้ราคาดี
2) มีแหล่งรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน
3) คุณภาพดินเป็นสิ่งสำคัญ ต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์เข้าช่วย
โครงการ/หลักสูตร วิทยากรหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง