ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

จากบริบทที่สังคมสั่งสมให้ลูกหลานได้เรียน เรียน และเรียน เพื่อให้เป็นเจ้าคนนายคน บทพิสูจน์ได้ทดลองทำจากการเรียนจนจบปริญญา ทำงานในหลากหลายอาชีพมีเงินใช้ได้ตามที่ใจต้องการ แต่กลับพบว่า ยิ่งหาเงินได้มากกลับยิ่งห่างเหินจากครอบครัว ยิ่งหาเงินได้มากยิ่งเห็นแก่ตัว ยิ่งหาเงินได้มากสามัญสำนึกยิ่งน้อยลง และยิ่งหาเงินได้มากความสุขที่แท้จริงยิ่งลดลง ประกับกับสังคมในปัจจุบันก็เปลี่ยนไป ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น การแข่งขันมากขึ้นวัฒนธรรมแบบใหม่ในทางเสื่อมเริ่มมากขึ้นในทุกองค์กร 

            ถ้าเรายังคงเดินบนเส้นทางนี้ ไม่นานเราก็จะถูกกลืนจนเห็นสิ่งผิดมองเป็นสิ่งถุก จากสิ่งที่ไม่ยอมรับก็เป็นสิ่งที่รับได้ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเคยได้เห็นวิถีของความสุขครอบครัวผูกพันธ์ สังคมเอื้ออาทร อาหารมากมาย สะอาดไร้สารพิษ  วัฒนธรรมเฟื่องฟู ถูกสืบทอดรุ่นต่อรุ่น ทุกอย่างล้วนเกื้อกูลกัน

           ดังนั้น ในปี ๒๕๕๖ จึงตกผลึกว่า วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นทางออกของชีวิต จึงได้เริ่มตามรอยพ่อใช้ชีวิตแบบพอเพียง พอเริ่มทำรู้สึกได้สัมผัสกับความสุขกับความจริงของชีวิตว่า ความยั่งยืน มั่นคง มั่งคั่งของชีวิต คือวิถีนี้ "วิถีเศรษฐกิจพอเพียง"

วัตถุประสงค์ ->

๑.ศึกษาหาความรู้/สร้างแรงบันดาลใจ หาแนวคิด/ต้นแบบ

๒. ทดลองและลงมือทำ

๓.ปรับประยุกต์ตามบริบทของตน

๔. สรุปองคืความรู้ ชุดความรู้ จัดหมวดหมู่

๕ ถ่ายทอดองค์ความรู้ หาแนวร่วม และสร้างทีม

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

๑.ความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะทำจริง

๒.ศึกษาหาความรู้อยู่เป็นประจำ

๓.เปิดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

อุปกรณ์ ->

๑. ควรยึดหลักความพอเพียงคือควมพอประมาณ ความมีเหตุผล และสร้างภูมิคุ้มกัน

๒. การถ่ายทอดความรู้ไม่ควรถ่ายทอดเกินความรู้ที่เกินจริง หรือเอาความสนุก ความสะใจเป็นที่ตั้ง

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ข้อพึงระวัง ->