ทอผ้าฝ้ายและมัดหมี่
โดย : นางนงค์รักษ์ จอมพิมูล วันที่ : 2017-03-09-09:52:09ที่อยู่ : บ้านเลขที่ ๖๘ หมู่ที่ ๑๔ ตำบลเจ้าท่า อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
การทอผ้ามัดหมี่ซึ่งได้สืบทอดมาจาก ปุ่ย่า ตา ยาย แต่ปัจจุบันนี้ผืนผ้ามีการพัฒนาลวดลายที่ออกแบบมาแล้วให้ทันสมัย ตรงความต้องการของลูกค้า เพิ่มด้วยนวัตกรรมเคลือบน้ำยานาโน บนผืนผ้าทำให้ผ้ามีความทนทานไม่ขึ้นรา การทอผ้ามัดหมี่มีกรรมวิธีการทอผ้าให้เกิดลวดลายโดยการมัดที่เส้นพุ่งหรือเส้นยืนด้วยเชือกก่อนนำไปย้อมสีเพื่อให้เกิดสีและลายตามที่กำหนด แล้วจึงนำมาทอเป็นผ้าผืน มีการทำกันมากในภาคอีสานการทอผ้ามัดหมี่แต่ละผืนจะต้องใช้เวลาและความปราณีต จัดเรียงเส้นไหมและฝ้ายห้สม่ำเสมอคงที่และกรรมวิธีต้องเรียงลำดับก่อน-หลังเพื่อให้เกิดลวดลายสวยงามถูกต้อง ลวดลายจะเป็นลวดลายสืบต่อกันมา บางครั้งก็ได้จากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
วัตถุประสงค์ ->
๑) เพิ่มรายได้
๒) ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
๓) สามารถบริหารงานเป็นกลุ่มได้/เกิดความรัก ความสามัคคี
๔) มีคุณภาพชีวิตที่ดี
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
๑) ด้าย
๒) สีย้อมผ้า
อุปกรณ์ ->
๑) กี่
๒) ฟืม
๓) กระสวย
๔) อัก
๕)ไน
๖) หลอด
๗) กง
๘) กระละมัง
๙) เชือกฟาง
๑๐) มีด
กระบวนการ/ขั้นตอน->
๑) การมัดหมี่ เป็นการทำลวดลายของผืนผ้า โดยการใช้วัสดุกันน้ำมัดกลุ่มเส้นฝ้ายเป็นลวดลายตามต้องการก่อนนำฝ้ายย้อมน้ำสี เมื่อแก้วัสดุกันน้ำออกจึงเกิดสีแตกต่างกันถ้าต้องการเพียง 2 สี จะแก้วัสดุมัดฝ้ายเพียงครั้งเดียวหากต้องการหลายสีจะมีการแก้มัดวัสดุหลายครั้ง ขั้นตอนการมัดหมี่ ดังนี้
-มัดกลุ่มฝ้ายแต่ละลูกหมี่ด้วยเชือกฟาง จนครบหลักหมี่ ทำเป็นเชิงผ้า
-การเริ่มต้นลายมัดหมี่ อาจมัดจากด้านบนไล่เรียงลงข้างล่าง หรือมัดข้างล่างก่อนจึงไล่เรียงขึ้นข้างบน บางคนอาจเริ่มมัดจากตรงกลางก่อน จึงขยายออกไปเต็มหลักหมี่
-เริ่มมัดปลายเชือกด้านหนึ่งกับลูกหมี่ก่อน จึงพันอีกปลายหนึ่งซ้อนทับกันให้แน่นเพื่อไม่ให้สีย้อมซึมเข้าข้อหมี่เมื่อพันทับกันไปจนได้ความยาวตามลายหมี่แล้ว มัดปลายเชือกกับลูกหมี่ให้แน่นเช่นกัน โดยเหลือปลายเชือกไว้เมื่อเวลาแก้ปอมัดจะทำได้ง่าย
- เอาเชือกเส้นหนึ่งสอดเข้าไปในช่องหลักหมี่ข้างใดข้างหนึ่ง ผูกกลุ่มฝ้ายไว้เป็นวงไม่ให้หมี่ที่มัดลวดลายแล้วหลุดออกจากกัน และใช้เป็นหูหิ้วสำหรับจับเวลาย้อม ถอดฝ้ายมัดหมี่ออกจากหลักหมี่หลังจากนั้น เราก็จะนำไปย้อมสีเมื่อย้อมสีเสร็จก็จะนำมาแก้ปอมัดหมี่
๒) การแก้ปอมัดหมี่ หมี่ที่มัดเสร็จเรียบร้อยและถอดออกจากหลักหมี่แล้วนำไปแช่น้ำให้เปียก บิดให้หมาด นำไปย้อมสี ล้างสีให้สะอาด จึงนำมาแก้ปอมัดหมี่ พาดราวกระตุกให้เรียงเส้น ผึ่งให้แห้งได้ฝ้ายมัดหมี่
๓) การปั่นหลอดนำฝ้ายมัดหมี่คล้องใส่กงซึ่งวางอยู่ระหว่างตีนกง 1 คู่ หมุนกงคลายฝ้ายออกจากกงพันเข้าหลอดไม้ไผ่เล็กๆ ที่เสียบแน่นอยู่กับเหล็กไนของหลา ความยาวของหลอดไผ่สัมพันธ์กันกับกระสวยทอผ้า เมื่อหมุนกงล้อไม้ไผ่ของหลาเหล็กไนและหลอดจะหมุนเอาเส้นฝ้าย จากกงพันรอบแกนหลอดไม้ไผ่ ให้ได้จำนวนเส้นฝ้ายพอเหมาะกับขนาดองร่องกระสวยทอผ้า
๔) การค้นหมี่ เส้นฝ้ายมีไขฉาบโดยธรรมชาติ ก่อนนำมาใช้ต้องชุบน้ำให้เปียกทั่วอณูของเส้นฝ้ายโดยชุบน้ำแล้วทุบด้วยท่อนไม้ผิวเรียบ เรียกว่า การฆ่าฝ้ายก่อนจะชุบฝ้ายหมาดน้ำในน้ำแป้งและตากให้แห้ง คล้องฝ้ายใส่กงแล้วถ่ายเส้นฝ้ายไปพันรอบอักนับจำนวนเส้นฝ้ายให้เป็นหมวดหมู่แต่ละหมู่มีจำนวนเส้นฝ้ายสัมพันธ์กับลายหมี่ มัดหมวดหมู่ฝ้ายด้วยเชือกฟาง
๕) การหวีเครือ เป็นการนำด้ายที่ค้นแล้วไปสอดใส่ในรูฟืมที่ใช้ในการทอแล้วใช้หวีเครือซึ่งทำจากขนหมูป่า หวีเส้นด้ายเพื่อทำให้จัดเรียงเป็นระเบียบ
๖) สืบหูกเก็บเหา เป็นการต่อด้ายยืนหรือด้ายเครือเข้ากับเหาหรือตะกอ เพื่อแบ่งด้ายยืนออกเป็นหมู่ ๆ
๗) การค้นหมี่ หมายถึง การกำหนดด้ายทอเส้นพุ่งโดยเรียกเป็นลำ (1 ลำ หมายถึง ด้าย 4 เส้น)
๘) การกรอด้าย ด้ายที่มัดหมี่แล้วนำมากรอใส่หลอดเพื่อใส่กระสวย โดยใช้หลาปั่นด้ายและระวิง
๙) นำหลอดด้ายที่กรอแล้วมาใส่ในกระสวย
๑๐) การทอ ผู้ที่ทอผ้ามัดหมี่ต้องมีความชำนาญจึงจะได้ลวดลายที่ถูกต้องชัดเจน
ข้อพึงระวัง ->
-