การทำขนมดอกจอก
โดย : นางสาวนิตยา ชูทิพย์ วันที่ : 2017-06-19-16:10:35ที่อยู่ : ๔๓/๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลควนธานี
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ขนมดอกจอก เป็นขนมโบราณ เป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยก่อน แต่ในปัจจุบันเริ่มจะหาทานยาก เด็ก ๆ สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไรนัก เนื่องจากไม่ค่อยเป็นที่นิยมจากเด็กรุ่นใหม่ ขนมดอกจอกเป็นขนมที่มีรูปทรงคล้ายดอกจอกที่มีเเหล่งกำเนิดอยุ่ในน้ำ รูปทรงสวยงามน่ารับประทาน เเต่เนื่องจากเป็นขนมที่ต้องใช้น้ำมันพืชปริมาณมากในการทอดจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับคนสมัยนี้ที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ เพราะอาจทำให้มีคอลเรตเตอรอลสูงเเละทำให้อ้วนได้
ขนมดอกจอก ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมมากจะเป็นหนึ่งในขนมที่จัดขึ้นในงานเเละพิธีการสำคัญต่างๆเช่นงานบวช งานเเต่งงาน งานขึ่นบ้านใหม่ เป็นต้น ไม่เเพ้ขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทองที่เป็นที่นิยมทั่งในอดีตและปัจจุบัน และทำได้ง่ายสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อเป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. แป้งข้าวเจ้า ๑ กก.
๒. น้ำสะอาด ๘ ถ้วยตวง
๓. แป้งมัน ๑ กก.
๔. แป้งหมี่ ๕๐๐ กรัม
๕. น้ำตาลทราย ๔๕๐ กรัม
๖. เกลือป่น ๒ ช้อนชา
๗. งาขาว/ดำ
๘. ไก่ไข่ ๑๐ ฟอง
๙. น้ำมัน ๓ ช้อนโต๊ะ
อุปกรณ์ ->
๑. กะละมัง
๒. กระทะ
๓. พิมพ์ขนมดอกจอก
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือ ให้เข้ากัน
2. เติมน้ำปูนใสและหัวกะทิลงไป ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ไข่ลงไป ตีผสมจนเข้ากันอีกครั้ง จากนั้นเติมงาดำลงไป พักแป้งไว้สักครู่
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ (กะพอให้สูงท่วมพิมพ์ขนมดอกจอก) เปิดไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนนำพิมพ์ลงไปแช่ในน้ำมัน พอจนพิมพ์ร้อนจัด ให้ยกขึ้นมาวางลงบนกระดาษซับน้ำมัน
4. พอน้ำมันแห้งแล้วนำพิมพ์ลงไปจุ่มลงในส่วนผสมแป้ง โดยเว้นให้เหลือขอบเล็กน้อยจะได้ถอดพิมพ์ได้ง่าย ยกพิมพ์ลงไปทอดในน้ำมัน ทอดจนแป้งเริ่มสุกและขนมเริ่มล่อนออกจากพิมพ์ ค่อย ๆ เขย่าพิมพ์ให้หลุดจากตัวแป้ง ทอดต่อจนสุกเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
5. นำขนมไปวางบนก้นแก้วหรือชามคว่ำ (ขนาดพอ ๆ กับชิ้นขนมแล้ว) แล้วค่อย ๆ ดัดกลีบขนมลงลง พักทิ้งไว้จนเย็น จัดเสิร์ฟ
ข้อพึงระวัง ->
1.เมื่อผสมแป้งแล้ว ต้องพักแป้งให้อิ่มตัวเสียก่อน ประมาณ 1 ช.ม. จะทำให้แป้งเกาะติดพิมพ์ได้ดี
2. ใช้ไฟปานกลาง
3. ใช้กะทิปานกลาง อย่าให้กะทิมันมาก เพราะเวลาชุป แป้งจะไม่ค่อยเกาะพิมพ์
4. การผสมแป้งต้องค่อยๆ นวดไปเรื่อยๆ อย่าผสมกะทิ
ลงไปทีเดียว
5. แป้งขนมดอกจอก จะต้องไม่ข้นจนเกินไป เพราะเวลา ชุปพิมพ์แล้ว จะทำให้แป้งเกาะติดมาก ทำให้ขนมออกมาหนา เวลาทอดออกมามันจะแข็งกรอบ ส่วนถ้าแป้งเหลวเกินไป เวลาชุปพิมพ์แล้วจะได้แป้งที่เกาะติดพิมพ์บาง เวลาทอดออกมาก จะได้ขนมดอกจอกที่บาง และแตกหักง่าย