ความรู้สัมมาชีพชุมชน

การทำปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในสวนพืชผักของตนเอง

โดย : นายชีพ คงผลาญ วันที่ : 2017-08-24-13:47:45

ที่อยู่ : หมู่ที่ 2 บ้านห้วยลึก ต. วังวน

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

ความเป็นมา/แรงบันดาลใจ/เหตุผลที่ทำ    

                    เกษตรกรส่วนใหญ่จะเกิดความเคยชินกับการปลูกพืชแล้วใส่ปุ๋ยด้วยปุ๋ยเคมี  เนื่องจากความสะดวกในการใช้งานเห็นผลทันตา  แต่กระทบข้างเคียงสูงมากต่อโครงสร้างของดิน  และในปัจจุบันมีมีการรณรงค์การทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น  จึงเป็นที่มาของการทำปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในสวนพืชผักของตนเอง ทำให้ช่วยลดรายจ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี ช่วยประหยัดเงินของครัวเรือนได้เยอะ และได้กำจัดขยะไปด้วยบ้างเป็นบางอย่าง      

วัตถุประสงค์ ->

วัตถุประสงค์      

                    เพื่อลดรายจ่ายในการซื้อปุ๋ยบำรุงดิน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมช่วยกำจัดขยะเหลือทิ้งทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

วัสดุอุปกรณ์

                1. ปุ๋ยคอก
                ๒. แกลบดำ
                3. หัวเชื้อ EM

                4. รำละเอียดส่วน
                5. กากน้ำตาล

    6. ฟางแห้งสับ

                  7. ปุ๋ยยูเรีย
                8. น้ำ

อุปกรณ์ ->

วัสดุอุปกรณ์

                1. ปุ๋ยคอก
                ๒. แกลบดำ
                3. หัวเชื้อ EM

                4. รำละเอียดส่วน
                5. กากน้ำตาล

    6. ฟางแห้งสับ

                  7. ปุ๋ยยูเรีย
                8. น้ำ

กระบวนการ/ขั้นตอน->

กระบวนการ/วิธีการขั้นตอน

ชนิดของปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยหมักแบ่งตามส่วนผสมเป็น 2ชนิด คือ ปุ๋ยหมักทั่วไป และปุ๋ยหมักชีวภาพ
๑.ปุ๋ยหมักแบบทั่วไป และวิธีทำ
ปุ๋ยหมักแบบทั่วไปเป็นปุ๋ยที่ได้จากการนำวัสดุอินทรีย์ชนิดต่างๆมาหมักตามกระบวนการทางธรรมชาติ โดยไม่มีการเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่อเร่งการหมักซึ่งการหมักจะเกิดการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุด้วยจุลินทรีย์ทำให้มีการปลดปล่อย ธาตุอาหารออกมาได้รวดเร็วขึ้น

วิธีการทำปุ๋ยหมักแบบทั่วไป
* เริ่มด้วยการนำเอาเศษพืช และมูลสัตว์ผสมกันในอัตราส่วน ๑๐๐/๑๐กองเป็นชั้น แต่ละชั้นประกอบด้วยเศษพืชที่รดน้ำให้ชุ่มจนอิ่มน้ำและโรยทับด้วยมูลสัตว์
* ขั้นตอนการกองปุ๋ยหมัก แยกวัสดุที่ไม่ย่อยสลาย และเป็นอันตรายออกแล้วนำวัสดุหรือเศษพืชที่เก็บรวบรวมได้มากองบนดินในคอกหรือในหลุมโดยกองเป็นชั้นสลับกันไปโดยเริ่มจากชั้นล่างสุดกองเศษพืชหรือวัสดุลงไปตามขนาดกว้างยาวของกองที่กำหนดไว้สูงประมาณ 25 เซนติเมตร
* รดน้ำให้ชุ่ม แล้วอัดให้แน่น ให้น้ำซึมเข้าไปในเศษพืชหรือวัสดุ
* โรยทับด้วยสารเร่ง เช่น ปุ๋ย มูลสัตว์ หรือดินในอัตราส่วนโดยน้ำหนักเศษพืชต่อมูลสัตว์ เท่ากับ 5/1
* ในกรณีที่ใช้ปุ๋ยเคมีเสริมเพื่อลดอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจนหรือต้องการลดระยะเวลาการผลิตต้องใช้เศษพืช/ปุ๋ยคอก /ปุ๋ยเคมี ในอัตราส่วน 100/20/1 ตามลำดับโดยจะผสมหรือโรยทับบนชั้นกองปุ๋ยหมักก็ได้
* ทำการเรียงสลับจนได้กองสูงประมาณ 1 เมตร แล้วโรยด้วยดินหนาประมาณ 1 นิ้วที่ชั้นบนสุด เพื่อป้องกันนกมาคุ้ยเขี่ย ช่วยป้องกันความร้อนและรักษาความชื้นของกองปุ๋ยให้คงที่
* สำหรับการหมักแบบไม่ใช้ปุ๋ยเคมี อายุการหมักจะหมักนาน 5-7 เดือน แต่หากใส่ปุ๋ยเคมีร่วมด้วยจะหมักนาน 3-5 เดือน

. ปุ๋ยหมักชีวภาพ และวิธีการทำ
ปุ๋ยหมักชีวภาพ เป็นวิธีการทำปุ๋ยหมักที่มีการพัฒนาขึ้นเพื่อให้การย่อยสลายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์หรือ EMเพื่อเร่งกระบวนการหมักทำให้เกิดปุ๋ยจากอินทรีย์วัตถุที่มีการปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาได้เร็วขึ้นแบ่งเป็นชนิดต่างๆ ได้แก่

๒.๑ ปุ๋ยหมักจากปุ๋ยคอกมีวัสดุ และส่วนผสม ดังนี้
* ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ประมาณ 10 ปี๊บ
* แกลบเผา/แกลบดำ 1 ส่วน
* รำละเอียดส่วน
* เชื้อ  EM-20ซีซี
* กากน้ำตาล 100 ซีซี
* น้ำ 10 ลิตร

วิธีทำ
* ผสมปุ๋ยคอก แกลบดำ และวัสดุทุกอย่างให้เข้ากัน
* นำไปกองบนพื้นซีเมนต์ แล้วใช้ผ้าคลุมหรือหากทำปริมาณน้อย ให้บรรจุใส่ถังหรือ

ถุงกระสอบ
* หมักทิ้งไว้ 30 วัน ก่อนนำใส่ต้นไม้หรือแปลงผัก

2.2 ปุ๋ยหมักจากพืช

ปุ๋ยหมักฟางข้าว   มีวัสดุ และส่วนผสม  ดังนี้
* ฟางแห้งสับละเอียด 1 ส่วน ประมาณ 10 กก.
* แกลบดิบ/แกลบเผา 1 ส่วน
* ปุ๋ยยูเรีย 200กรัม
* กากน้ำตาล 100 ซีซี
* เชื้อ EM20ซีซี
* น้ำ 10 ลิตร

 

 

วิธีทำ
* คลุกผสมฟาง และแกลบให้เข้ากัน หากมีจำนวนมากให้แยกคลุก แล้วค่อยมารวมกัน

เป็นกองเดียวอีกครั้ง
* ผสมเชื้อEMและกากน้ำตาลร่วมกับน้ำ หลังจากนั้น ใช้เทราด และคลุกให้เข้ากันกับ

วัสดุอื่นๆ
* นำไปหมักในถัง ถุงกระสอบ หรือ บ่อซีเมนต์ นาน 1-2 เดือน ก็สามารถนำไปใช้ได้

          การทำฟางหมัก ควรหาพื้นที่ว่างบริเวณหลังบ้าน ขนาดพื้นที่ประมาณ 1x1เมตร   ลึกประมาณ 20-40 เซนติเมตร หรืออาจน้อยกว่าหรืออาจมากกว่าตามความต้องการ แต่ควรให้รองรับเศษอาหารให้ได้ประมาณ 1 เดือนและควรทำ 2 ชุด พร้อมฉาบด้านข้างด้วยปูนซีเมนต์แต่หากไม่มีปัญหาเรื่องน้ำฝนหรือน้ำไหลเข้า ก็อาจขุดเป็นบ่อดินก็เพียงพอทั้งนี้ ควรทำร่องด้านข้าง เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าและควรเตรียมผ้าใบคลุมเมื่อฝนตก

2.3 ปุ๋ยหมักชีวภาพจากเศษอาหาร และขยะ
ปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร หากมีเฉพาะเศษอาหารที่เป็นพืชมักจะไม่มีปัญหาเพราะเวลาเน่าจะมีกลิ่นเหม็นไม่รุนแรงเราสามารถนำไปคลุกกับปุ๋ยคอกในรางทำปุ๋ยหมักได้เลยแต่หากมีเนื้อสัตว์จะมีกลิ่นเหม็นรุนแรง  สำหรับบางครัวเรือนที่มีข้อจำกัดปริมาณเศษอาหารที่เกิดน้อยหากต้องการทำปุ๋ยหมักจำเป็นต้องทำรางหมักหรือหลุมหมักแต่หากจะหมักในถังจะมีข้อจำกัดที่เต็มเร็ว

วัสดุ และส่วนผสม
– ปุ๋ยคอก 1 ใน 4 ส่วนของรางหมัก
– แกลบดำ 2 ถัง หรือไม่ใส่ก็ได้
– น้ำผสมหัวเชื้อเชื้อ EM1 ลิตร
– กากน้ำตาล 1 ลิตร

วิธีทำ
– หลังจากที่เตรียมรางหมักแล้ว ให้เทปุ๋ยคอก และแกลบดำรองในรางไว้
– เมื่อมีเศษอาหาร ให้นำมาใส่ในราง พร้อมใช้จอบคลุกผสมกับปุ๋ยคอก
– รดด้วยน้ำหัวเชื้อชีวภาพ และกากน้ำตาลบริเวณที่ใส่เศษอาหารเล็กน้อย
– หากมีเศษอาหารเกิดขึ้นอีก ก็นำมาคลุก และใส่น้ำหัวเชื้อ ตามด้วยกากน้ำตาลเรื่อยๆจนเต็มบ่อ
– หากเต็มบ่อแล้ว ให้นำผ้าคลุกมาปิดไว้ และทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน ก่อนตักออกนำไปใช้

ประโยชน์
– ระหว่างที่หมักทิ้ง ให้นำเศษอาหารที่เกิดในแต่ละวันมาหมักในอีกบ่อ ซึ่งจะเวียนกันพอดีใน

รอบเดือน
– ทั้งนี้ บางครัวเรือนอาจไม่สะดวกในการหาซื้อหัวเชื้อหรือกากน้ำตาลดังนั้น จึงไม่ต้องใช้ก็ได้

 แต่จำเป็นต้องมีปุ๋ยคอก หรือใช้ปุ๋ยอื่น เช่นปุ๋ยมูลไก่ ซึ่งส่วนนีี้จำเป็นต้องใช้

           นอกจากการนำเศษอาหารมาทำปุ๋ยหมักแล้ว ปัจจุบันยังนิยมนำเศษอาหารทำน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งก็ง่าย และสะดวกไปอีกแบบ

 

 

 

 

หลักพิจารณาปุ๋ยหมักพร้อมใช้
- ปุ๋ยหมักจะมีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
- อุณหภูมิทั่วกองปุ๋ยหมักมีค่าใกล้เคียงกัน เนื่องจากเกิดปฏิกิริยาการหมักเกือบหมดแล้ว
- หากใช้นิ้วมือบี้ ก้อนปุ๋ยหมักจะแตกยุ่ยออกจากกันง่าย
- พบเห็ด เส้นใยรา หรือ พืชอื่นขึ้น
- กลิ่นของกองปุ๋ยหมักจะมีกลิ่นฉุนที่เกิดจากการหมัก
- หากนำปุ๋ยหมักไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการจะพบอัตราส่วนของคาร์บอนและไนโตรเจนประมาณ 20/1หรือคาร์บอนมีค่าน้อยกว่า 20 (ไนโตรเจนยังคงเป็น 1)

การนำปุ๋ยหมักไปใช้
1.ใช้ในขั้นตอนเตรียมดิน/เตรียมแปลง ด้วยการนำปุ๋ยหมักชีวภาพโรยบนแปลง 2-3 กำมือ/

ตารางเมตร ก่อนจะทำการไถพรวนดินรอบ 2 หรือ ก่อนการไถยกร่อง
2.ใช้ในแปลงผัก และสวนผลไม้ ด้วยการนำปุ๋ยหมักชีวภาพ 1-2 กำมือ โรยรอบโคนต้น

ประโยชน์ปุ๋ยหมัก
1. เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทั้งปริมาณอินทรีย์วัตถุ แร่ธาตุอาหาร ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส

 และโพแทสเซียม
2. ช่วยในการย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ในดิน ทำให้ธาตุอาหารถูกพืชนำไปใช้ได้รวดเร็วขึ้น
3. ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน
4. ช่วยต้านการแพร่ของจุลินทรีย์ก่อโรคพืชชนิดต่างๆในดิน
5. ทำให้ดินมีความร่วนซุย จากองค์ประกอบของดินที่มีดิน อินทรีย์วัตถุ น้ำ และอากาศใน

สัดส่วนที่เหมาะสม
6. ช่วยปรับสภาพpHของดิน ให้เหมาะสมกับการปลูกพืช
7. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงแร่ธาตุของพืชจากปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอื่นที่เกษตรกรใส่
8. ช่วยดูดซับความชื้นไว้ในดินให้นานขึ้น ทำให้ดินชุ่มชื้นตลอดเวลา

ข้อพึงระวัง ->

ข้อพึงระวัง

               การทำปุ๋ยอินทรีย์จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างและจะต้องใช้วัตถุดิบมากมายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพพื้นที่

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดตรัง
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา