เทคนิคส่งเสริมสัมมาชีพ

ปุ๋ยชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพ

โดย : นางบุญจันทร์ ภานโอภาส ตำแหน่ง : ปราชญ์ชุมชน วันที่ : 2017-04-18-16:10:26

ที่อยู่ : 80 ม.2 บ.วังเกาะเหล็ก ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

เนื่องจากสถานการณ์ปัจุจบัน เกษตรกรได้หันไปใช้สารเคมี และสารพิษกำจัดศัตรูพืช จึงทำให้ข้าวและอาหารที่เราบริโภคเข้าไปทุกวันมีสารพิษตกค้าง เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นจึงได้มีการอบรม ศึกษาดูงาน เพื่อมาผลิตปุ๋ยใช้เองในครัวเรือน และยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตซึ่งไม่เสี่ยงต่อการบริโภคอาหาร และยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตซึ่งไม่เลี่ยงต่อการบริโภคอาหาร และยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต ลดการกระจายเพิ่มรายได้ในครัวเรือนอีกด้วย 

วัตถุประสงค์ ->

วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ
การทำน้ำหมักชีวภาพจะเลือกใช้วัสดุใดในการหมักนั้น ควรเลือกใช้วัสดุหมักที่สามารถหาได้ง่ายในครัวเรือน แปลงเกษตรของตนเองหรือหาได้ง่ายในท้องถิ่น ส่วนหัวเชื้อสามารถเลือกใช้สารเร่งพด.2 หรือ พด.6 ตามวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้เป็นหลัก

 

• น้ำหมักชีวภาพ สูตร 1
หมักจากผักและผลไม้ จำนวน 50 ลิตร (หมัก 7 วัน)
– ผัก หรือผลไม้ 4 ส่วน
– กากน้ำตาล 1 ส่วน
– น้ำ 1 ส่วน
– สารเร่ง พด.2 จำนวน 1 ซอง (25 กรัม)

• น้ำหมักชีวภาพ สูตร 2
หมักจากปลาหรือหอยเชอรี่ จำนวน 50 ลิตร (หมัก 21 วัน)
– ปลา 3 ส่วน
– กากน้ำตาล 1 ส่วน
– ผลไม้ 1 ส่วน
– น้ำ 1 ส่วน
– สารเร่ง พด.2 จำนวน 1 ซอง (25 กรัม)

การใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนผสมในตัวหมักจะทำให้ได้น้ำหมักที่มีสีน้ำตาลเข้ม แต่หากหมักด้วยอินทรีย์วัตถุเพียงอย่างเดียวจะได้น้ำหมักเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือตามสีของวัตถุที่เติมลงหมัก

น้ำหมักชีวภาพจากเศษอาหารในครัวเรือน
เศษอาหารในครัวเรือนมักมีข้อจำกัด คือ เน่าง่าย และมีกลิ่นเหม็น และเกิดในปริมาณน้อยในแต่ละวัน จึงเป็นปัญหาในการรวบรวม

น้ำหมักชีวภาพจากเศษอาหารที่เกิดขึ้นน้อย ทำได้โดยเตรียมชุดน้ำหมักข้างต้น (น้ำ+สารเร่ง+กากน้ำตาล) ในถังให้พร้อมก่อน หลังจากนั้น จึงเทเศษอาหารลงในแต่ละวันที่เกิดขึ้น อาจเทได้ประมาณ 7-15 วัน ขึ้นอยู่กับขนาดถังที่เตรียม และต้องเตรียมชุดน้ำหมักเพียงค่อนถังหรือครึ่งถัง

