การเกษตรผสมผสาน
โดย : นายพิชิต ชะบางาม วันที่ : 2017-04-10-08:44:02ที่อยู่ : ๖๖/๒ หมู่ที่ ๑ ตำบลนาโสม
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
เดิมครอบครัวของนายพิชิต ชะบางาม ประกอบอาชีพทำไร่ข้าวโพด ไร่มันสมปะหลัง และไร่อ้อย ได้ผลดีมาโดยตลอด แต่เมื่อประมาณปี ๒๕๓๕ การทำไร่ประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากราคาผลผลิตตกต่ำ ต้นทุนทางการเกษตรสูง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเริ่มประสบปัญหา มีหนี้สินมากขึ้น ขาดความสุขในครอบครัว
ด้วยประสบการณ์ ความรู้ จากการทำงานเป็นหัวหน้าแผนกเพาะชำ สวนป่าท่ามะปราง จังหวัดนครนายก ในปี ๒๕๑๙ – ๒๕๒๐ และได้รับการอบรมความรู้เป็นอาสาพัฒนาที่ดิน เป็นหมอดิน จึงปรับเปลี่ยนวิธีคิดจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่ทำไร่เพียงอย่างเดียว มาเป็นการปลูกพืชหลายชนิด เป็นทางเลือกใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ปลูกพืชหลากหลายชนิด ปลูกทีละน้อย จนปัจจุบัน มีที่ดินทำการเกษตร ประมาณ ๓๐ ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ทำไร่ ๑๔ ไร่ ปลูกป่าไม้เพื่ออนุรักษ์และใช้สอย ๘ ไร่ พื้นที่ทำนาข้าวอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมี เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ๓ ไร่ และพื้นที่สวนผสม ปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกไม้ผล เลี้ยงสัตว์ สระน้ำและใช้เป็นที่อยู่อาศัย ๕ ไร่
นับตั้งแต่การปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรผสมผสาน มีความหลากหลาย ทำให้ครอบครัวของนายพิชิต ชะบางาม เริ่มดีขึ้น จนสามารถสนับสนุนการศึกษาของบุตรจน ได้ประกอบอาชีพที่มั่นคงทั้ง ๓ คน ได้แก่ บุตรชายคนโตและบุตรธิดาคนรองประกอบอาชีพพยาบาล บุตรชายคนเล็กรับราชการตำรวจ ปัจจุบันสามารถลดรายจ่ายเพราะมีข้าว มีผัก มีสัตว์เลี้ยงที่ใช้เป็นอาหารในครัวเรือน เช่น เป็ด ไก่ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่งวง กบ ปลา หน่อไม้และผักพื้นบ้านต่างๆ เป็นต้น และมีรายได้ประจำวันจากการขายผลผลิตเหล่านี้ อย่างต่อเนื่อง ทำให้หนี้สินลดลงจากที่เคยกู้ยืมเงินปีละ ๑ – ๒ แสนบาท ปัจจุบันไม่กู้ยืมและชำระหนี้แล้ว จนเกือบหมด นอกจากนี้ยังนำรายได้ส่วนหนึ่งแบ่งไปช่วยงานสาธารณประโยชน์อีกด้วย
วัตถุประสงค์ ->
- เพื่อลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มรายได้กับครัวเรือน
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
อุปกรณ์ ->
จอบ มีด กรรไกรตัดกิ่งไม้ สายยาง
กระบวนการ/ขั้นตอน->
เตรียมดินให้พร้อม รองก้นด้วยปุ๋ยหมัก รถน้ำให้ชุ่มก่อน นำเมล็ดพันธุ์ หรือกิ่งพันธุ์ปลูกในดินที่เตรียมไว้ คอยให้น้ำและปุ๋ย
ข้อพึงระวัง ->
พืชบางอย่างไม่ชอบแดดจัด แต่บางอย่างชอบแดดจัด เราต้องว่าพืชชนิดนี้ต้องการแสงแดดแบบไหน