สัมมาชีพชุมชน ตามวิถีชนเผ่า
โดย : นางสาวสุจินดา แก้วอำไพ ตำแหน่ง : เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน วันที่ : 2017-04-05-17:26:12ที่อยู่ : สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอปางมะผ้า
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
กรมการพัฒนาชุมชน ได้กำหนดให้มีโครงการสัมมาชีพชุมชน ตามแผนงานตามยุทธศาตร์กรมฯ ปี 60 งานนี้ไม่ง่ายเลยสำหรับอำเภอเล็กๆบนดอยสูง ซึ่งมีหลายชนเผ่า แต่ละชนเผ่าก็มีประเพณี วัฒนธรรม ภาษา และวิถีชีวิต ที่แตกต่างกัน แล้วทำยังไงเราถึงจะดึงอัตลักษณ์และวิถีชีวิตความเป็นชนเผ่าที่หลากหลาย ให้เกิดเป็นรายได้ สร้างอาชีพ ที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม ให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย ทั้งนี้ ต้องมีความสอดคล้องกับวิถีของชุมชนวิถีชนเผ่าเพื่อความมุ่งหมายในการสร้างระบบเศรษฐกิจชุมชน โดยให้ชาวบ้านสอนชาวบ้านในสิ่งที่เขาอยากทำ ฝึกปฏิบัติจริงให้สามารถนำไปเป็นอาชีพได้
วัตถุประสงค์ ->
1. ค้นหาปราชญ์ชุมชน
2. สร้างความรู้ความเข้าใจ
3. รับสมัครครัวเรือนที่มีความสนใจ มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านเวทีประชาคม
4. ร่วมกันวิเคราะห์อาชีพ
5. ไปดูงานเพื่อเปิดโลกทัศน์
6. กลับมาลองปฏิบัติจริง
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
หัวใจของความสำเร็จในพื้นที่มีปัจจัยภายในที่เกี่ยวข้อง ๓ ประการ คือ
(1) ผู้นำ
(2) ใช้ข้อมูลในชุมชนที่คนในชุมชนร่วมกันคิด
(๓) คนในชุมชน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับประโยชน์ ร่วมเรียนรู้ และร่วมตรวจสอบ กระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญ คือ กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่องผ่านการปฏิบัติ
โดยถือหลักปฏิบัติที่สำคัญ คือ "ไปหาชาวบ้าน อยู่กับเขา เรียนรู้จากเขา วางแผนกับเขา ทำงานกับเขา เริ่มจากสิ่งที่เขารู้ สร้างจากสิ่งที่เขามี สอนโดยชี้ให้เห็น เรียนจากการทำ เริ่มจากสิ่งที่เขารู้ สร้างจากสิ่งที่เขามี สอนโดยชี้ให้เห็น เรียนจากการทำ”
อุปกรณ์ ->
1. อย่ายัดเยียด ถ้าชุมชนหรือคนในชุมชนไม่พร้อม
2. อย่าคิดแทนชาวบ้าน
กระบวนการ/ขั้นตอน->
การจะสร้างความยั่งยืน อย่ารีบเร่ง ค่อยๆทำ ค่อยๆเปลี่ยนแปลง ต้องยึดหลัก เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้อย่างจริงจัง เพราะบริบทของแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน
หลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” คือก่อนจะทำอะไร ต้องมีความเข้าใจเสียก่อน เข้าใจภูมิประเทศ เข้าใจผู้คนในหลากหลายปัญหา ทั้งทางด้านกายภาพด้านจารีตประเพณีและวัฒนธรรม เป็นต้น และระหว่างการดำเนินการนั้นจะต้องทำให้ผู้ที่เราจะไปทำงานกับเขาหรือทำงาน ให้เขานั้น “เข้าใจ” เราด้วย เพราะถ้าเราเข้าใจเขาแต่ฝ่ายเดียว โดยที่เขาไม่เข้าใจเรา ประโยชน์คงจะไม่เกิดขึ้นตามที่เรามุ่งหวังไว้ “เข้าถึง” ก็ เช่นกัน เมื่อรู้ปัญหาแล้ว เข้าใจแล้วก็ต้องเข้าถึง เพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ และเมื่อเข้าถึงแล้ว จะต้องทำอย่างไรก็ตามให้เขาอยากเข้าถึงเราด้วย
ดังนั้น จะเห็นว่าเป็นการสื่อสารสองทางทั้งไปและกลับ ถ้าสามารถทำสองประการแรกได้สำเร็จ เรื่อง “การพัฒนา” จะ ลงเอยได้อย่างดี เพราะเมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน ต่างฝ่ายอยากจะเข้าถึงกันแล้ว การพัฒนาจะเป็นการตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ให้และผู้รับ
ข้อพึงระวัง ->