เทคนิคส่งเสริมสัมมาชีพ

เทคนิคการย้อมสีดำด้วยผลมะเกลือ

โดย : นางวันดีทิพย์ หอมหวน ตำแหน่ง : เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน วันที่ : 2017-03-25-16:18:14

ที่อยู่ : 31 บ้านโป่ง หมู่ที่ 6 ตำบลพิมายเหนือ

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

ผ้าไหมลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีสีดำมันวาว ย้อมด้วยวัสดุธรรมชาติ คือ ผลมะเกลือ และต้องย้อมซ้ำไปซ้ำมาจนติดสีดำเข้ม มีกรรมวิธีการทอโดยการทอลายในตัว และใช้วิธีการแยกตะกอ 5 ตะกอ เพื่อให้เกิดลวดลายขนมเปียกปูนเป็นวงซ้อนกันติดต่อกันตลอดทั้งผืน เมื่อเสร็จสิ้นการทอ ขั้นตอนต่อไปนำไปตัดเสื้อและย้อมมะเกลืออีกครั้งเป็นขั้นตอนสุดท้าย และยังเป็นผ้าเอกลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษหลักจากตัดเป็นเสื้อและนำมาแซ่ว

วัตถุประสงค์ ->

ตามภูมิปัญญา 2 วิธี คือ

        1) การย้อมเย็น นิยมทอเป็นผ้าลายลูกแก้วแล้วนำมาตัดเป็นเสื้อหรือกางเกงขากบ จึงนำไปย้อมมะเกลือเสื้อขนาด 1 ตัว ต่อ มะเกลือ 8 กิโลกรัม มะเกลือที่นำมาย้อมไม่ควรอ่อนหรือแก่เกินไป

       วิธีการย้อม คือ นำมะเกลือประมาณ 1 กิโลกรัม โขลกให้ละเอียด ใส่ปูนใสประมาณ 50 กรัม ใส่ใบหนาด และใบพุดสร้อยอย่างละ 1 กำมือ โขลกรวมกันให้ละเอียด เพื่อให้มีสีดำ
       เติมน้ำลงในมะเกลือที่โขลกแล้วประมาณ 8 ลิตร คนให้เข้ากันแล้วกรองเอากากทิ้ง โดยกรอง 2 ครั้ง ครั้งแรกกรองด้วยผ้ามุ้งเขียวทับซ้อนกัน 2 – 3 ชั้น ใส่ถังไว้ ครั้งที่สองกรองละเอียดด้วยผ้าขาวเพื่อให้กากมะเกลือออกหมดจะได้น้ำมะเกลือสะอาด พักใส่ถังไว้
       จากนั้นนำเสื้อลงในครกไม้ ตักน้ำมะเกลือค่อย ๆ เทลงในครก แล้วใช้สากไม้โขลกเบา ๆ พลิกกลับ เพื่อให้น้ำมะเกลือซึมเข้าในเสื้อจนทั่วดีแล้ว จึงนำไปตากแดดโดยปูราบลงกับพื้นดินลานบ้าน เพื่อไม่ให้น้ำมะเกลือไหลออกจากเสื้อ ปล่อยไว้จนแห้งหมาด ๆ จึงนำเสื้อมาชุบน้ำมะเกลือเหมือนครั้งแรกอีก และนำไปตากแดดเหมือนเดิม โดยใน 1 วัน จะย้อมซ้ำและตากได้ประมาณ 3 – 4 ครั้ง ก่อนเก็บไว้ย้อมวันต่อไป นำเสื้อย้อมมะเกลือที่ตากแดดแห้งแล้ว มาลวกน้ำร้อนโดยต้มน้ำพอท่วมเสื้อให้น้ำเดือด แล้วยกลงเอาเสื้อลงลวกในหม้อกดลงให้น้ำท่วมเสื้อปิดฝาหม้อ ปล่อยให้เย็น จึงนำขึ้นจากหม้อ บิดหมาด ๆ พักไว้ในถัง รอย้อมวันต่อไป (ย้อมเสร็จในแต่ละวันต้องลวกน้ำร้อนทุกวัน เพื่อให้ยางมะเกลือละลายและเศษฝุ่นต่าง ๆ ออก เสื้อจะได้อ่อน นุ่ม ไม่แข็งกระด้าง และน้ำมะเกลือต้องเตรียมใหม่ทุกวัน)
       เมื่อย้อมได้วันละ 3 – 4 ครั้ง ได้ประมาณ 7- 8 วัน แล้ว เห็นว่าเสื้อมีสีดำสนิทแล้วให้หยุดย้อม และนำเสื้อมาอบหอม วิธีการอบหอมนั้น นำพืชใบหอมต่าง ๆ ได้แก่ ว่านหอม ใบหนาด ขมิ้น พุดสร้อย ใบเสน คำพอง มาต้มรวมกันใส่น้ำพอท่วมเสื้อ ต้มให้เดือดประมาณ 10 นาที ยกหม้อลงจากไฟ นำเสื้อลงแช่โดยกดลงให้จม อยู่ในน้ำ ปิดฝาหม้อให้มิดชิดปล่อยให้เย็น จึงนำไปตากแดดให้แห้ง นำเสื้อที่ตากแดดแล้ว มาล้างน้ำให้สะอาด 2 – 3 ครั้ง จึงนำไปตากแดดให้แห้ง ก็นำไปสวมใส่ได้ ถ้าต้องการให้เรียบ ก็นำไปรีดด้วยไฟอ่อน ๆ ก็จะมันวาว สวยงาม

        2) การย้อมร้อน นิยมย้อมเส้นไหม

       วิธีการย้อม คือ นำใช้เส้นไหมที่ลอกกาวแล้ว 1 กิโลกรัมต่อ มะเกลือ 10 กิโลกรัม แบ่งมะเกลือ 2 กิโลกรัม โขลกให้ละเอียดผสมปูนใส ประมาณ 200 กรัม เมื่อโขลกมะเกลือละเอียดดีแล้ว เติมน้ำสะอาดประมาณ 7 ลิตร คนให้เข้ากันดีแล้ว กรองเอาแต่น้ำ 2 – 3 ครั้ง เอากากออกให้หมด แล้วเอาน้ำมะเกลือใส่หม้อขึ้นตั้งไฟต้มให้เดือด
       จากนั้นนำเส้นไหมลงแช่น้ำประมาณ 10 นาที แล้วนำเส้นไหมขึ้นจากน้ำบิดให้หมาด ๆ นำเส้นไหมใส่ห่วง ๆ ละ 2 ไจ จึงนำลงต้มย้อมในหม้อ หมั่นพลิกกลับเส้นไหม ย้อมนานประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำเส้นไหมไปล้างน้ำสะอาด 2 – 3 ครั้ง แล้วนำไปตากแดด ทำซ้ำอีก 2 ครั้ง
       หลังจากย้อมได้ 3 ครั้งแล้ว จึงนำเส้นไหมไปหมักโคลน โดยเอาโคลนจากหนองน้ำนิ่ง เอาทั้งน้ำและโคลนมาด้วย กรองเอาสิ่งสรกปรกออกเหลือแต่น้ำโคลนละเอียด ใส่ในกะละมัง จากนั้นนำเส้นไหมลงหมักในโคลน ให้โคลนท่วมเส้นไหม หมักไว้ 1 คืน จากนั้นนำเส้นไหมขึ้นจากโคลนล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปตากแดด
       จากนั้นเตรียมน้ำมะเกลืออีกครั้ง แล้วนำเส้นไหมที่หมักโคลนแล้วมาย้อม และนำไปหมักโคลนอีก ทำเช่นนี้อีก 2 – 3 ครั้ง เมื่อได้เส้นไหมมีสีดำสนิทแล้ว นำเส้นไหมไปล้างน้ำให้สะอาด ตากแดดให้แห้ง

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

อุปกรณ์ ->

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ข้อพึงระวัง ->

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา