สูตรน้ำหมักชีวภาพยอดนิยม่
โดย : นางกชมาส ดวงศิริ วันที่ : 2017-03-30-05:32:30ที่อยู่ : 25/2 หมู่ที่ 3 บ้านถนนแค ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี เบอร์โทร . 092-7766719
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
กรมพัฒนาที่ดิน/เกษตร
ที่มาของหลักสูตร
ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ เป็นการนำเอาพืชผักผลไม้สัตว์ชนิดต่างๆ มาหมักกับน้ำตาล ทำให้เกิดจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ จำนวนมาก ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะไปช่วยสลายธาตุอาหารต่างๆที่อยู่ในพืชเมื่อถูกย่อยสลายโดยกระบวนการย่อยสลายของแบคทีเรียหรือ จุลินทรีย์ สารต่างๆจะถูกปล่อยออกมา ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่นำมาหมัก
น้ำหมักชีวภาพจะมีธาตุอาหารหลักอาหารรอง จุลธาตุ ฮอร์โมน และกรดฮิวมิกฯลฯ มีผลต่อการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชกระตุ้นการงอกของราก ช่วยให้พืชแข็งแรงต้านทานต่อโรคและแมลง ผลผลิตเพิ่มขึ้น สีสันและรสชาติดีกว่าเดิม ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อลดต้นทุนการผลิต
กลุ่มเป้าหมาย ครัวเรือนสัมมาชีพเป้าหมาย 20 ครัวเรือน นำไปปฏิบัติในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ลดต้นทุนการผลิต ปลอดสารเคมี
1. เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทั้งปริมาณอินทรีย์วัตถุ แร่ธาตุอาหาร ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม
2. ช่วยในการย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ในดิน ทำให้ธาตุอาหารถูกพืชนำไปใช้ได้รวดเร็วขึ้น
3. ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน
4. ช่วยต้านการแพร่ของจุลินทรีย์ก่อโรคพืชชนิดต่างๆในดิน
5. ทำให้ดินมีความร่วนซุย จากองค์ประกอบของดินที่มีดิน อินทรีย์วัตถุ น้ำ และอากาศในสัดส่วนที่เหมาะสม
6. ช่วยปรับสภาพ pH ของดิน ให้เหมาะสมกับการปลูกพืช
7. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงแร่ธาตุของพืชจากปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอื่นที่เกษตรกรใส่
8. ช่วยดูดซับความชื้นไว้ในดินให้นานขึ้น ทำให้ดินชุ่มชื้นตลอดเวลา
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. เศษจากซากพืชสด อาทิ พืชอวบน้ำ ผัก ผลไม้ทั้งแก่และอ่อน รวมทั้งเปลือกผลไม้ ฯลฯ
2. เศษซากสัตว์สด อาทิ หอยเชอรี่ ปลา ปู ฯลฯ
3.3 พืชสมุนไพรเพิ่มประสิทธิภาพ อาทิ สะเดา ไหลแดง หนอนตายอยาก ตะไคร้หอม ฯลฯ
โดยทั่วไปส่วนผสมของการผลิตน้ำหมักชีวภาพ ถ้าใช้สูตรที่เก็นเศษซากพืช จะใช้ส่วนผสมระหว่างเศษซากพืชสดกับกากน้ำตาล อัตราส่วน 3:1
แต่หากเป็นเศษซากสัตว์ จะใช้อัตราส่วนระหว่างเศษซากสัตว์กับกากน้ำตาล อัตราส่วน 1:1
อุปกรณ์ ->
การเตรียมการในการประกอบอาชีพนี้ ต้องเตรียมอะไรบ้าง อย่างไร (คน เงิน วัสดุ อุปกรณ์)
1) ถังน้ำหมักที่มีฝาปิดสนิท ควรเป็นถังพลาสติก หรือกระเบื้องเคลือบ ไม่ควรใช้ถังประเภทโลหะหรือปูนซีเมนต์ เพราะน้ำหนักจะเข้าไปกัดก่อนภาชนะ
2) น้ำตาล สามารถใช้น้ำตาลได้ทุกชนิด อาทิ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง กากน้ำตาล ฯลฯ หรือกากน้ำตาล ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำตาลชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากอุตสาหกรรมน้ำตาล นอกจากนี้อาจใช้พืชจำพวกอ้อยได้เช่นกัน
กระบวนการ/ขั้นตอน->
สูตรสำหรับพืชกินใบ
1) พืชสด
2) กากน้ำตาล อัตราส่วน 3:1
วิธีทำ
ใช้พืชที่มีลักษณะสด ใหม่ สมบูรณ์ อวบน้ำ โตเร็ว ไม่มีโรค (เน่า) ทุกส่วน ๆ ละไม่มากนัก จากพืชหลาย ๆ ชนิด ทั้งพืชที่กินได้และวัชพืช นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือบดละเอียดให้ได้ปริมาณ 3 กิโลกรัม แล้วบรรจุเศษพืชที่ได้ลงในภาชนะ และเติมกากน้ำตาลลงไป 1 ลิตร คนหรือเขย่าให้เข้ากัน ให้เศษพืชจมอยู่ในกากน้ำตาลตลอดเวลา ปิดฝาภาชนะ เก็บไว้ในที่มืด อุณหภูมิห้องนาน 7 วัน สามารถนำไปใช้ได้
ข้อพึงระวัง ->
ข้อจำกัด/อุปสรรคในการดำเนินงาน
6.1 การใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชบางชนิด เช่น กล้วยไม้ อาจทำให้วัสดุที่ใช้ปลูก เช่น กาบมะพร้าวผุเร็วก่อนเวลาอันสมควร
6.2 การใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชนั้นในดินควรมีอินทรีย์วัตถุอยู่ เช่น มีการใส่ปุ๋ยหมัก และเศษพืชแห้งคลุมดินไว้ ซึ่งทำให้การใช้ประโยชน์ จากน้ำสกัดชีวภาพหรือน้ำหมักชีวภาพได้ผลดี
6.3 ห้ามใช้อัตราที่กำหนดไว้ในคำแนะนำ เพราะอาจมีผลทำให้ใบไหม้ได้ เนื่องจากความเป็นกรดหรือความเค็มในน้ำสกัดชีวภาพ หรือน้ำหมักชีวภาพ
6.4 น้ำสกัดชีวภาพหรือน้ำหมักชีวภาพที่มีธาตุไนโตรเจนสูงระวังการใช้ เพราะใช้มากอาจทำให้เฝือใบและไม่ออกดอก ออกผลได้