![image1](upload/kmimg/km_img01_1490581967.jpg)
การทำขนมทองม้วน
โดย : นางยุพิน เจริญศรี วันที่ : 2017-03-27-09:44:33ที่อยู่ : บ้านเลขที่ ๒๙/๑๑ หมู่ที่ ๗ ตำบลโพสังโฆ
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
การสร้างอาชีพในชุมชน ปราชญ์ชุมชนเป็นบุคคลสำคัญในการสร้างอาชีพจึงได้ถอดองค์ความรู้และการเรียนรู้วิธีการทำอาชีพเสริมคือการการทำขนมทองม้วนเนื่องจากการฝึกทำและสนใจในการทำการทำขนมทองม้วนและได้ลองซิมรสชาดแล้ว รสชาติเป็นที่ต้องการของการทำอาหารเมนูพื้นบ้านต่างๆ เป็นองค์ประกอบของการทำให้รสชาติอาหาร น่าทาน ถูกสุขอนามัย จึงได้ทดลองทำและปรับปรุงจนเป็นที่ยอมรับในชุมชนและได้ยึดเป็นการทำอาชีพเสริมจนปัจจุบันและเป็นการประหยัดลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ด้วย
วัตถุประสงค์ ->
1.รับประทานในครัวเรือนเป็นการลดรายจ่าย
2. เป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1.น้ำตาลทราย
2. กะทิ
3.น้ำปูนใส
4.แป้งสาลี
5.ไข่ไก่
6.เกลือ
7.งา
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
๑. ร่อนแป้งสาลีใส่ชามผสม ใส่นํ้าตาลแล้วคนให้นํ้าตาลกระจายเข้ากับแป้งอย่างทั่วถึง ทำหลุมไว้ตรงกลางแป้ง
๒. ตีไข่ไก่ให้แตกเข้ากันดี ผสมกับหัวกะทิ น้ำปูนใส และเกลือคนให้เข้ากันดีแล้วเทลงในหลุมแป้ง
๓. ใช้ที่ตีไข่ลวดคนให้แป้งค่อย ๆ ตกลงในหลุมน้ำนั้น จนแป้งกับเครื่องปรุงนํ้าเข้ากันดี ใส่งา ก็หยดคน การคนมากแป้งจะแข็งกระด้าง
๔. นำพิมพ์ทองม้วนมาอังไฟ (ไฟอ่อนสม่ำเสมอ) จนร้อนจัดใช้ลูกประคบแตะน้ำมันทาพิมพ์ ให้ทั่วทั้ง ๒ ด้าน อังให้ร้อนนิดหน่อย ตักแป้งหยอดบนพิมพ์ ด้านหนึ่ง และปิดพิมพ์บีบให้สนิท แป้งส่วนเกินจะไหลทะลักออกมานอกพิมพ์เอง ฉะนั้นต้องสังเกตว่าพิมพ์ที่ใช้ปิ้งทองม้วน จะต้องใส่แป้งในปริมาณใด
๕. นำพิมพ์ที่หยอดแป้งแล้วอังไฟสักครู่ พลิกกลับข้าง พอเหลืองดี (สังเกตจากแป้งที่ไหลออกมานอกพิมพ์) ยกจากเตาปิ้ง ใช้มีดกรีดส่วนที่อยู่นอกพิมพ์ทิ้งไปเปิดพิมพ์ ใช้ปลายมีดแซะขึ้น และใช้นิ้วชี้มือที่จับมีดกดแผ่นทองม้วนกับมีด ลอกออกจากพิมพ์ วางบนเขียง
๖. ม้วนหรือพับทันทีขณะที่ยังร้อนจัด ถ้าเย็นจะแข็งกรอบ พับหรือม้วนไม่ได้ การม้วนต้องมีแกนกลมๆ นำจะสะดวกขึ้น พอเย็นเก็บใส่ภาชนะที่ปิดสนิท ถ้าถูกลมจะอ่อนตัว ไม่กรอบ
๗. ควรใช้พิมพ์ปิ้งสัก ๒ พิมพ์สลับกัน ขณะตักแป้งหยอด คนแป้งบ้าง ถ้าข้นไปต้องเติมน้ำลงทีละน้อย เพราะถ้าแป้งข้นขนมจะหนา
สูตรนี้สามารถทำขนมรับประทานได้ ๑๐-๑๒ คน
ข้อพึงระวัง ->
๓.๑ การเรียนรู้การทำอาชีพที่ปราชญ์สนใจ
๓.๒ การฝึกทำและเรียนรู้การพัฒนาให้การเลี้ยงจิ้งหรีดเชิงพาณิชย์ทำได้จริงและสามารถขายได้เป็นที่ต้องการของตลาดชุมชนและตลาดในต่างอำเภอ/จังหวัด
๓.๓ แลกเปลี่ยนรู้การเลี้ยงจิ้งหรีดของเพื่อน พี่ น้องในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
๓.๔ ข้อพึงระวัง อย่าเลี้ยงพันธุ์ที่ไม่นิยมของผู้บริโภค
๓.๕ ต้องวางแผนการจำหน่ายให้มีผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดต่อเนื่อง และเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
![image1](upload/kmimg/km_img01_1490581967.jpg)