การทอผ้าย้อมคราม
โดย : นางจันทัย บุนนท์ ตำแหน่ง : ปราชญ์ชุมชน วันที่ : 2017-04-02-23:25:27ที่อยู่ : ๘ บ้านสามัคคี หมู่ที่ ๗ ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ผ้ามัดหมี่ เป็นผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านสามัคคีมีการสืบสานจากรุ่นปู่ยาตายาย ต่อมามีการตั้งกลุ่มทอผ้าย้อมครามขึ้น และได้มีการส่งเสริมการผลิตให้มีคุณภาพและส่งเสริมด้านการตลาด ได้แก่ ผ้าพื้นเรียบ ผ้าพันคอ ผ้าลายลูกแก้ว ที่ความประณีต สวยงาม คุณภาพดี ที่รู้จักกันแพร่หลายทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด
วัตถุประสงค์ ->
วิธีการมัดหมี่
หลังจากลอกลายตามรอยฉลุแล้ว ใช้เชือกฟางมามัดให้แน่นเพื่อป้องกันสีซึมเข้าในข้อหมี่ หลังจากมัดเสร็จก็จะได้ลายที่พิมพ์มาจากคอมพิวเตอร์ทันที
การมัดโอบหมี่
การมัดโอบคือ การมัดหมี่ครั้งที่สองเพื่อเก็บสีลายจากการมัดครั้งที่หนึ่งไว้ หลังจากการมัด โอบเสร็จแล้วนำหัวหมี่มาย้อมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อจะให้หมี่เป็นลายอีกสีหนึ่งขั้นตอนการย้อมโอบจะทำอยู่หลายครั้งเมื่อต้องการลวดลายหลากหลายสีขึ้นอยู่กับลายที่จะนำมามัดหรือสีสันที่ต้องการ
การย้อมสี
หลังจากการกรองคราม (เก็บเนื้อครามไว้) เวลาจะใช้ต้องนำเนื้อครามที่เก็บไว้ออกมาผสมกับน้ำด่างที่แช่ไว้ ในปริมาณครามประมาณ 1 ขีด ผสมกับน้ำด่าง 1 ขัน ต่อ 1 หม้อ ในการย้อม 1 ครั้ง และ1 ครั้ง และสามารถเพิ่มส่วนผสมทุกครั้งที่จะย้อม ไม่ต้องเปลี่ยนหม้อหรือล้างหม้อครามโดยเติมในอัตราดังที่กล่าวมาคลิกเพื่อดูขั้นตอนการย้อมครามขั้นตอนการปั่นหลอด หรือกรอบหมี่
1. แก้หมี่ที่มัดเป็นเปราะๆ ออกก่อน (การแก้หมี่ คือการแก้เชือกฟางที่มัดให้เป็นลวดลายต่างๆ ออกให้หมด )
2. นำปอยหมี่ที่แก้เสร็จขึงใส่กง แล้วดึงเงื่อนเส้นหมี่มาผูกติดกับหลอดที่อยู่เข็มไนใช้มือปั่นหลา หรือไนโดยการหมุนเวียนซ้ายไปตลอด
3. เมื่อครบขีนของลายทันที แล้วปลดออกจากหลาหรือไนเก็บไว้เพื่อทอต่อไปขั้นตอนการสืบหูก
1. นำหมี่ที่ย้อมสีเสร็จแล้ว มากางเพื่อดึงให้เส้นหมี่ตึงเท่ากันจน
2. นำหมี่ที่ตึงเท่ากันแล้วมาต่อใส่ฟืม โดยการผูกติดกับกกหูก(กกหูก คือ ปมผ้าเส้นหมี่เดิมที่ทอติดไว้กับฟืมโดยไม่ตัดออกเพื่อที่จะต่อเครือหูกไว้ทอครั้งต่อไปวิธีการกางหูก
1. นำฟืมที่สืบเครือหูกแล้วไปกางใส่กี่ โดยดึงหมี่ตึงสม่ำเสมอทุกเส้น
2. หูกที่กางเสร็จแล้วจะต้องเรียงเส้นหมี่หลังฟืม โดยแยกเส้นหมี่ออกไม่ให้ติดกันความยาวประมาณ 1 เมตร
3. นำไม้หลาวกลม 2 อัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. มาสอดคั่นให้เส้นหมี่ของเครือหูกไขว้กันเป็นกากบาทอยู่หลังฟืม เพื่อให้เลื่อนฟืมไปข้างหน้าในเวลาทอได้สะดวกขั้นตอนในการทอผ้า
1. สืบเส้นด้ายยืนเข้ากับแกนม้วนด้ายยืน และร้อยปลายด้ายแต่ละเส้นเข้าในตะ กอแต่ละชุดและฟันหวี ดึงปลายเส้นด้ายยืนทั้งหมดม้วนเข้ากับแกนม้วนผ้าอีกด้านหนึ่ง ปรับความตึงหย่อนให้พอเหมาะ กรอด้ายเข้ากระสวยเพื่อใช้เป็นด้ายพุ่ง
2. เริ่มการทอโดยกดเครื่องแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดที่ 1 จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง สอดกระสวยด้ายพุ่งผ่าน สลับตะกอชุดที่ 1 ยกตะกอชุดที่ 2 สอดกระสวยด้ายพุ่งกลับ ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ
3. การกระทบฟันหวี (ฟืม) เมื่อสอดกระสวยด้ายพุ่งกลับก็จะกระทบ ฟันหวี เพื่อให้ด้ายพุ่งแนบติดกัน ได้เนื้อผ้าที่แน่นหนา4. การเก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกนด้ายยืนให้คลายออกและปรับความตึงหย่อนใหม่ให้พอเหมาะ
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. ความพร้อมของวิทยากรสัมมาชีพ (ปราชญ์ทั้ง 5 คน) ในการให้ความรู้แก่ครัวเรือนสัมมาชีพ
2. ความตั้งใจ และให้ความสนใจของครัวเรือนสัมมาชีพ 20 ครัวเรือน ว่าพร้อมขนาดไหน
3. อุปกรณ์ในการทอผ้า เช่น ฝ้าย น้ำครามและอุปกรณ์ทอผ้าต่าง ๆ
4. ความพร้อมของลายผ้า บรรจุภัณฑ์ และช่องทางการตลาด
อุปกรณ์ ->
1. วัสดุสำหรับสาธิตต้องพร้อมและวิทยากรสัมมาชีพ (ปราชญ์) ต้องสร้างความน่าสนใจในกิจกรรมให้ได้
2. ต้องมีตลาดอยู่แล้ว หรือหาช่องทางการตลาดให้พร้อมก่อนเริ่มผลิตผ้าไหมย้อมคราม
3. ความรู้ของปราชญ์สำคัญ ถ้าไม่พร้อม กลุ่มเป้าหมายจะไม่สนใจกิจกรรมเลย
กระบวนการ/ขั้นตอน->
คัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย 20 ครัวเรือน ที่มีรายได้น้อยในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้แก่ครัวเรือน
ข้อพึงระวัง ->