ทำโอ่งแบบโบราณ โดยใช้แบบปูนขึ้นรูป
โดย : นายสุรพล จุติชัย วันที่ : 2017-03-31-16:56:06ที่อยู่ : 10/2 หมู่ที่ 6 ซอย 11 ถนนสายตรี ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
โอ่งน้ำพัฒนานิคม สู้ภัยแล้งเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ" โดยนำปราชญ์ชาวบ้านใช้ภูมิปัญญาไทยสอน ปั้นโอ่งขนาดใหญ่แบบโบราณ ที่ใช้กันมายาวนานในวิถีชนบทของไทยในอดีต ซึ่งปัจจุบันกำลังจะหายไปจากสังคมไทย ทางอำเภอพัฒนานิคม โดยการนำของ นายชรินทร์ ทองสุข นายอำเภอพัฒนานิคม โดยมีแนวความคิดที่จะช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยแล้งที่สร้างผลกระทบกับชาวลพบุรี เนื่องจากปีนี้ปริมาณน้ำฝนน้อยมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำกักเก็บมีเพียง 12% เท่านั้น ทำให้ประชาชนขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค ประกอบกับฝนที่ตกลงมาทุกปี ก็ไม่มีการกักเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง แนวความคิดนี้จึงฟื้นฟูภูมิปัญญาไทย การปั้นโอ่งแบบโบราณขนาดใหญ่ 1,500 ลิตร เพื่อเป็นการอนุรักษ์งานปั่นโอ่งเอาไว้ ซึ่งได้เชิญวิทยากร ช่างผู้ชำนาญการปั้นโอ่งขนาดใหญ่ประสบการณ์สูง ระดับมืออาชีพ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ นายช่างบุญมี โพธิ์ระนก อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 5 ต.สำพะเนียง อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มาเป็นวิทยากรสอนให้กับชาวบ้านดีลัง อ.พัฒนานิคม ฝึกให้ชาวบ้านปั้นโอ่งขนาดใหญ่ได้จริง ใช้งบประมาณบูรณาการ ของกรมการปกครองและงบประมาณป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ของกระทรวงมหาดไทย ชาวบ้านที่มาปั้นโอ่งขนาดใหญ่เก็บน้ำแล้วสามารถถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับชาวบ้านด้วยกันทำเป็นกิจกรรมจ้างแรงงาน เพื่อสร้างรายได้แก่ประชาชนได้
วัตถุประสงค์ ->
กักเก็บนำ้ไว้ใช้
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1.เนื้อดินสีน้ำตาลแดง
2.ลวดตัวเก็ง
3.ทรายละเอียด
4.ขี้เถ้าโยด
อุปกรณ์ ->
เครื่องโม่หรือเครื่องนวด
กระบวนการ/ขั้นตอน->
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมดิน เนื้อดินสีน้ำตาลแดงที่ได้จากท้องนาทั่วไปในจังหวัดราชบุรีเป็นเนื้อดินเหนียวที่มีคุณภาพดีเยี่ยม มีความละเอียดเหนียวเกาะตัวกันได้ดีนำมาหมักไว้ในบ่อดิน แช่น้ำทิ้งไว้ 1 สัปดาห์เพื่อให้น้ำซึมเข้าในเนื้อดินให้ดินอ่อนตัวทั่วถึงกันและเป็นการทำความสะอาดดินไปในตัวด้วย หลังจากนั้นตักดินขึ้นมากองไว้ แทงหรือตักดินด้วยเหล็กลวดให้เป็นก้อน นำเข้าเครื่องโม่หรือเครื่องนวดเพื่อให้เนื้อดินเข้ากัน แล้วใช้เหล็กลวดหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ลวดตัวเก็ง ตักดินที่โม่แล้วให้เป็นก้อนมีขนาดเหมาะพบกับการปั้นงานแต่ละชิ้นนำมานวด โดยผสมทรายละเอียดเล็กน้อยอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้โอ่งมังกรมีเนื้อที่แกร่งและคงทนยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 2 การขึ้นรูปหรือการปั้น แบ่งออกเป็นสามส่วน คือ
ส่วนขาหรือส่วนกัน โดยการนำดินที่ผ่านการนวดให้เป็นเส้นแล้วมีความยาวประมาณ 30 เซลติเมตร วางลงบนแผ่นไม้ ซึ่งวางบนแป้น ก่อนวางต้องใช้ขี้เถ้าโยเสียก่อนเพื่อไม่ให้ดินติดกับแผ่นไม้และสะดวกต่อการยกลง เนื้อดินส่วนนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลมหรือก้อนสี่เหลี่ยมแผ่ออกเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางตามขนาดของโอ่งที่ต้องการ จากนั้นนำดินเส้นมาวางต่อกันเป็นชั้นเรียนกว่า การต่อเส้น เมื่อปั้นตัวโอ่งและยกลงจากแป้นแล้ว ตบแต่งผิวด้านนอกและ ด้านใน โดยการขูดดินที่ไม่เสมอกันออกให้ผิวเรียบ แล้วใช้ลูบเพื่อให้ผิวเนียนอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนลำตัว นำตัวขาหรือส่วนก้นที่แห้งพอหมาดมาวางบนแป้นที่มีขนาดเตี้ยกว่าแป้นที่ปั้นส่วนขา ตบแต่งผิวอีกครั้งด้วยฮุยหลุบและไม้ตี นำดินเส้นมาวางต่อกันเป็นชั้นสำหรับส่วนสำตัวทำนองเดียวกับส่วนขา วัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางให้ได้ตามต้องการ ใช้ไม้ต๊าขุดดินและแต่งผิวให้เรียบ ทิ้งไว้พอหมาด
ส่วนปาก ลักษณะการต่อเส้นคล้ายกับสองส่วนแรก แป้นมีขนาดเตี้ยลงอีกก่อนจะต่อเส้นต้องตบแต่งผิวส่วนลำตัวและส่วนขาด้วยไม้ต๊าเสียก่อน ใช้ดินเส้นประมาณห้าเส้นวัดความสูงได้ประมาณ 70 เซนติเมตร ใช้พองน้ำลูบผิวให้เรียบ จากนั้นใช้ผ้าด้ายดิบชุบน้ำลูบส่วนบน พร้อมกับบีบหรือกดให้ขึ้นเป็นรูปขอบปากโอ่ง ใช้ไม้ต๊าตบแต่งให้เรียบเสมอกันอีกครั้งหนึ่ง ยกไปวางผึ่งให้เป็นระเบียบ เพื่อรอการทำในขั้นต่อไป สำหรับการยกลงจากแป้นนั้นต้องใช้ช่างปั้นสองคนช่วยกันยกด้วยเชือกหาม เป็นเชือกที่นำมามัดไขว้กันเป็นวงกลมให้มีขนาดเท่ากับตัวโอ่งพอดี ปล่อยปลายยาวทั้งสองด้านสำหรับจับยกหาม สำหรับส่วนปากซึ่งทำไว้เป็นจำนวนมากนั้น ถ้าทิ้งไว้นานก่อนถึงขั้นตอนการเขียนลายจะทำให้แห้งเกินไป จึงต้องทำให้อยู่ในสภาพเปียกหมาดๆ อยู่เสมอ โดยใช้พลาสติกคลุมไว้
ข้อพึงระวัง ->
ระวังปูนแห้งจะใช้ไม่ได้ ต้องใช้น้ำช่วยเพื่อไม่ให้ปูนแห้งเกินไป ดินพังต้องแก้ไขให้ตรวจจุดนั้นแล้วซ่อมแซมให้เหมือนเดิม