กลับไปหน้าค้นหา

นางสาวนิตยา ชูทิพย์

  • Facebook ID: -
  • Line ID: -
  • Email: -

ที่อยู่ 43/1 หมู 1 ตำบล : ควนธานี อำเภอ : กันตัง จังหวัด: ตรัง
โทรศัพท์ : -
การศึกษา : ปวช.
ประวัติ :

ขนมดอกจอก เป็นขนมโบราณ เป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยก่อน แต่ในปัจจุบันเริ่มจะหาทานยาก เด็ก ๆ สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไรนัก เนื่องจากไม่ค่อยเป็นที่นิยมจากเด็กรุ่นใหม่ ขนมดอกจอกเป็นขนมที่มีรูปทรงคล้ายดอกจอกที่มีเเหล่งกำเนิดอยุ่ในน้ำ รูปทรงสวยงามน่ารับประทาน เเต่เนื่องจากเป็นขนมที่ต้องใช้น้ำมันพืชปริมาณมากในการทอดจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับคนสมัยนี้ที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ เพราะอาจทำให้มีคอลเรตเตอรอลสูงเเละทำให้อ้วนได้



ขนมดอกจอก ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมมากจะเป็นหนึ่งในขนมที่จัดขึ้นในงานเเละพิธีการสำคัญต่างๆเช่นงานบวช งานเเต่งงาน งานขึ่นบ้านใหม่ เป็นต้น ไม่เเพ้ขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทองที่เป็นที่นิยมทั่งในอดีตและปัจจุบันและทำได้ง่ายสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย


ความสำเร็จ :

  1. สนใจการศึกษา  ค้นคว้าหาความรู้ เพิ่มประสบการณ์ ศึกษาดูงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

  2. ค้นคว้าสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา และถ่ายทอดให้คนที่สนใจ

  3. ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพ



มีความตั้งใจมุ่งมั่น และพยายามอดทน


ความชำนาญ : ขนมดอกจอก


ข้อมูลปราชญ์ชาวบ้าน

  • ขนมดอกจอก เป็นขนมโบราณ เป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยก่อน แต่ในปัจจุบันเริ่มจะหาทานยาก เด็ก ๆ สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไรนัก เนื่องจากไม่ค่อยเป็นที่นิยมจากเด็กรุ่นใหม่ ขนมดอกจอกเป็นขนมที่มีรูปทรงคล้ายดอกจอกที่มีเเหล่งกำเนิดอยุ่ในน้ำ รูปทรงสวยงามน่ารับประทาน เเต่เนื่องจากเป็นขนมที่ต้องใช้น้ำมันพืชปริมาณมากในการทอดจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับคนสมัยนี้ที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ เพราะอาจทำให้มีคอลเรตเตอรอลสูงเเละทำให้อ้วนได้



    ขนมดอกจอก ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมมากจะเป็นหนึ่งในขนมที่จัดขึ้นในงานเเละพิธีการสำคัญต่างๆเช่นงานบวช งานเเต่งงาน งานขึ่นบ้านใหม่ เป็นต้น ไม่เเพ้ขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทองที่เป็นที่นิยมทั่งในอดีตและปัจจุบันและทำได้ง่ายสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย

  • 1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือ ให้เข้ากัน

             2. เติมน้ำปูนใสและหัวกะทิลงไป ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ไข่ลงไป ตีผสมจนเข้ากันอีกครั้ง จากนั้นเติมงาดำลงไป พักแป้งไว้สักครู่

             3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ (กะพอให้สูงท่วมพิมพ์ขนมดอกจอก) เปิดไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนนำพิมพ์ลงไปแช่ในน้ำมัน พอจนพิมพ์ร้อนจัด ให้ยกขึ้นมาวางลงบนกระดาษซับน้ำมัน 

             4. พอน้ำมันแห้งแล้วนำพิมพ์ลงไปจุ่มลงในส่วนผสมแป้ง โดยเว้นให้เหลือขอบเล็กน้อยจะได้ถอดพิมพ์ได้ง่าย ยกพิมพ์ลงไปทอดในน้ำมัน ทอดจนแป้งเริ่มสุกและขนมเริ่มล่อนออกจากพิมพ์ ค่อย ๆ เขย่าพิมพ์ให้หลุดจากตัวแป้ง ทอดต่อจนสุกเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน

           5. นำขนมไปวางบนก้นแก้วหรือชามคว่ำ (ขนาดพอ ๆ กับชิ้นขนมแล้ว) แล้วค่อย ๆ ดัดกลีบขนมลงลง พักทิ้งไว้จนเย็น จัดเสิร์ฟ



     



     



    เทคนิคและเคล็ดลับ



    1.เมื่อผสมแป้งแล้ว ต้องพักแป้งให้อิ่มตัวเสียก่อน ประมาณ 1 ช.ม. จะทำให้แป้งเกาะติดพิมพ์ได้ดี

    2.ใช้ไฟปานกลาง

    3. ใช้กะทิปานกลาง อย่าให้กะทิมันมาก เพราะเวลาชุป แป้งจะไม่ค่อยเกาะพิมพ์ 

    4. การผสมแป้งต้องค่อยๆ นวดไปเรื่อยๆ อย่าผสมกะทิ

    ลงไปทีเดียว 

    5. แป้งขนมดอกจอก จะต้องไม่ข้นจนเกินไป เพราะเวลา ชุปพิมพ์แล้ว จะทำให้แป้งเกาะติดมาก ทำให้ขนมออกมาหนา เวลาทอดออกมามันจะแข็งกรอบ ส่วนถ้าแป้งเหลวเกินไป เวลาชุปพิมพ์แล้วจะได้แป้งที่เกาะติดพิมพ์บาง เวลาทอดออกมาก จะได้ขนมดอกจอกที่บาง และแตกหักง่าย 


    1. สนใจการศึกษา  ค้นคว้าหาความรู้ เพิ่มประสบการณ์ ศึกษาดูงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

    2. ค้นคว้าสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา และถ่ายทอดให้คนที่สนใจ

    3. ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพ



    มีความตั้งใจมุ่งมั่น และพยายามอดทน

  • ขนมดอกจอกที่ดีนั้น จะต้องระวังให้ขนมไม่หนามาก และบางมากเกินไป 

  • -

  • 3 ปี

ไฟล์แนบอื่นๆ