ปริมาณธาตุอาหารในน้ำหมักน้ำชีวภาพ ที่วัสดุหมัก : กากน้ำตาล (3 : 1)
1. ปลาหมัก : pH 3.2-3.9, ไนโตรเจน 0.4-1.10%, ฟอสฟอรัส 0.0-3.94%, โพแทสเซียม 0.09-0.86%, แคลเซียม 0.014-0.51%
2. หอยเชอรี่ : pH 4.5-6.3, ไนโตรเจน 0.6-1.58%, ฟอสฟอรัส 0.0-0.06%, โพแทสเซียม 0.16-4.90%, แคลเซียม 0.08-0.15%, แมกนีเซียม 0.27%
3. เศษพืชผัก?: pH 3.8-3.9, ไนโตรเจน 0.27-0.40%, ฟอสฟอรัส 0.14-0.15%, โพแทสเซียม 0.35-1.44%, แคลเซียม 0.41-0.43%, แมกนีเซียม 0.15%
4. เศษผักผลไม้ : pH 3.4-3.8, ไนโตรเจน 0.20-0.33%, ฟอสฟอรัส 0.0-0.26%, โพแทสเซียม0.6-0.88%, แคลเซียม 0.19-0.67%, แมกนีเซียม 0.11%

อัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C/N ratio)
คาร์บอน และไนโตรเจนที่มีอยู่ในวัสดุหมักถือเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของจุลินทรีย์ โดยคาร์บอนจะเป็นแหล่งให้พลังงาน ส่วนไนโตรเจนใช้สำหรับกระบวนสร้างเซลล์ และสังเคราะห์โปรโตพลาสซึมของเซลล์ ดังนั้น อัตราส่วนของคาร์บอน และไนโตรเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตของจุลินทรีย์

ไนโตรเจนในวัสดุหมักจะถูกเปลี่ยนเป็นแอมโมเนีย หากมีปริมาณแอมโมเนียมากจะมีความเป็นพิษต่อจุลินทรีย์ หากสัดส่วนคาร์บอนสูงกว่าไนโตรเจนมากจะทำให้กระบวนการย่อยสลายจุลินทรีย์ช้า ลง ซึ่ง C/N ratio ที่เหมาะสมต่อการหมักจะอยู่ระหว่าง 20-40

ค่า C/N ratio สามารถหาได้จากปริมาณคาร์บอน (C) และไนโตรเจน (N) ของวัสดุหมักนั้นๆ ค่าเหล่านี้สามารถค้นหาได้จากตำราต่างๆ ทั้งในห้องสมุดสถานศึกษา และทางอินเตอร์เน็ต

การคำนวณหา C/N ratio ทั้งหมด เพื่อให้ทราบว่ามีค่าเหมาะสมหรือไม่ จะใช้การคำนวณ ดังนี้
ชนิดวัสดุที่ 1 : เศษผัก 60.00 % ของวัสดุทั้งหมด มีค่า C/N ของวัสดุ = 20 : 1
ชนิดวัสดุที่ 2 : มูลสัตว์ 20.00 % ของวัสดุทั้งหมด ค่า C/N ของวัสดุ = 25 : 1
ชนิดวัสดุที่ 3 : ใบไม้แห้ง 20.00 % ของวัสดุทั้งหมด ค่า C/N ของวัสดุ = 50 : 1

ค่า C/N ทั้งหมดของปุ๋ยหมักเท่ากับ
C =          (60.00 x 20)  + (20.00 x 25)  + (20.00 x 50)
***************100               100                    100
= 12.00 + 5 + 10
= 27.00

ดังนั้น ค่า C/N จึงเท่ากับ 27.00: 1 ซึ่งมีค่ายังไม่สูงพอ จึงควรเพิ่มปริมาณวัสดุหมักให้เพิ่มขึ้นหรือเลือกวัสดุหมักที่มีคาร์บอนมาก ขึ้น

