ความรู้สัมมาชีพชุมชน

ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ในการลดรายจ่ายในครัวเรือน

โดย : นางสาวสุรีรัตน์ ม่วงงาม วันที่ : 2017-08-24-13:17:53

ที่อยู่ : หมุ่ 4 บ้านปาเต ต วังว้น

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

ความเป็นมา/แรงบันดาลใจ/เหตุผลที่ทำ    

                     ในปัจจุบันครัวเรือนเกษตรกรได้เปลี่ยนวิถีดำรงชีวิตจากเดิมทำมา  หากิน  ผลิตอาหารบริโภคเอง  ทำเพื่อพออยู่  พอกิน  พึ่งพาตนเองและมีการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน  ไม่เดือนร้อนในการครองชีพ  แต่ปัจจุบันเกษตรกรต้องพึ่งพาปัจจัยการดำรงชีวิตจากภายนอกเป็นหลัก  มีรถบริการเครื่องอุปโภค  บริโภค  เข้าไปถึงหน้าบ้านทุกวัน  ทำให้เกษตรกรต้องจับจ่ายใช้สอยทุกวัน  โดยเฉพาะอาหารบริโภคประจำวันอย่างน้อยเฉลี่ยครัวเรือน  100 - 150  บาท  ทั้งๆ ที่เกษตรกรสามารถผลิตอาหารบริโภคในครัวเรือนได้เอง เช่น  ปลูกผัก  เลี้ยงปลา  เลี้ยงไก่  เป็นต้น  ซึ่งจะสามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ และได้ศึกษาหาความรู้แนวทางการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเข้าอบรมให้ความรู้ในการสาธิตกิจกรรมต่าง ๆ ทางด้านเกษตร  เช่นปลูกมะนาวในท่อปูนซิเมนต์ การเพาะเห็ดนางฟ้า การทำปุ๋ยหมัก ทำมาเรื่อยๆ จนเกิดความชำนาญ และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนได้อีกทางหนึ่ง

วัตถุประสงค์ ->

วัตถุประสงค์      

                     ๑.เพื่อให้ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและช่วยเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว

                     ๒.ให้มีผลผลิตตลอดปีโดยการบังคับให้ออกดอกได้

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

วัสดุอุปกรณ์

                     ๑.วงท่อซิเมนต์ขนาด ๘๐ ซ.ม. พร้อมฝาปิด

                     ๒.กิ่งตอนพันธุ์มะนาวที่ต้องการปลูก

                     ๓.ดินผสมกับปุ๋ยคอกสำหรับปลูก

                     ๓.ไม้หลักปักประคองต้นมะนาว

                     ๕.อุปกรณ์การให้น้ำแก่ต้นมะนาว

อุปกรณ์ ->

วัสดุอุปกรณ์

                     ๑.วงท่อซิเมนต์ขนาด ๘๐ ซ.ม. พร้อมฝาปิด

                     ๒.กิ่งตอนพันธุ์มะนาวที่ต้องการปลูก

                     ๓.ดินผสมกับปุ๋ยคอกสำหรับปลูก

                     ๓.ไม้หลักปักประคองต้นมะนาว

                     ๕.อุปกรณ์การให้น้ำแก่ต้นมะนาว

กระบวนการ/ขั้นตอน->

กระบวนการ/วิธีการขั้นตอน

                   เตรียมการปลูกมะนาวตามวิธีของเราคือ  ระยะห่างระหว่างแถวและ ระหว่างต้นคือ 3x3 เมตร ซึ่งวัดจากกึ่งกลางของวงท่อ โดยพื้นที่ที่จะทำการปลูกจะต้องปรับสภาพให้เรียบเสมอกัน จากนั้นทำการ    วางท่อซีเมนต์ ตามตำแหน่งที่กำหนดไว้   ให้วางฝาก่อนแล้วค่อยวางท่อบนฝาอีกทีบ่อซีเมนต์นั้นมีเมื่อวางตามตำแหน่งต่างๆได้เรียบร้อย   แล้วให้ทำการตรวจสอบด้วยสายตาว่า วงไหนเอียงไม่ได้ส่วนให้เอาหินหรืออิฐ  วางรองใต้ฝาเพื่อให้ได้ระดับไม่ลาดเอียง

     1. การให้น้ำระบบมินิสปริงเกอร์ ให้น้ำเช้า - เย็น
     2. มะนาวจะราคาแพงที่สุดคือช่วงเดือน มีนาคม – เมษายน ของทุกปี ดังนั้นเมื่อเก็บผลผลิตหมดในเดือน พฤษภาคม ให้รีบดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
               - ตัดแต่งกิ่ง เด็ดผลที่เหลือบนต้นออก เพื่อบำรุงต้น เร่งการสร้างยอดใหม่ ใบใหม่โดย ผลมะนาวที่คุณภาพดีที่สุดคือผลที่เกิดจากยอดใหม่ ผลที่เกิดจากกิ่งเก่าคุณภาพจะด้อยลงมา ผลที่คุณภาพต่ำสุดคือผลที่เกิดติดกิ่ง หลังตัดแต่งกิ่งเสร็จใช้ปุ๋ยเคมี 15-15-15 ใส่หนึ่งกำมือต่อวง หากไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลย ต้นจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่ควร และพบอาการผลเหลืองที่ไม่ได้เกิดจากอาการม้านแดดมากกว่าปกติ เนื่องจากการให้ผลผลิตในปีที่ผ่านมา ต้นมะนาวใช้ธาตุอาหารในการเลี้ยงลูกในปริมาณที่มาก
               - เพิ่มวัสดุปลูกในวงบ่อเนื่องจากในแต่ละปีวัสดุปลูกจะยุบลง เพิ่มกาบมะพร้าวบริเวณโคนต้น เนื่องจากาบ มะพร้าวผุพังไปบ้างในปีที่ผ่านมา กาบมะพร้าวเป็นวัสดุที่ช่วยเก็บรักษาความชื้นได้อย่างดี และยังเป็นวัสดุที่ช่วยเก็บรักษาปุ๋ยที่จ่ายมาทางระบบน้ำก่อนจะค่อย ๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารให้ต้นมะนาวใช้ ป้องกันการสูญเสียธาตุอาหารอันเกิดจากการไหลบ่า หรือการระเหย
               - การให้ปุ๋ยชีวภาพซึ่งได้จากการหมักหอยเชอรี่ 30 กก. เศษผลไม้ 10 กก. กากน้ำตาล 10 กก. เชื้อพด.2 จำนวน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร สูตรนี้สามารถใช้ฉีดพ่นทางใบ ในอัตรา 20-25 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตรได้ ในส่วนของการให้ทางระบบน้ำนั้น เทคนิคคือใช้ปุ๋ยชีวภาพในอัตรา 5 ลิตร ต่อน้ำ 1,250 ลิตร ให้ทุก 5-7 วัน โดยในการให้จะให้ครั้งละ 3-5 นาทีเพื่อให้กาบมะพร้าวบริเวณโคนต้นชุ่มก็พอ หลังจากนั้นก็ให้น้ำตาม รอบปกติ น้ำจะ ค่อย ๆ ละลายธาตุอาหารลงไปให้ต้นมะนาวใช้ เป็นการจัดการที่ประหยัดปุ๋ย ใช้ปุ๋ยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

              - ในระยะนี้ต้องรักษาใบและยอดให้ดี เนื่องจากมีโรค แมลงที่สำคัญเข้าทำลายในระยะยอดอ่อนถึงเพสลาดคือ เพลี้ยไฟ และโรคแคงเกอร์ ในเรื่องสารเคมีให้แนวคิดว่าบางระยะยังต้องมีการใช้อยู่ แต่ต้องเลือกใช้ในระยะที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค คือใช้ในระยะก่อนเก็บเกี่ยวไม่น้อยกว่า 2 เดือน 
              - หลักการใช้สารเคมีในแปลงมะนาว นอกจากเพลี้ยไฟ  โรคแคงเกอร์แล้วยังมีโรคและศัตรู อื่น ๆ อีก เช่น หนอนชอนใบ หนอนกัดกินใบ แมลงค่อม โรคยางไหล โรคราเข้าขั้ว  การเลือกใช้ชนิดของสารเคมีและระยะที่ใช้จึงมีความจำเป็น หากอยู่ในระยะที่ใช้สารเคมีได้ เพลี้ยไฟ และหนอนชอนใบมีสารเคมีที่เลือกใช้ในการป้องกันกำจัดคือ อะบาแม็กติน อัตรา 3-10 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ( ทั้งนี้อัตราการใช้แล้วแต่ความเข้มข้นของแต่ละบริษัทที่ผลิต ) หากพบการระบาดมากจะใช้สาร อิมิดาคลอพริด อัตรา 3-5 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร แมลงค่อมหรือด้วงปีกแข็งใช้สารคาร์โบซัลแฟน อัตรา 20-30 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไซเปอร์เมทริน อัตรา 5-10 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร โรคราเข้าขั้วใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อราแมนโคเซ็บ อัตรา 20-30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือคาร์เบ็นดาซิม อัตรา 10-20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ความถี่ในการฉีดพ่น ทุก 7-15 วัน หรือแล้วแต่สภาพการระบาดของโรคแมลง นอกเหนือจากระยะนี้แล้ว 2 เดือนก่อนเก็บเกี่ยว ควรเลือกใช้น้ำหมักชีวภาพที่มีฤทธิ์ไล่ และกำจัดแมลง โดยใช้น้ำหมักที่หมักจากสมุนไพรที่ มีรสเผ็ด ขม เหม็น เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด บอระเพ็ด สะเดา ใช้สมุนไพรดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง 30 กก. กากน้ำตาล 10 กก.    พด. 7 จำนวน 25 กรัม ต่อน้ำ 30 ลิตร หมัก 20 วัน นำมาฉีดพ่นในอัตรา 25 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตรทุก 7-15 วัน
              - เนื่องจากมะนาว มีอายุ ประมาณ 5 เดือนสามารถเก็บขายได้ในเดือนที่ 6 การวางแผนการบังคับให้ออกนอกฤดู คือต้องทำให้ออกดอก เดือนตุลาคม เดือนกันยายนต้องงดปุ๋ย งดน้ำ จากประสบการณ์จะเลือกใช้จังหวะฝนทิ้งช่วงประมาณ 7-15 วัน เป็นการงดน้ำไปในตัว  การจัดการเพียงคนเดียวจึงไม่สะดวกที่จะเลือกใช้พลาสติกคลุม เพราะพลาสติกก่อให้เกิดไอน้ำเกาะบริเวณผิวด้านในพลาสติก ลดความชื้นในดินยาก หากจะให้ได้ผลดี ในวันที่แดดออกต้องแกะพลาสติกออกให้น้ำระเหย หากฝนตกต้องคลุมพลาสติก เป็นการจัดการที่ยากในกรณีที่ไม่มีแรงงานเพียงพอ
              - งดน้ำจนใบเหี่ยว สลด และหลุดร่วงประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นให้น้ำตามปกติ ปุ๋ยเคมีที่ใช้เพื่อเปิดตาดอกในระยะนี้คือ ปุ๋ยที่มีตัวกลางสูงเช่น 12-24-12 หรือ 15-30-15 ปริมาณ 1 กำมือต่อวงรดน้ำให้ชุ่มเพื่อให้ปุ๋ยละลาย
              - หลังติดดอกแล้วให้น้ำตามปกติเช้า - เย็น เวลาละ 5-10 นาที
              - ปุ๋ยทางดินที่ใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี ตลอดฤดูการผลิตคือปุ๋ยอินทรีย์ที่หมักจากเศษพืช มูลสัตว์ กากหอยเชอรี่ เป็นการลดต้นทุนการผลิต ลดภาวะดินเสื่อมโทรม ปรับสภาพดินให้สมบูรณ์ อย่างยั่งยืน

ข้อพึงระวัง ->

    

          

ข้อพึงระวัง

                 การบังคับให้มะนาวออกนอกฤดูจะต้องเลือกต้นที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงและมีความพร้อมที่จะบังคับให้ออกดอก มิฉะนั้นจะทำให้ต้นมะนาวอาจตายได้

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดตรัง
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา