การปลูกข้าวโพดหวานอินทรีย์
โดย : นายจำรัส อินทร์เผือก ตำแหน่ง : เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน วันที่ : 2017-06-29-16:06:15ที่อยู่ : 8/2 หมู่ที่ 7 ต.นิคมสร้างตนเอง
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ข้าวโพดในสมัยโบราณของไทย อาจเป็นพืชหลวง หรือพืชหายากดังกล่าวมาแล้ว ราษฎรสามัญอาจไม่ได้ปลูกกันมาก แต่เนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชที่มีความเหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศของไทย และปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ฉะนั้น ในระยะต่อมาจึงได้ขยายพันธุ์ออกไปในหมู่ประชาชนอย่างแพร่หลายแต่ก็คงมีการปลูกกันไม่มากนัก เพราะไม่ใช้เป็นอาหารหลักเหมือนข้าวเจ้า ส่วนมากคงปลูกในสวน ในที่ดอน หรือในที่ที่น้ำไม่ท่วม เพื่อรับประทานแทนข้าวบ้างในยามเกิดทุพภิกขภัยเมื่อทำนาไม่ได้ผล การปลูกข้าวโพดในสมัยก่อนๆ นั้นจึงไม่สู้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเท่าใดนัก
วัตถุประสงค์ ->
1.ประกาศรับสมัครครัวเรือนเป้าหมาย
2.ประชุมชี้แจงตามโครงการ
3.อบรมให้ความรู้การปลูกข้าวโพดหวานอินทรีย์
4.ติดตามครัวเรือนเป้าหมายหลังอบรม
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
การจะปลูกข้าวโพดอินทรีย์นั้น จะต้องทำการเตรียมดินลึก 15-20 เซนติเมตร โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์คือขี้ไก่แกลบ หลังจากนั้น 7 วันเริ่มทำการปลูกข้าวโพดและเก็บเกี่ยวหลังปลูกได้ 70-75 วัน (แล้วแต่พันธ์ข้าวโพด)
อุปกรณ์ ->
- จะต้องมีแหล่งน้ำสำหรับให้น้ำข้าวโพดตลอดอายุการเก็บเกี่ยว
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. การเลือกพันธุ์ข้าวโพดหวานที่เป็นพันธุ์ส่งเสริมแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้คือ
1.1 พันธุ์ผสมเปิด ได้แก่ ฮาวายเอี้ยนซูการ์ซุปเปอร์สวีท ซุปเปอร์สวีทดีเอ็มอาร์
และไทยซุปเปอร์คอมพอสิต 1 ดีเอ็มอาร์ จุดเด่น คือเกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดใช้ทำพันธุ์ต่อได้ จุดด้อย ลักษณะทางการเกษตรไม่สม่ำเสมอ
1.2 พันธุ์ลูกผสม ได้แก่ เอทีเอส 2 เอทีเอส 5 ซูการ์ 73 ซูการ์ 74 ซูการ์ 75 ไฮบริกซ์ 3 ไฮบริกซ์ 10 อินทรี 2 สองสี 58 สองสี 39 ทวิวรรณ 2 หวานดัชนี พันธุ์หวานทอง โดยจุดเด่น ลักษณะทางการเกษตรสม่ำเสมอ ได้แก่ ความสูงของต้น ความสูงของฝัก ขนาดฝัก อายุวันออกไหมและเก็บเกี่ยวพร้อมกัน โดยให้ผลผลิตสูงตั้งแต่ 1.5 - 2 ตัน จุดด้อย ไม่สามารถเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ได้(ปัญญา, ม.ป.ป.)
ข้อพึงระวัง ->