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

ประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ
1. ด้านการเกษตร
– ใช้ฉีดพ่นหรือเติมในดินหรือน้ำ ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ในดิน และน้ำ
– ใช้เติมในดิน ช่วยปรับสภาพโครงสร้างของดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ในดิน และน้ำ
– ช่วยเพิ่มอัตราการย่อยสลายสารอินทรีย์ในดิน และน้ำ
– ใช้รดต้นพืชหรือแช่เมล็ดพันธุ์ ท่อนพันธุ์เพื่อเร่งการเกิดราก และการเจริญเติบโตของพืช
– เป็นสารที่ทำหน้าที่เหมือนฮอร์โมนพืช กระตุ้นการเกิดราก และการเจริญเติบโต ทำให้ผลผลิต และคุณภาพสูงขึ้น
– ใช้ฉีดพ่นในแปลงเกษตร ช่วยต้านแมลงศัตรูพืช และลดจำนวนแมลงศัตรูพืช
– ใช้ฉีดพ่นในแปลงผัก ผลไม้ หรือผลผลิตต่างๆ เพื่อป้องกันการทำลายผลผลิตของแมลง

2. ด้านปศุสัตว์
– ใช้ฉีดพ่นตามพื้นดินในฟาร์มเพื่อลดกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์ ซากพืช ซากสัตว์ในฟาร์ม
– ใช้เติมในน้ำเสียเพื่อกำจัดน้ำเสียด้วยการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ในการย่อยสารอินทรีย์ในน้ำเสีย
– ใช้ฉีดพ่นตามพื้นหรือตัวสัตว์เพื่อป้องกัน และลดจำนวนของจุลินทรีย์ก่อโทษ และเชื้อโรคต่างๆ
– ช่วยป้องกันแมลงวัน และการเจริญเติบโตของหนอนแมลงต่างๆ
– ใช้ผสมอาหารสัตว์จำพวกหญ้าเพื่อเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ในกระเพาะอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้อง
– ใช้หมักหญ้า ฟางข้าวหรือหญ้าอาหารสัตว์เพื่อให้เกิดการย่อยง่าย

3. ด้านการประมง
การใช้ในด้านการประมงมักใช้น้ำหมักชีวภาพเติมในบ่อเลี้ยงปลาเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ คือ
– เพื่อปรับความเป็นกรด-ด่าง
– เพื่อเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สำหรับการย่อยสลายสิ่งสกปรกในบ่อปลา
– เพื่อต้าน และลดจำนวนเชื้อโรคที่ก่อโทษในสัตว์น้ำ
– เพื่อรักษาแผลของสัตว์น้ำ
– ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ ด้วยการช่วยย่อยสลายสิ่งเน่าเสียด้านล่างบ่อ

4. ด้านสิ่งแวดล้อม
– ใช้เติมในระบบบำบัดน้ำเสียจากการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชน
– ใช้เติมในบ่อขยะ ช่วยย่อยสลายขยะ และกำจัดกลิ่นเหม็น
– ใช้ปรับสภาพของเสียจากครัวเรือนก้่อนนำไปใช้ประโยชน์ในการเกษตร

อุปกรณ์ ->

ลักษณะกายภาพระหว่างการหมัก
1. หากมีการเจริญเติบโต และเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ สามารถสังเกตได้จากเกิดฝ้าขาวหรือโคโลนี และมีปริมาณเพิ่มขึ้นบริเวณผิวหน้าของถังหมัก
2. เกิดฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
3. มีกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์
4. หากนำสารละลายมาแตะลิ้นจะมีรสเปรี้ยวจากกรดแลคติก
5. สารละลายมีลักษณะน้ำตาลใส ไม่ขุ่นดำ และมีกลิ่นหอม

กระบวนการ/ขั้นตอน->

คุณสมบัติของน้ำหมักชีวภาพ
1. ประกอบด้วยฮอร์โมนที่นำมาใช้ต่อการเติบโตของพืชหลายชนิด เช่น ออกซิน ไซโตตไคนิน และจิบเบอร์เรลลิน
2. กรดอินทรีย์ชนิดต่างๆ เช่น กรดอะซีติก กรดแลคติก กรดอะมิโน และกรดฮิวมิก
3. มีวิตามินบี วิตามินซี วิตามินเอ และอื่นๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุหมัก
4. มีความเป็นกรดที่ pH ประมาณ 3-4

ข้อพึงระวัง ->

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา