ปลูกไม้ดอกเมืองหนาว
โดย : นางจันทร์แดง กาญจนพิษณุ ตำแหน่ง : เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน วันที่ : 2017-07-04-10:51:01ที่อยู่ : 58 ม.9 ต.แม่อาย
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
เนื่องจากสภาพพื้นที่หมู่บ้านอยู่ในพื้นที่สูง มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และดินมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การปลูกไม้ดอกเมืองหนาว
วัตถุประสงค์ ->
1. การเพาะเมล็ดนั้นจะหว่านในแปลงเพาะกลางแจ้งหรือเพาะในกระบะมีข้อเปรียบเทียบให้เห็นได้คือ
การหว่านในกระบะเพาะ มีข้อได้เปรียบดังนี้
-ผู้ปลูกสามารถปรับปรุงและผสมเครื่องปลูกให้ดีได้ตามใจชอบ
-สามารถย้ายกระบะเพื่อให้ได้แสงหรือร่มได้ตามควร หรือเมื่อฝนตกหนักก็ยกหลบฝนเข้ามาในโรงเรือนได้
-การดูแลทำได้สะดวกกว่า ถ้ามีโรคและแมลงก็เห็นได้ชัดกว่า สามารถปราบได้ง่ายและเร็วกว่า
-เมล็ดที่มีราคาแพง เมล็ดที่มีขนาดเล็กมากๆ หรือเมล็ดที่งอกช้าต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น
-ถ้าเป็นฤดูฝนที่ฝนยังตกหนัก และต้องการปลูกไม้ดอกล่วงหน้าเพื่อให้ทันโอกาสพิเศบ สามารถใช้วิธีนี้โดยเพาะในกระบะและวางไว้ในที่มีหลังคากันฝนได้
-เมื่อย้ายออกแปลง สามารถกะระยะปลูกให้สม่ำเสมอได้
การหว่านโดยตรงในแปลงปลูก มีข้อได้เปรียบคือมักให้ดอกเร็วกว่าเพาะในกระบะแล้วย้ายออกแปลง เพราะการย้ายปลูกทำให้ต้นกล้าชะงักการเติบโตไประยะหนึ่ง แต่พืชที่มีเมล็ดเล็กมาก หรือเมล็ดมีราคาแพงใช้วิธีนี้ไม่ได้เพราะสิ้นเปลืองมาก
2. การกะระยะเวลาในการเพาะเมล็ด ผู้ปลูกควรทราบว่าเมล็ดชนิดนั้นจะให้ดอกในเวลากี่เดือน จะได้กะเวลาเพาะให้ได้ดอกบานทันในช่วงฤดูที่มีอากาศเย็น เช่นในเมืองเชียงใหม่ ปกติฝนจะหยุดตกราวอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายนของทุกๆ ปี จึงควรเตรียมซื้อเมล็ดไว้ และเพาะในช่วงนั้น จากเมล็ดงอกถึงออกดอกกินเวลาประมาณ 2-4 เดือน และได้ดอกบานประมาณเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีอากาศเย็น จะได้ดอกที่สวยงามและบานได้นาน ถ้าเริ่มเพาะปลายเดือนธันวาคม จะได้ดอกบานในช่วงที่มีอากาศร้อนคือ ประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายน ดอกที่ได้มีคุณภาพไม่ดีและเหี่ยวเร็วมาก การกะเวลาในการเพาะเมล็ดจึงเป็นเรื่องสำคัญ
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. ศึกษาความต้องการของตลาด
2. ดูแลเอาใจใส่ ศึกษาเรียนรู้
3. ปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ ดิน อากาศ
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
ข้อปฎิบัติที่ผิดพลาดในการปลูกไม้ดอกที่รวบรวมได้จากมีดังนี้
