จักสานกระจูด
โดย : นางอารีรัตน์ อินราช วันที่ : 2017-08-09-13:56:38ที่อยู่ : เลขที่ 44 หมู่ที่ 2 บ้านกำแพง ตำบลกะลุวอ
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
กระจูดเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นกลมสีเขียวอ่อน ขนาดตั้งแต่เท่าก้านไม้ขีดไฟไปจนถึงเท่าแท่งดินสอดำ สูงประมาณ 1-2 เมตร ออกดอกเป็นกระจุก กระจูดชอบขึ้นในพื้นที่น้ำขังซึ่งเรียกกันว่าโพระหรือพรุ เครื่องสานทุกชนิดที่ผลิตขึ้นจากต้นกระจูด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มาเป็นเวลาช้านาน มีความทนทานใช้สะดวก วัสดุหาง่าย ผลิตได้ทั้งในรูปภาชนะบรรจุสิ่งของและเครื่องปูลาดที่ชาวบ้านในภาคใต้ทั่วไปเรียกกันว่า "สานจูด" ซึ่งชาวชนบทยังนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายจึงถือได้ว่า เป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของปักษ์ใต้ประเภทหนึ่ง
วัตถุประสงค์ ->
เป็นการร่วมกลุ่มเพื่อส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้คนในชุมชน
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
กระจูดมีอยู่ในพื้นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในการถอนต้นกระจูดนิยมถอน ครั้งละ 2-5 เพื่อไม่ให้ต้นกระจูดหัก และนำไปคลุกโคลน เพื่อเพิ่มความเหนียวให้กับเสนใย แล้วนำไปตากแดดเพื่อให้กระจูดแข็งตัว ไม่ให้แห้งกรอบ และการรีกระจูดใช้ลูกกลิ้งรีดจะทำให้กระจูดนิ่ม สามารถจักสานได้สะดวก
อุปกรณ์ ->
1. กระจูด
2. สี
3. ถังต้มสี
4. กระดาษบาง-หนา
5. กาวลาเท็กซ์
6. กาวเหลือง
7. น้ำยาเคลือบเงา
8. ด้าย
9. ผ้า
10. ซิป
11. ห่วง
12. สายหนัง
13. กะดุม
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. การอบต้นกระจูด เป็นขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ คือ ต้นกระจูดขนาดต่าง ๆ ซึ่งชาวบ้านจะเตรียมที่ทุ่งกระจูด การกอบนิยมกอบที่ละ 2.3 ต้น รับหนึ่งจะกอบประมาณ 10-15 กำฝ่า มัดกระจูด ที่มัดมาจากแหล่งกระจูด เรียก 1 กำฝ่า ใหญ่ขนาดเท่าต้นตาลโตนด 1 กำฝ่า นำมาแยกเป็นกำฝืนได้ประมาณ 4-5 กำฝืน( 1 กำฝืน สานเพื่อผู้นั่งใส่ 1 ผืน)
2. การคลุกโคนต้นกระจูด เพื่อเมความเหนียวให้ทับเส้นใย ชาวบ้านจะใช้น้ำโคลนขาว คลุกกระจูดให้เปียกทั่วก่อนนำไปตากแดด ช่วยให้กระจูดเข็งตัว ไม่แห้งกรอบ เพียงปิดจบใช้งานไม่ได้
– นำน้ำมาผสมกับดินเหนียวขาวจะได้นำโคลนสีขาว
– การผสมน้ำกับโคลน ต้องไม่เหลวหรือข้นจนเกินไป ทดสอบโดยจุ่มมือลงไปให้น้ำโคลนเกาะนิ้วมือ
3. การนำไปผึ่งแดด
– นำไปตากแดด แบบกระจายเรียงเส้น เพื่อกระจุดจะได้แห้งเร็วและทั่วลำต้น
– ถ้าแดดจัดตากประมาณ 2-3 วัน ให้สังเกตที่ทับกระจูดตรงโคนต้น ถ้าทับแยกออกแสดงว่าต้นกระจูดนั้นแห้งแล้วให้ทำการถอดทับกระจูดออก
4. คัดเลือกต้นกระจูด แยกขนาดเล็กใหญ่มัดไว้เป็นกำ
5. นำกระจูดไปรีดให้แบบ ซึ่งการรีดมี 2 วิธี
– ใช้เครื่องจักรรีด
– ใช้ลูกกลิ้งรีด ลูกกลิ้งทำจากวัสดุทรงกลม ที่มีน้ำหนักพอเหมาะ เช่น ท่อซิเมนต์ ท่อเหล็กกลม
