ความรู้ชุมชนสัมมาชีพ (การเลี้ยงสุกร)
โดย : นายวิโชติ สิทธิชัย วันที่ : 2017-05-24-10:31:33ที่อยู่ : 178/6 หมู่ที่ 4 ตำบลลิพัง
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
อาชีพการเลี้ยงสุกรในประเทศไทยปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาและก้าวหน้ามาก ส่วนใหญ่มักเป็นฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมีการพัฒนากันในเวลาเดียวกันหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์และการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ที่โตเร็ว ให้ผลผลิตสูงและคุณภาพซากต้องดีด้วย ผู้เลี้ยงสุกรจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเกี่ยวกับการประกอบสูตรอาหาร การจัดการเลี้ยงดู ตลอดจนโรงเรือน ให้เหมาะสมและประหยัดเพื่อหาแนวทางพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตโดยเฉพาะเกี่ยวกับอาหาร เพราะต้นทุนเกี่ยวกับการผลิตนั้นเป็นค่าอาหารประมาณ 60-80% หากผู้เลี้ยงสามารถลดต้นทุนส่วนนี้ลงได้ โอกาสที่จะยืนหยัดในธุรกิจการผลิตสุกรก็ยิ่งมีสูงขึ้น
วัตถุประสงค์ ->
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1.พันธุ์สุกรเนื้อ
2. โรงเรือน
3. อาหารสุกรตามขนาด
4. วัคซีน
อุปกรณ์ ->
1. ถาดสำหรับใส่อาหาร
2. ก๊อกน้ำสำหรับให้น้ำสุกร
3. สายยางสำหรับใช้ทำความสะอาดคอก
4. ท่อพีวีซี
กระบวนการ/ขั้นตอน->
เทคนิคขั้นตอนในการให้อาหารสุกรเพื่อลดต้นทุนและเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงมีดังนี้คือ
1. ประกอบสูตรอาหารให้สุกรขุนได้รับสารอาหารต่อตัวต่อวันให้พอเหมาะโดยไม่ให้น้อยหรือมากเกินไป
2. ต้องรู้ขบวนการใช้ประโยชน์ของอาหารสุกร สุกรเมื่อกินอาหารเข้าไปแล้วจะนำไปใช้ประโยชน์ 3 ทางคือ ดำรงชีพ ทำกิจกรรมต่างๆ และเจริญเติบโตคือ ให้เนื้อและให้ผลผลิต ดังนั้นจะต้องให้อาหารให้พอเพียงแต่ไม่ใช่มากเกินพอ ถ้าให้อาหารไม่ถูกต้องก็จะไม่สามารถลดต้นทุนได้และยิ่งกลับทำให้คุณภาพซากไม่ดีอีกด้วย
3. จะต้องรู้อัตราการเจริญเติบโตและปริมาณอาหารที่ใช้ประโยชน์ ตามปกติอัตราการเจริญเติบโตของสุกรจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นเพียงระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยๆ ลดลง และในทำนองเดียวกันประสิทธิภาพการใช้อาหารจะค่อยๆ ลดลงเมื่อสุกรมีอายุมากขึ้น
4. เทคนิคการปรับปรุงทางด้านปริมาณของสารอาหารต่างๆ ที่สุกรต้องการ
5. ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้อาหารของสุกรมีดังนี้
1. พันธุกรรม : อัตราการเจริญเติบโต เอฟซีอาร์ ความสามารถในการย่อยอาหาร
2. อาหาร : ความฟ่าม คุณภาพ สิ่งปนเปื้อน ความอร่อย
3. โรคต่างๆ และความคงทนต่อโรค
6. เทคนิคในด้านการคำนวณและการประกอบสูตรอาหารสุกร ซึ่งต้องพิจารณาดังนี้
1. อาหารที่ให้พลังงาน : อาหารแป้งและไขมัน ซึ่งสุกรต้องย่อยได้ง่าย ไม่มีสารพิษ และไม่ฟ่ามมาก
2. อาหารที่ให้โปรตีน : โปรตีนต้องคุณภาพดี ย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ได้สูง ไม่มีสารพิษ ไม่มีกากสูง ไม่ฟ่าม และไม่มีเกลือเกินพิกัด
3. วัตถุที่เติมในอาหารและอาหารเสริม : ต้องรู้จักคุณภาพที่แท้จริงและคุ้มกับราคาที่เติมลงไป ต้องรู้กลไกการออกฤทธิ์และการทำงานที่ชัดเจน และได้รับการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับ
4. อาหารวิตามินและแร่ธาตุ : มีทั้งในรูปสารผสมล่วงหน้าหรือพรีมิกซ์ และวิตามินแร่ธาตุตัวเดี่ยวที่นำเข้ามาผสมใช้เอง ซึ่งจะต้องพิถีพิถันมากในการเลือกซื้อจึงจะสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้
5. เทคนิคทางด้านการจัดการในการประหยัดอาหาร ควรให้อาหาร 90-95% ของปริมาณที่กินเต็มที่ ควรให้วันละ 2-3 ครั้งในปริมาณที่สุกรสามารถกินได้หมดในแต่ละมื้อเท่านั้น และควรเริ่มการจำกัดอาหารเมื่อสุกรมีน้ำหนักเกิน 45 กก. ขึ้นไป เพราะในช่วงแรกสุกรจะมีการสร้างเนื้อแดงและสะสมเนื้อแดงอย่างรวดเร็วมากในช่วงแรกเกิดถึง 40 กก. เมื่อสุกรมีน้ำหนักเกิน 45 กก. ให้จำกัดอาหาร จะทำให้สามารถประหยัดอาหารได้ประมาณ 5-10% และเอฟซีอาร์ดีขึ้น 5-7% นอกจากนี้คุณภาพซากเมื่อส่งตลาดดีขึ้นด้วย
7. เทคนิคในขบวนการทำอาหารที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน ซึ่งต้องคำนึงถึง
1. การบดอาหารในแต่ละชนิดและแต่ละประเภทให้เหมาะสม
2. ขบวนการผสมอาหาร ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานการตรวจเช็คในการผลิตทุกขั้นตอน
3. ขบวนการเก็บและลำเลียงอาหารไปใช้
8. เทคนิคในการให้อาหารสุกรเนื้อตามมาตรฐานในแต่ละช่วงอายุต่างๆ เพื่อให้สุกรมีคุณภาพซาก
ข้อพึงระวัง ->
1. อาหารที่ให้พลังงาน : อาหารแป้งและไขมัน ซึ่งสุกรต้องย่อยได้ง่าย ไม่มีสารพิษ และไม่ฟ่ามมาก
2. อาหารที่ให้โปรตีน : โปรตีนต้องคุณภาพดี ย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ได้สูง ไม่มีสารพิษ ไม่มีกากสูง ไม่ฟ่าม และไม่มีเกลือเกินพิกัด
3. วัตถุที่เติมในอาหารและอาหารเสริม : ต้องรู้จักคุณภาพที่แท้จริงและคุ้มกับราคาที่เติมลงไป ต้องรู้กลไกการออกฤทธิ์และการทำงานที่ชัดเจน และได้รับการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับ
4. อาหารวิตามินและแร่ธาตุ : มีทั้งในรูปสารผสมล่วงหน้าหรือพรีมิกซ์ และวิตามินแร่ธาตุตัวเดี่ยวที่นำเข้ามาผสมใช้เอง ซึ่งจะต้องพิถีพิถันมากในการเลือกซื้อจึงจะสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้