ความรู้สัมมาชีพชุมชน

image1

การทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากผักและผลไม้

โดย : นายธนธรณ์ ขันธ์ชัย วันที่ : 2017-05-19-11:35:50

ที่อยู่ : ๓๙/๑ หมู่ ๑๒ ตำบล เขากระปุก

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

เกิดจากการเสียค่าใช้จ่ายต้นทุนในการผลิตทางการเกษตรสูง  โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงมากในปัจจุบัน  และสุขภาพร่างกายอ่อนแอด้วย  จึงผันมาทำปุ๋ยน้ำอินทรีย์ชีวภาพใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีจนถึงปัจจุบันนี้  สุขภาพก็แข็งแรงดี  แถมมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย  และให้ความรู้ในการทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพแก่เพื่อนเกษตรกรในหมู่บ้านที่สนใจด้วย 

วัตถุประสงค์ ->

                    เพื่อต้องการ ลดต้นทุนการเกษตร และสร้างงานสร้างรายได้ให้กับผู้สนใจ

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

ปุ๋ยน้ำอินทรีย์ชีวภาพจากผักและผลไม้ 1.)ผักหรือผลไม้ ๔๐ กก.  2.)กากน้ำตาล ๕ ลิตร.  

   3.) น้ำ ๑๐ ลิตร    4) หัวเชื้อ EM  ๑  ลิตร                                                                      

อุปกรณ์ ->

          ถังน้ำสำหรับใช้หมัก   ไม้พาย     

กระบวนการ/ขั้นตอน->

      ขั้นตอนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ

๑.  จัดหาวัสดุที่มีในหมู่บ้าน  คือ มะละกอ สับปะรด  ใช้มีดหั่นเป็นแผ่นบางพอสมควรไม่ให้หนาเกินไป  ต้น (ขนาดกลางจะได้น้ำหนักประมาณ  ๔  กิโลกรัม)

๒.  จัดหาภาชนะ  เช่น  ถังสีน้ำเงินที่มีขายทั่วไป  นำมะละกอ สับปะรด ที่ฝานแล้วใส่ลงในถังผสมน้ำลงในถังประมาณ  ๕๐  ลิตร

๓.  ใส่หัวเชื้อ EM ลงในถัง  ประมาณ  ๐.๕  ลิตร  ตามด้วยกากน้ำตาลอีก  ๕  ลิตร  จากนั้นก็ใช้      ไม้พายคนให้เข้ากัน  ปิดฝาถังให้สนิททิ้งไว้ประมาณ  ๒๐  วัน

๔.  เมื่อครบกำหนด  ๒๐ วัน  เปิดฝาถังออกใส่สาร EM  เพิ่มลงไปอีกในถังประมาณ  ๐.๕  ลิตร  ทิ้งไว้อีกประมาณ  ๒  วัน  ก็สามารถนำน้ำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพมาใช้ได้

ขั้นตอนการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ

๑.  แบบเข้มข้น  ใช้น้ำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ  ๑  ลิตร  ผสมน้ำ  ๒๐  ลิตร

๒.  แบบเข้มข้นกลาง  ใช้น้ำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ  ๐.๕  ลิตร  ผสมน้ำ  ๒๐  ลิตร

๓.  น้ำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพสามารถไปใช้ได้กับพืชไร่  เช่น  อ้อย  สับปะรด  มะนาว กล้วย  ไม้ผลชนิดต่างๆ   ผักชนิดต่างๆ   รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับก็สามารถใช้ได้

คุณสมบัติอย่างอื่น  เช่น  ใช้ในครัวเรือนก็สามารถนำเอาน้ำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพราดลงในโถส้วม  ในห้องส้วม  ห้องน้ำเพื่อดับกลิ่นและละลายสิ่งปฏิกูลในบ่อส้วมได้ด้วย

.                                                                                               

ข้อพึงระวัง ->

1. ในระหว่างการหมักห้ามปิดฝาภาชนะที่ใช้หมักโดยสนิทชนิดที่อากาศเข้าไม่ได้เพราะอาจเกิดการระเบิดได้ เนื่องจากในระหว่างการหมักจะเกิดก๊าซขึ้นมาจำนวนมากเช่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ฯลฯ

2. ภาชนะที่ใช้หมักต้องไม่ใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เพราะปุ๋ยน้ำชีวภาพจะมีฤทธิ์เป็นกรด (Ph=3-4)ซึ่งจะกัดกร่อนโลหะให้ผุกร่อนได้

3. ในการใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชบางชนิดเช่นกล้วยไม้ อาจมีผลทำให้ภาชนะที่ใช้ปลูกคือกาบมะพร้าวผุเร็วก่อนเวลาอันสมควรทำให้ต้องเสียเงินในการเปลี่ยนภาชนะใหม่

4. ในการใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชนั้นในดินจะต้องมีอินทรียวัตถุอยู่ เช่น มีการใส่ปุ๋ยหมัก เศษพืชแห้งคลุมดินไว้จึงจะทำให้การใช้ประโยชน์จากน้ำชีวภาพได้ผลดี

5. ห้ามใช้เกินอัตราที่กำหนดไว้ในคำแนะนำเพราะอาจมีผลทำให้ใบไหม้ได้ เนื่องจากความเป็นกรดหรือความเค็มในน้ำสกัดชีวภาพ ดังนั้นจึงควรเริ่มทดลองใช้ในอัตราความเข้มข้นน้อย ๆก่อน

6. น้ำสกัดชีวภาพที่มีธาตุไนโตรเจนสูง ๆ ต้องระวังในการใช้เพราะหากใช้มากไปอาจทำให้พืชเฝือใบและไม่ออกดอกออกผลได้

7. ในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตของพืช พืชมีความต้องการสารอาหารในระดับที่แตกต่างกัน น้ำสกัดชีวภาพที่ผลิตได้จะมีสารอาหารที่แตกต่างกันเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้จะต้องเป็นผู้ค้นคว้าทดลองเองและเก็บข้อมูลไว้ว่าในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต พืชต้องการน้ำสกัดชีวภาพสูตรใด ความเข้มข้นเท่าใดและระยะเวลาในการฉีดพ่นเท่าใด ไม่มีใครให้คำตอบที่ดีและถูกต้องสำหรับสวนหรือไร่นาของท่านได้ ยกเว้นท่านจะทำทดลองใช้ สังเกตอาการของพืชหลังจากใช้และปรับใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับพืชของท่านต่อไป     

รูปประกอบ -> image1 image2

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดเพชรบุรี
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา