![image1](upload/kmimg/km_img01_1488903839.jpg)
การทำเกษตรผสมผสาน และการทำตะกร้าจากเชือกวิทยาศาสตร์
โดย : นางสาวซ่อนกลิ่น วันศิริสุข วันที่ : 2017-03-07-23:23:59ที่อยู่ : ๒๖/๒ หมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านแดน
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
เนืองจากอาชีพดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา คือ อาชีพการทำการเกษตร ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย จึงได้สืบทอดอาชีพการเกษตร แต่ได้ประยุกต์โดยทำการเกษตรผสมผสาน ด้วยการทำนา ปลูกพืชผักสวนครัว ผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการทำตะกร้าจากเชือกวิทยาศาสตร์ ในช่วงที่ว่างเว้นจากการประกอบอาชีพกาารเกษตร เพื่อเป์นรายได้เสริม
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรจากดั้งเดิมที่เคยทำกันอยู่ เพื่อให้ครบวงจร และมีผลผลิตที่ม่ีคุณภาพ ได้ราคา และตลอดทุกฤดูกาล
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
เมล็ดพันธ์ุพืชผักสวนครัว ผลไม้ และพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ
อุปกรณ์ ->
ที่ดิน คอกเลี้ยงสัตว์
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. การปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่จากสภาพเดิมที่ลุ่มๆ ดอนๆ และลาดเท มาเป็นการพิจารณาจัดแบ่งพื้นที่ให้มีความเหมาะสมแก่การปลูกพืชหลายชนิดตามต้องการ โดยยึดถือหลักการสำคัญคือ
-บริเวณที่ลุ่มน้ำท่วมขัง จะใช้สำหรับเก็บกักน้ำโดยการขุดแต่งเป็นบ่อน้ำ เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง
-บริเวณพื้นที่ต่ำต่อเนื่องจากบ่อน้ำ อาจใช้สำหรับปลูกข้าวเพื่อกินในครอบครัว หรือ ปลูกพืชผักระยะสั้นสำหรับบริโภคและขาย เป็นรายได้หมุนเวียนทุกเดือน
-บริเวณพื้นที่เนินหรือพื้นที่ราบสูง อาจใช้สำหรับปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้นหลายชนิด เพื่อสร้างรายได้ประจำปีที่มั่นคง
2. การปรับปรุงดิน โดยการเพิ่มอินทรีย์วัตถุชนิดต่างๆ ลงไปในดินให้มีความเหมาะสมกับการปลูกพืชมากยิ่งขึ้น เช่น การใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และเศษหญ้า การหว่านปูนขาวเพื่อปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน การกลับหน้าดินด้วยเครื่องมือขนาดเล็กเพื่อทำลายศัตรูพืชในดิน เป็นต้น
3. การจัดการน้ำที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำที่เก็บกักไว้เป็นน้ำฝนที่มีปริมาณจำกัด ดังนั้น จึงต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อช่วยให้การใช้น้ำอย่างประหยัดและรวดเร็วทันเวลา เช่น เครื่องยนต์สูบน้ำขนาดเล็ก ท่อส่งน้ำ ถังเก็บน้ำ ก๊อกหรือวาล์วปิดเปิดน้ำ เป็นต้น การจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของพืช เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการปลูกพืชแบบผสมผสาน จึงต้องปรึกษาหรือเสาะหาความรู้จากนักวิชาการเกษตร หรือเกษตรกรที่ปลูกพืชชนิดเดียวกันในละแวกใกล้เคียง
4. การคัดเลือกและวางแผนการเพาะปลูก มีข้อควรคำนึงที่สำคัญในการคัดเลือกและวางแผน ดังนี้
-เลือกชนิดพืชที่มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เช่น ทนทานต่อโรคแมลงรบกวน ทนทานต่อความแห้งแล้ง เติบโตเร็ว ผลผลิตสูง ดูแลรักษาง่าย เป็นต้น
-เลือกชนิดพืชจากความต้องการของพ่อค้า หรือผู้บริโภค โดยต้องคำนึงว่าพืชผลที่จะปลูกเพื่อขาย ควรมีตลาดรองรับ ซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับแหล่งเพาะปลูก และสามารถปลูกได้ในช่วงเวลาที่ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคต้องการ
-เลือกพืชที่จะเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ เช่น ปริมาณน้ำฝน การกระจายน้ำของวันฝนตกในรอบปี อุณหภูมิหนาวเย็นแต่ละช่วงเวลา ความชื้น กระแสลม ตลอดจนความสูงต่ำของภูมิประเทศ และต้องคำนึงถึงธรรมชาติและอากาศ เช่น ไม่ควรปลูกพืชเมืองหนาวในเขตร้อน หรือปลูกไม้ผลไม้ยืนต้นในพื้นที่ราบลุ่ม เป็นต้น
-เลือกพืชที่ปลูกตามความรู้และประสบการณ์ของตนเอง โดยเริ่มต้นจากการปลูกน้อยๆ แล้วขยาย
มากขึ้นเมื่อมีประสบผลสำเร็จ
5. การจัดการดูแลรักษาพืชผล ซึ่งได้แก่กิจกรรมการใส่ปุ๋ย การให้น้ำ การพรวนดิน การกำจัดวัชพืช และการป้องกันโรคแมลงรบกวน กิจกรรมเหล่านี้ ต้องปฏิบัติสม่ำเสมอเป็นประจำจนกว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
6. การเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้แก่ การเก็บรวบรวมผลผลิต การคัดแยกสิ่งเจือปนเน่าเสีย การเก็บรักษาผลผลิต
ก่อนขาย การบรรจุหีบห่อเพื่อลำเลียงไปขายหรือบริโภค เป็นต้น
ข้อพึงระวัง ->
ผู้ที่สนใจในอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังนี้
เป็นผู้ที่มีจิตใจรักในอาชีพการเกษตรมีความขยันหมั่นเพียร โดยเริ่มต้นจากการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชได้จากเอกสาร คำแนะนำ การเยี่ยมชมพื้นที่เพาะปลูกของผู้อื่น ตลอดจนการเข้ารับการฝึกอบรมความรู้เฉพาะเรื่องจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่ หรือจากหน่วยงานราชการ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยี ฯลฯ รวมทั้งเริ่มทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ในพื้นที่เล็กๆ ก่อนขยายจำนวนมากขึ้นเมื่อมีความชำนาญและประสบผลสำเร็จ
![image1](upload/kmimg/km_img01_1488903839.jpg)
![image2](upload/kmimg/km_img02_1488903839.jpg)
![image3](upload/kmimg/km_img03_1488903839.jpg)