การทอเสื่อกก
โดย : นางศิริวรรณ กาสี ตำแหน่ง : เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน วันที่ : 2017-06-29-23:20:38ที่อยู่ : ๒๕๐ หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองโก
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
กลุ่มทอเสื่อกกบ้านศรีสมบูรณ์ จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยเริ่มต้นจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนใน ชุมชนตั้งแต่สมัย ปู่ ย่า ตา ยาย มีการนำเส้นกกมาทอเป็นของใช้ในครัวเรือน เช่น การทอเสื่อ แต่ละครัวเรือน จะเก็บไว้ใช้เอง ยังไม่มีการจำหน่าย ชาวบ้านโดยการนำของกลุ่มสตรีได้เลือกอาชีพการทอเสื่อกก เป็นอาชีพเสริม โดยการรวมกลุ่ม จัดตั้งเป็น กลุ่มสตรีทอเสื่อกก สมาชิกเริ่มแรกมีจำนวน ๒๐ คน โดยมีการคัดเลือกประธานคนแรก คือ นางสิริวรรณ กาสี ต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโก ได้เข้ามาให้การสนับสนุนกลุ่ม โดยการสนับสนุนวัสดุ/อุปกรณ์ ในการทอเสื่อกก ได้แก่ ฟืม จำนวน ๕๐ หลัง กี่ ๕๐ หลัง พร้อมด้วยสี ย้อมกก,เส้นเอ็น ให้กับกลุ่ม ไว้ใช้ในการผลิต สี่ที่นิยมใช้ย้อมมากที่สุดในขณะนั้น ได้แก่ สีแดง เหลือง สีน้ำเงิน ลายที่นิยมทอเสื่อกก เริ่มแรกได้แก่ ลายหมากจับ
วัตถุประสงค์ ->
๑)การซอยเส้นกก
- นำกกหรือไหลมาซอยออกเป็นเส้นนำไปตากแดดประมาณ ๑ อาทิตย์
- เมื่อแห้งแล้วนำมาย้อมสีตามต้องการ โดยสีที่ย้อมเป็นสีเคมีอย่างดี ส่วนมากจะย้อม สีแดง, เหลือง,ม่วง,เขียว และสีน้ำเงิน
๒)การย้อมสี
- นำกกแช่น้ำเป็นเวลา ๑ คืน เพื่อให้กกอิ่มตัวเมื่อย้อมสีจะทำให้ติดสีได้ง่ายและทั่วถึง
- ก่อไฟและนำกระทะใส่น้ำ ต้มน้ำให้เดือดจัดในการย้อมแต่ครั้งจะใช้เวลา ๕ นาที และควบคุมปริมาณของส่วนผสมให้คงที่ดังนี้
๑. น้ำเปล่า ๒ ลิตร
๒. สีย้อมกก ๑ ช้อนโต๊ะ๓. เทสีย้อมกก ประมาณ ครึ่ง ช้อนชา ลงในน้ำที่เดือดจัด และใส่เกลือ/ผงซักฟอก ลงประมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ เพื่อให้กกมีสีสดและเป็นเงางาม
๔. นำกกที่ผ่านการแช่น้ำแล้ว ลงไปย้อมในน้ำที่เดือดจัด โดยการม้วนกกให้เป็นวงกลม ค่อยๆ ขดลงในกระทะ ใช้ไม้กดให้กกจมน้ำให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ ๕ นาที
๕. นำกกขึ้นจากกระทะให้ระมัดระวังน้ำเดือด และสีกระเด็นใส่
๖. แช่กกที่ผ่านการย้อมสีแล้วลงในน้ำสะอาด ประมาณ ๕ นาที แล้วนำไปตาก/ผึ่งลม๓)การทอเสื่อกก
๑. นำเชือกไนลอนหรือเชือกเอ็นขึงที่กี่ทอเสื่อให้เป็นเส้นตามกี่ทอและฟืม๒. นำกกหรือไหลที่ย้อมสีสอดเข้ากับไม้สอดเพื่อที่จะสอดเข้ากับกี่ทอเสื่อ
๓ เมื่อสอดกกหรือไหลเข้าไปแล้วผลักฟืมเข้าหาตัวเองให้กกหรือไหลแน่นติดกันเป็นลายต่าง ๆ
๔. ลายที่ทอเป็นประจำและเป็นที่นิยมคือ ลายดาวกระจาย ลายหมากจับ
๕. จากนั้นก็นำเสื่อกกที่ทอแล้วมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เสื่อพับ
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
การทอเสื่อ เป็นไปเพื่อการใช้สอยในครัวเรือน โดยท้องถิ่นใดมีต้นกกก็ทอเสื่อกก ท้องถิ่นใดมีต้นกระจูดก็ทอเสื่อกระจูด เสื่อในอดีตเป็นของใช้ที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับปูนั่งหรือนอน จนถึงกับมีคำกล่าวว่า บ้านใดไม่มีเสื่อใช้ ถือว่า พ่อ แม่ ลูก เกียจคร้านไม่มีฝีมือ หนุ่มสาวที่แต่งงานตั้งครอบครัวใหม่หรือขึ้นเรือนใหม่ จะต้องเตรียมที่นอน หมอน มุ้ง ส่วนเสื่อฝ่ายหญิงจะจัดเตรียมทอสะสมไว้เป็นของขึ้นเรือน นอกจากนี้ยังทอเพื่อถวายเป็นไทยทานให้กับวัด เพื่อบำรุงศาสนาในฤดูเทศกาลต่างๆ และยังนำเสื่อที่ทอไปซื้อขายแลกเปลี่ยนกับหมู่บ้านใกล้เคียงอีกด้วย
และผลพวงแห่งแนวนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้าน เน้นส่งเสริมให้สร้างรายได้เป็นธุรกิจชุมชน จนถึงขั้นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ทำให้การทอเสื่อกกของชาวชุมชนแบบดั้งเดิม ได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้มีคุณภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ถึงแม้ค่านิยมในการใช้เสื่อกกในปัจจุบันจะลดลง แต่การทำนากก การทอเสื่อกกก็ยังสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริมแก่ชาวชุมชนได้ไม่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดการรวมตัวของผู้ประกอบการเป็นกลุ่มแม่บ้านทอเสื่อ สร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนทั้งทางด้านการผลิตและทางด้านการตลาด
อุปกรณ์ ->
๑) การเก็บเกี่ยวต้นกก เมื่ออายุกกได้ประมาณ ๒ เดือน กกเริ่มมีความเหนียวพอประมาณ โดย
สังเกตต้นกกออกดอก ซึ่งเป็นระยะที่มีความเหนียวจึงเริ่มตัดกกได้ โดยใช้มีดหรือเคียวตัดบริเวณโคนต้น เพื่อให้กกแตกหน่อขึ้นมาใหม่
๒) กรรมวิธีการซอย/ผ่ากก และการตาก และย้อม การซอยกกทำได้ ๒ แบบ คือ การซอยสดๆหรือผึ่งแดดให้พอหมาดๆ (๑ แดด) จึงนำมาซอย ๑ ต้น แล้วแต่ขนาดของต้นกก และลักษณะที่นำมาใช้แล้วนำไปตากแดดให้แข็งประมาณ ๒-๓ แดด โดยกกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีขาว
๓) ขั้นตอนการย้อม ก่อนย้อมกกต้องนำเส้นกกไปแช่น้ำ ให้เส้นกกอิ่มน้ำประมาณ ๑ ชั่วโมง นำกกผึ่งแดดให้พอหมาดๆ นำเส้นกกลงในหม้อย้อมสีที่เตรียมไว้จนเส้นกกอิ่มสีหรือประมาณ ๒๐ นาที แล้วจึงนำขึ้นผึ่งแดด ประมาณ ๒ แดด นำกกเข้าเก็บเพื่อรอการทอต่อไป
กระบวนการ/ขั้นตอน->
วิธีที่เก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกกนั้น ควรเก็บไว้ในห้องที่เก็บควรไม่มีอากาศชื้น เมื่อขึ้นราควรเช็ดและขัด แล้วผึ่งแดดให้แห้ง ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้วควรมีถุงพลาสติกห่อหุ้ม เพื่อไม่ให้อากาศเข้า
ข้อพึงระวัง ->