เทคนิคส่งเสริมสัมมาชีพ

การกรีดยางพารา

โดย : นางเพียงประจง นาวงษ์หา ตำแหน่ง : ปราชญ์ชุมชน วันที่ : 2017-07-06-17:48:22

ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 9/1 บ้านพระเพลิง หมู่ที่ 1 ตำบลพระเพลิง

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

วัตถุประสงค์ ->

การกรีดยางที่ดีก็เหมือนกับการจะทำอะไรสักอย่าง หากต้องการให้วิธีการและขั้นตอนดำเนินไปถูกทิศทาง ก็จำเป็นที่จะต้องกำหนดหลักการหรือเป้าหมายที่ต้องการขึ้นมาก่อน ซึ่งหลักการในการกรีดยางที่ดี มี 4 ข้อ ดังนี้

    กรีดให้ได้น้ำยางมากที่สุด ข้อนี้คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธอย่างแน่นอน เนื่องจากน้ำยางจะมีอยู่ในท่อน้ำยางที่อยู่ในเปลือกชั้นใน ยิ่งเข้าใก้ลเยื่อเจริญ(Cambium)มากเท่าใดจำนวนท่อน้ำยางก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การกรีดในแต่ละครั้งพื่อให้ได้น้ำยางมากที่สุด ก็คือ
        ลักษณะหน้ากรีดลึกพอเหมาะและเรียบที่กรีดโดยผู้กรีดที่มีฝีมือดีกรีดเวียนจากซ้ายบนลงมาทางขวาล่าง เพื่อให้ตัดท่อน้ำยางให้มากที่สุด (ท่อน้ำยางเรียงตัวเอียงประมาณ 3 องศา เวียนจากขวามาซ้าย)
        การกรีดให้ลึกเข้าใก้ลเยื่อเจริญมากที่สุด เพื่อให้ตัดท่อน้ำยางให้มากที่สุด แต่ต้องไม่ทำให้เยื่อเจริญเสียหาย หากเรากรีดห่างจากเยื่อเจริญ 1.0 มิลลิเมตร เราจะตัดท่อน้ำยางได้ประมาณ 50 % แต่หากเรากรีดให้ลึกลงไปอีกโดยห่างจากเยื่อเจริญ 0.5 มิลลิเมตร เราจะตัดท่อน้ำยางได้มากประมาณถึง 80 % 
        ความยาวของรอยกรีด การกรีดครึ่งลำต้นหรือ 1/2 ย่อมได้น้ำยางมากกว่าการกรีด 1/3 ของลำต้น เพราะรอยกรีดยาวกว่าทำให้สามารถตัดท่อน้ำยางได้มากกว่า
        มุมกรีดควรมีขนาดพอเหมาะคือ 30 องศา กับแนวระดับ
        ความหนาของเปลือกยางที่กรีดหรือถูกเฉือนออกมา หากบางเกินไป ก็จะได้น้ำยางน้อย แต่ถ้าหนาเกินไป ก็จะทำให้สิ้นเปลืองเปลือกยาง
        การกรีดที่ดีควรกระตุกข้อมือ ไม่ใช่ลากด้วยท่อนแขนการกรีดยางด้วยวิธีการกระตุกข้อมือจะทำให้มีดเฉือนเปลือกยางด้วยความเร็วอย่างฉับพลัน และด้วยมีดที่คมอยู่เสมอก็จะทำให้รอยเฉือนคม ทำให้ได้น้ำยางมากกว่าการกรีดด้วยวิธีลากด้วยท่อนแขน
        การกรีดวันเว้นวัน จะทำให้ต้นยางมีเวลาในการสร้างน้ำยางได้เต็มที่ ซึ่งจะทำให้ได้รับน้ำยางมากกว่าการกรีด 3 วันเว้น 1 วัน
        ควรกรีดในช่วงเวลาประมาณ 3.00 น.- 5.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็น ส่งผลให้น้ำยางไหลได้นาน ผลลัพท์ก็จะได้น้ำยางมากตามไปด้วย
    ทำความเสียหายให้กับต้นยางน้อยที่สุด ต้องยอมรับว่าการกรีดยางเป็นการทำร้ายต้นยางชนิดจำเป็นต้องทำ ดังนั้น การกรีดยางที่ดีก็ควรจะเป็นการกรีดที่ทำร้ายต้นยางให้น้อยที่สุด หลักการในข้อนี้ ก็เพียงแต่เราต้องไม่กรีดให้บาดถึงเยื่อเจริญ นั่นเอง วิธีการก็คือ ผู้กรีดต้องมีความชำนาญมากพอและวิธีการกรีดที่ใช้การกระตุกข้อมือแทนการลากท่อนแขน (การกระตุก มีดจะเฉือนเปลือกยางให้ขาดออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ถ้าเกิดพลาดพลั้งถึงขั้นบาดเยื่อเจริญบ้าง ก็จะบาดเป็นแผลเล็ก ต้นยางสามารถเชื่อมหรือประสานแผลเข้าด้วยกันได้ แต่การลากด้วยท่อนแขน จะเฉือนเปลือกยางเป็นชิ้น ๆ ยาวกว่า หากพลาดพลั้ง ก็จะบาดเป็นแผลที่ยาวกว่า)
    กรีดให้ได้นานที่สุด ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจะกรีดยางให้ได้นานที่สุด (คุ้มค่าแรงและหยาดเหงื่อที่เราอดทนตรากตรำกรำแดดเปียกฝนมาตั้งแต่การโค่น-กวาด-เผา-ไถ-ขุดหลุม-ปลูก-ซ่อม-กำจัดวัชพืชการลับมีดให้ถูกวิธีตามที่ สกย.แนะนำ นำมาซึ่งการกรีดที่ดีและมีประสิทธิภาพและใส่ปุ๋ย(ครั้งแล้วครั้งเล่า) ก็คือการกรีดที่ไม่บาง ไม่หนามากเกินไป และการมีวันหยุดกรีดเพื่อให้ต้นยางได้มีเวลาในการสร้างน้ำยางมาทดแทนน้ำยางที่ถูกกรีดออกไป ซึ่งโดยคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรที่คำนึงถึงต้นยางเป็นอันดับแรก แนะนำว่า ถ้าเป็นยางพันธ์ RRIM 600 แล้วละก็ ควรกรีดครึ่งต้น วันเว้นวัน หากเริ่มกรีดที่ระดับความสูง 150 เซ็นติเมตร หน้ากรีดแรก ก็จะกรีดได้ประมาณ 5-5.5 ปี หน้กรีดที่สอง ก็อีก 5-5.5 ปี รวมสองหน้ากรีด(เปลือกแรก) ก็ 10-11 ปี สำหรับเปลือกที่สอง ก็ประมาณว่า 10-11 ปี เท่า ๆ กัน รวม 2 หน้ากรีด ก็ 20-22 ปี แต่ถ้าเรากรีดแบบ 4-5 วันเว้น 1 วัน แม้จะเป็นการกรีดเพียง 1 ใน 3 ของลำต้น หน้ากรีดทั้งสองหน้าก็จะหมดไปในเวลา ไม่เกิน 16 ปี
    เสียค่าใช้จ่ายในการกรีดน้อยที่สุด

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

อุปกรณ์ ->

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ข้อพึงระวัง ->

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดสระแก้ว
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา