การเพาะเห็ดฟาง
โดย : 1. นางขวัญจิตร คุ้มวงษ์ วันที่ : 2017-04-05-11:00:14ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ที่ 1 ซอย – ตำบลต้นโพธิ์
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ในอดีตการทำนาโดยชาวนาจะใช้แรงงานคน และแรงงานจากสัตว์เท่านั้น ทุก ๆ บ้านจะต้องมีคอกวัวหรือคอกควาย ในตอนเช้าจะเอาวัวและควายออกคอกเพื่อไปไถนา หรือเทียมเกวียนบรรทุกของ หรือเป็นพาหนะในการคมนาคม และเอาออกไปกินหญ้า ตอนเย็นจะเอากลับเข้าคอก และจะสุมไฟให้เพื่อไล่ยุงและแมลงต่าง ๆ ผลพลอยได้จากการเลี้ยงสัตว์ ก็จะได้มูลวัวควายมาทำปุ๋ยใส่ในนาข้าว โดยไม่ต้องซื้อหาปุ๋ยเคมี ประหยัดเงินและดินก็อุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันการทำนาใช้เครื่องมือเครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่ ใช้รถแทรกเตอร์ไถนาแทนวัว ควาย ใช้รถเกี่ยวข้าวและนวดเป็นเม็ดข้าวเปลือกเลย ไม่ต้องใช้แรงงานจากคนลงแขกเกี่ยวข้าว ตากข้าว มัดข้าว นวดข้าว และขนข้าวขึ้นยุ้งฉาง แต่ปัญหาที่เกิดตามมา คือ ข้าวมีความชื้นสูง ราคาตกต่ำโดนหักค่าความชื้น ต้นทุนสู ที่ดินเป็นกรดเสื่อมโทรม เกิดมลภาวะ ขายข้าวเปลือกให้โรงสี ซื้อข้าวสารมาบริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเผาฟางข้าว ในบรรดาเห็ดเศรษฐกิจที่เพาะกันโดยทั่วไป เห็นฟางเป็นเห็ดที่เพาะมากที่สุดในประเทศและมีการบริโภคภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เห็ดฟางเป็นเห็ดที่เพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี มีอายุการเพาะสั้นประมาณ 10-15 วัน วัสดุที่นำมาเพาะเห็ดฟางมีหลากหลาย เช่น เปลือกถั่วเขียว, ทะลายปาล์มน้ำมัน, มันเส้น, ผักตบชวา, ต้นกล้วยสับแห้ง, ขี้เลื่อย, ฟางข้าวและตอซังข้าว
การเพาะเห็ดฟางมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากเหมือนกับการเพาะเห็นอื่น ๆ ไม่ต้องมีการนึ่งฆ่าเชื้อในวัสดุเพาะ
วัตถุประสงค์ ->
เป็นรายได้เสริมให้ครอบครัว
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. วัสดุเพาะหลัก ได้แก่ ฟางข้าว, ตอซังข้าว, เปลือกถั่วเขียว, ขี้เลื่อยเก่าที่เพาะเห็ดถุงมาแล้ว
2. หัวเชื้อเห็ดฟาง
3. อาหารเสริม ได้แก่ ต้นกล้วยสับแห้ง, ผักตบชวา, ปุ๋ยคอกเก่าผสมกับดินร่วนในอัตรา 1:10
โดปริมาตร และรำละเอียด
4. พลาสติกใส
5. แบบพิมพ์ รูปสี่เหลี่ยมคางหมู่ ขนาด 40*40*110-120 เซนติเมตร
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
เตรียมพื้นที่เพาะเห็ด โดยพื้นดินมีความชื้นหมาด ๆ และแช่ฟางข้าว, ตอซังข้าวหรือวัสดุที่ใช้เพาะทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน รวมทั้งอาหารเสริมให้เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งที่สามารถจัดเตรียมได้ ส่วนหัวเชื้อเห็ดฟางแต่ละถุง ให้ขยี้หัวเชื้อกระจากออกจากกันและแบ่งเป็น 4 ส่วน เท่า ๆ กัน เพื่อใส่ลงในแต่ละชั้นของกองฟาง หัวเชื้อ 1 ถุงใช้ได้ 1 กอง จากนั้นให้วางแบบพิมพ์ในพื้นที่เพาะเห็ดตามยาวตามตะวัน
1. นำฟางที่แช่ไว้ขึ้นจากน้ำมาใส่ในแบบพิมพ์ กดด้วยมือให้แน่นสูงจากพื้นประมาณ 10 เซนติเมตร โดรอาหารเสริมลงบนวัสดุเพาะรอบ ๆ ทั้ง 4 ด้าน จากนั้นใช้หัวเชื้อที่เตรียมไว้โรยรอบทั้ง 4 ด้าน เช่นเดียวกัน ก็เสร็จในชั้นที่หนึ่ง
2. เมื่อทำชั้นแรกเสร็จ ก็นำฟางใส่ลงในแบบพิมพ์สูงจากชั้นแรกอีก 10 เซนติเมตร ใส่อาหารเสริมและหัวเชื้อเหมือนกับชั้นแรกครบ 4 ชั้นต่อกอง ก็ถือว่าเสร็จในกองที่ 1
3. ทำการยกแบบพิมพ์ออกจากกองฟาง และวางแบบพิมพ์ให้ห่างจากกองแรกประมาณ 15 เซนติเมตร และให้ดำเนินเพาะเหมือนกองแรก
4. เมื่อเพาะเห็ดฟางได้ 5-10 กองแล้ว ก็จะนำพลาสติกใสมาคลุมกองฟางเพื่อป้องกันความชื้นและเพิ่มอุณหภูมิภายในกองให้สูงขึ้น โดยใช้ชายพลาสติกคลุมเหลื่อมกันบนสักองและให้ชายโดยรอบห่างจากของข้างด้านละ 15-20 เซนติเมตร และทำการพลางแสงโดยรอบกองฟางด้วยฟางข้าวอีกครั้งหนึ่ง ในห้าร้อนทิ้งไว้ 8-10 วัน ในหน้าหนาวทิ้งไว้ 15-20 วัน เห็ดฟางจะออกดอกและเก็บผลผลิตได้
5. การเก็บผลผลิตดอกเห็ด ให้เลือกเก็บดอกเห็ดที่ตูมเต็มที่ จะได้คุณภาพดีที่สุด การเพาะเห็ดฟางในหนึ่งรุ่นจะเก็บผลผลิตได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน ก็จะเก็บเกี่ยวได้หมด โดยเฉลี่ยผลผลิตต่อกองได้ประมาณ 1.5-2 กิโลกรัม ให้บรรจุดอกเห็ดในภาชนะที่โปร่ง เช่น ตะกร้า หรือ เข่ง ไม่ควรบรรจุเห็ดในถุงพลาสติก เพราะจะทำให้ดอกเห็ดบานเร็วขึ้น
ข้อพึงระวัง ->
การคัดเลือกแม่เชื้อ
1. การคัดเลือกแม่เชื้อเห็ดเป็นการเตรียมการขั้นตอนแรกของการทำเชื้อ สิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ ลักษณะประจำพันธุ์ ได้แก่ ผลผลิต คุณภาพ สี ขนาดดอกและการตอบสนองต่ออุณหภูมิระดับต่างๆ แม่เชื้อเตรียมได้จากเนื้อเยื่อดอกเห็ด แม่เชื้อที่ดีจะต้องมีความบริสุทธิ์ ไม่เป็นโรคติดต่อ จึงมีความจำเป็นในการเอาใจใส่ในการคัดเลือกแม่เชื้อเป็นสำคัญ
2.
การบริหารศัตรูเห็ดไม่ให้ระบาดกระทบต่อผลผลิตเห็ด อันจะทำให้ฟาร์มเห็ดได้รับความเสียหายจำเป็นต้องควบคุมดูแลเอาใจใส่ทั้ง 5 ขั้นตอนเป็นพิเศษ ซึ่งศัตรูที่เจ้าของฟาร์มเห็ดควรศึกษาให้รู้จักธรรมชาติ และลักษณะการระบาด เพื่อป้องกันก่อนก่อให้เกิดความเสียหายกับฟาร์ม ศัตรูเห็ดแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
1.แมลง-ศัตรูเห็ด
2.โรคเห็ด
- วิธีแก้ปัญหาเมื่อเกิดความผิดพลาด
1. มีความกระตือรือร้น และศึกษาเรียนรู้ การเพาะเห็ดมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการผลิตอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องเรียนรู้อยู่เสมอ
2. รู้จักประยุกต์ดัดแปลง อุปกรณ์- เครื่องไม้เครื่องมือ และเทคนิคให้เหมาะสมกับฟาร์มของตนเอง
3. อดทนต่อการรุกรานของศัตรูเห็ด
4. ลดต้นทุนในการใช้วัสดุท้องถิ่นให้มาก
5. ผลิตเห็ดป้อนตลาดในท้องถิ่นเป็นหลัก
6. วางแผนการจำหน่ายก้อนเห็ดเป็นรายได้เสริม
7. เงินที่ได้จากผลผลิตเป็นทุนหมุนเวียน
8. ซื้อสัตย์กับลูกค้า