วิธีการรีด นำกระจูดมัดเป็นกำพอประมาณ วางบนพื้นราบใช้ลูกกลิ้งทับไปทับมาจนแบบเรียบตามต้องการ
ข้อแตกต่างระหว่างเครื่องรัดกับลูกกลิ้ง
การใช้ลูกกลิ้งรีดต้นกระจูดจะนิ่มเหมือนตำด้วยสาก จักสานง่าย ส่วนการใช้เครื่องรีด ต้นจะแบบเรียบเหมือนกันแต่ไม่นิ่ม ทำให้จักสานยาก
6. การย่อมสี (สีเคมี)
– แบ่งกระจูดออกเป็นมัด มัดละ 20-25 เส้น แล้วนำสายยางมัดที่ปลายกระจูดเพื่อไม่ให้เส้นกระจายออกเวลานำไปย้อมสี
– นำกระจูดไปจุ่มน้ำให้ชุ่ม
– นำไปย้อมสีตามที่ต้องการ ในถังต้มสี ซึ่งนี้เดือดได้ที่แล้วประมาณ 15-20 นาที
– นำกระจูดขึ้นจากถังสี แล้วนำไปล้างน้ำสะอาด เพื่อล้างสีส่วนเกินออก
– นำกระจูดไปตากที่ราว ผึ่งลมให้แห้ง
– นำเส้นกระจูดที่แห้งแล้วมัดรวมกันเพื่อนำไปรีดใหม่อีกครั้งให้เส้นใยนิ่มและเรียบ
7. การจักสาน
ใช้สถานที่ภายในบ้าน ชานบ้านหรือลานบ้านที่มีพื้นที่เรียบ การสานนำต้นกระจูดที่เตรียมไว้มาจักสานเป็นลวดลายต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้สาน และตามความต้องการของลูกค้า โดยปกติสายพื้นฐาน คือ สายสอง ถ้าสานเสื่อจะเริ่มต้นจากริม คือ ตั้งต้นสายจากปลายด้านใดด้านหนึ่งไปจนสุดปลายอีก้านหนึ่ง เช่น ถ้าเป็นภาชนะ เช่น กระบุง จะเริ่มต้นจากกึ่งกลางงาน มิฉะนั้นจะทำให้เสียรูปได้ เพราะขนาดต้นกระจูดส่วน
โคนจะใหญ่กว่าส่วนปลาย การสานเสื่อจะมีลายต่าง ๆ เช่น ลายสาม ลายสี่ ลายดอกจันทร์ ลายดอกพิกุล ลาย ลูกแก้ว ลายดอกไม้ ลายที่นิยมมากที่สุดคือ ลายสอง ผลิตภัณฑ์ที่สามารถจักสานได้หลากหลาย เช่น เสื่อ หมอน กระเป๋า กระบุง ที่รองแก้ว ที่รองจาน ผู้ที่จักสานในกลุ่มส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 35 ปีขึ้นไป
8. การตกแต่งส่วนประกอบอื่น ๆ
งานสานเสื่อกระจูดเป็นงานเกือบจะพูดได้ว่า ทำเสร็จเรียบร้อยในคราวเดียว มีการตกแต่งต่อเติมเพียงเล็กน้อย คือ การเก็บริมหรือพับริม และการ ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เป็นเสื่อผู้นั่ง แต่หากต้องการนำเสื่อที่สานเสร็จแล้ว(แต่ไม่ต้องเก็บริม) ไปตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่,หรือกระเป๋าที่สานเสร็จเรียบร้อยแล้ว(แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้ เรียกว่า กระเป๋าตัวดิบ) ซึ่งต้องมีอุปกรณ์ประกอบเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถใช้งานได้ คงทน และเพื่อความสวยงามให้กับผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ กระจูด กระดาษบาง-หนา กาวลาเท็กซ์ กาวเหลือง น้ำยาเคลือบเงา ด้าย ผ้า ซิป ห่วง สายหนัง กระดุมยึด โครงพลาสติก แผ่น เป็นต้น
9. การดูแลรักษา
ควรเก็บผลิตภัณฑ์กระจูดในที่แห้ง ไม่ควรเก็บในที่ชื้นและเปียกชื้น เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา และใช้งานไม่ได้นาน แต่หากหลีกเลียงไม่ได้ ควรนำออกตากแดดให้แห้งสนิท ก็จะสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม
ข้อพึงระวัง ->