1. ปลูกโดยไม่ได้คำนึงถึงฤดูกาล ส่วนมากดอกไม้บานสวยในเดือนมกราคม เมื่อเห็นเขาปลูกสวยดีก็นึกอยากปลูกบ้าง โดยไม่ตระหนักว่าดอกไม้ที่บานนั้นได้ผ่านการเตรียมปลูกมาอย่างดีตั้งแต่สิ้นฤดูฝน ถ้าคิดจะหาเมล็ดมาปลูกเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ กว่าดอกจะบานก็เดือนเมษายน หรือพฤษภาคม ซึ่งมีอากาศร้อนจัดย่อมได้คุณภาพไม่ดี
2. ปลูกไม้ในร่มไว้กลางแดดหรือปลูกไม้ที่ชอบแดดไว้ในร่มโดยไม่ศึกษานิสัยของพืชเสียก่อน
3. ขอเมล็ดดอกไม้จากเพื่อนบ้าน หรือเก็บเมล็ดจากต้นที่เห็นดอกสวย ถ้าเป็นเมล็ดที่ไม่ใช่ลูกผสม F₁ ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเมล็ด F₁ ต้นใหม่ที่ได้จะกลายหมด
4. เพาะเมล็ดโดยไม่มีการเตรียมเครื่องปลูก หรือวัสดุเพาะ หว่านเมล็ดลงในดินว่างๆ กลางแจ้ง หว่านจนแน่นเผื่องอกน้อยและไม่ดูแลเรื่องความชื้นให้สม่ำเสมอ
5. ย้ายต้นกล้าตอนเช้าทำให้ได้รับแดดตอนเที่ยงซึ่งร้อนจัด หรือย้ายต้นกล้าตอนบ่ายซึ่งมีแดดจัดมาก ย้ายเมื่อต้นกล้ายังเล็กเกินไป ทำให้ยังไม่แข็งแรงพอกับสภาพกลางแจ้ง หรือการย้ายต้นกล้า ที่โตเกินไปจะทำให้ชะงัก เหี่ยวง่ายและฟื้นตัวยาก
6. ไม่ทราบหรือไม่ใช้ระยะปลูกที่เหมาะสม ทำให้ปลูกชิดหรือห่างเกินไป ไม่ได้ระยะ
7. เมื่อย้ายปลูกแล้ว ต้นกล้าเหี่ยวก็ไม่ช่วยเหลือเพราะนึกว่าคงฟื้นเองได้
8. ปล่อยให้ต้นโตตามยถากรรม รดน้ำให้ถ้าว่างหรือมีเวลาให้ปุ๋ยเมื่อนึกขึ้นได้และให้มากเพื่อชดเชย
9. รดน้ำต้นไม้ในช่วงที่มีแดดจัด และรดน้ำไม่ชุ่มถึงระดับราก
10. ใช้นิ้วรอที่ปลายสายยาง ฉีดน้ำแรงรดถูกดอก หรือรดน้ำที่โคนต้นจนดินกระจุย
11. ปล่อยให้หญ้าขึ้นแซมในแปลงดอกไม้และไม่หมั่นตัดใบหรือดอกเหี่ยวออก
12. ปลูกไม้ดอกหลายชนิดและปลูกเป็นจำนวนมากเกินกำลังจะดูแลให่ดี
ดังนั้น ข้อควรปฎิบัติเพื่อจะปลูกไม้ดอกให้ได้ดีคือ
1. เลือกชนิด สี ความสูง และระยะเวลาในการให้ดอกเสียก่อน เช่น เลือกว่าจะปลูกซัลเวียสีแดง สูง 2 ฟุต ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนจากเพาะเมล็ดจนให้ดอก จะต้องเพาะเมล็ดต้นเดือนตุลาคม และให้ดอกในช่วงที่มีอากาศเย็นประมาณปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไป
2. เลือกชื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทที่ผลิตเมล็ดมีคุณภาพดี คือตรงตามพันธุ์และมีความงอกสูง ปกติเมล็ดไม่งอกถึง 100% ถ้างอกเพียง 70-80% ก็ต้องซื้อเมล็ดเพิ่มเพื่อให้ได้ต้นกล้าเท่าที่ต้องการ ควรซื้อเมล็ดเพิ่มจากที่ต้องการประมาณ 20% จึงจะแน่ใจเพราะในจำนวน 70-80% ที่งอกอาจมีต้นเล็ก และไม่แข็งแรงปนอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง
3. เพาะเมล็ดอย่างดีดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วเตรียมแปลงปลูกไว้ให้เรียบร้อยโดยขุดดินตากแดด ใส่ปุ๋ยคอกคลุกลงไปแล้วย่อยดินให้ละเอียดรอไว้
ข้อพึงระวัง ->