เทคนิคส่งเสริมสัมมาชีพ

เกษตรผสมผสาน

โดย : นายชะนัค สายกระสุน ตำแหน่ง : เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน วันที่ : 2017-08-22-23:06:56

ที่อยู่ : ๒๒๙ หมู่ 15 ตำบล เมืองลีง

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

เริ่มต้นจากการที่ครอบครัวมีอาชีพหลัก คือ การทาการเกษตร ทานา ในการทาเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตจานวนมาก ทาให้ต้องใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและสภาพดินที่เสื่อมโทรมขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ทดลองทานาแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนการใช้ปุ๋ยเคมี คือค่อยๆลดปุ๋ยเคมีควบคู่ไปกับการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อให้ดินได้ปรับสภาพดิน ผลผลิตที่ได้ไม่แตกต่างกัน และยังประหยัดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยด้วย ต่อมาเริ่มศึกษาเพื่อจะหารายได้เพิ่มให้แก่ครอบครัว โดยการทาเกษตรผสมผสาน ไม่มีการเจาะจงชนิดของพืชที่สามารถปลูก แต่การทาการเกษตรแบบผสมผสานนี้นั้น ภายในแปลงปลูกควรมีพืชพันธ์นานาชนิด มีความร่มรื่น เย็นสบาย เพื่อให้พืชหลายชนิดมีการเอื้อเฟื้อต่อกันได้มากที่สุด มีการพืชผักสมุนไพร ผักพื้นบ้าน ผักป่า ผักสวนครัว และอื่นๆ ที่สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ทุกอย่าง มีการเลี้ยงปลา เลี้ยงกบ เลี้ยงโค เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานทุกสิ่งทุกอย่าง ในพื้นที่จากัด 4 ไร่ ได้อย่างลงตัว และที่สาคัญ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เน้นการใช้อินทรีย์วัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และ ปุ๋ยชีวภาพในการปรับปรุงบารุงให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ต้นพืชมีความแข็งแรงสามารถต้านทานโรคและแมลงด้วยตนเอง รวมถึงการนาเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้ประโยชน์ด้วย ผลผลิตที่ได้จะปลอดภัยจากสารพิษตกค้างทาให้ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

วัตถุประสงค์ ->

การทาเกษตรให้เป็นระบบหรือจะเป็นการทาอะไรก็ตาม หากคิดในเชิงธุรกิจ คือ ต้องมีผลกาไร จะต้องคิดให้เป็นระบบ มีการศึกษา ค้นกว้า เปรียบเทียบ ทดลอง และเกิดการเรียนรู้จากการลงมือทาด้วยตนเอง
1) แบ่งพื้นที่ในการเกษตรให้เหมาะสม โดยเราต้องรู้สภาพพื้นที่ของเรา ดินเป็นอย่างไร เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชชนิดใด โดยสัดส่วนในการแบ่งพื้นที่อาจแตกต่างกันไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่นั้นๆ
2) การเลี้ยงสัตว์ต่างๆ สัตว์ที่จะเลี้ยงนั้น เอื้อประโยชน์กับพืชที่ปลูกอย่างไรบ้าง ใช้เป็นอาหาร ใช้มูลทาปุ๋ยหรือใช้ประโยชน์อะไรจากพืชและสัตว์ มีการเอื้อประโยชน์ต่อกันอย่างไร

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

การทาเกษตรอินทรีย์ ปัจจัยหลักไม่ใช่สาภาพดินสภาพน้า หรือสภาพแวดล้อมอื่นๆ แต่อย่างใด เพราะปัจจัยดังกล่าวเราสามารถที่จะจัดการบารุงฟื้นฟูได้ถ้าหากปัจจัยหลักในการทาเกษตรอินทรีย์มีพร้อมแล้ว ซึ่งปัจจัยที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นหัวใจของเกษตรอินทรีย์จริงๆ คือคนที่มีใจเป็นอินทรีย์ต่างหากเพราะการทาเกษตรอินทรีย์ คือการปฏิเสธสารเคมีทุกชนิดที่จะมาปนเปื้อนในแปลง ถ้าหากคนที่ทาไม่มีใจอินทรีย์แล้ว โอกาสที่จะแอบใช้สารเคมีมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว คนที่จะทาเกษตรอินทรีย์ได้สาเร็จส่วนใหญ่จะมีใจห่วงใยสุขภาพตน สุขภาพคนใกล้ตัวและสุขภาพของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีจิตสานึกในการฟื้นฟูและรักษาสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวด้วย

อุปกรณ์ ->

ในการทาการเกษตรที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ แทนการใช้ปุ๋ยเคมี วัตถุดิบบางชนิดอาจหายาก เราจึงต้องหาวัตถุดิบทดแทน โดยอาศัยการศึกษาค้นคว้า ยิ่งรู้มากเราจะยิ่งมองเห็นวิธีในการนามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับท้องถิ่นเราและในการผสมปุ๋ยอินทรีย์จะต้องได้สัดส่วน เพื่อให้ปุ๋ยได้คุณภาพ

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้ความเชียวชาญที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น อบต. เกษตรอาเภอ พัฒนาชุมชนอาเภอ ผู้ที่มีองค์ความรู้ด้านนั้นๆ ฯลฯ

ข้อพึงระวัง ->

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดสุรินทร์
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา