เทคนิคส่งเสริมสัมมาชีพ

การปลูกพารา

โดย : นายดำ หัสดง ตำแหน่ง : ปราชญ์ชุมชน วันที่ : 2017-06-12-14:53:01

ที่อยู่ : 115 ม.2 ต.สมสะอาด

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

การพัฒนาคนในชุมนส่วนใหญ่ต้องเริ่มให้มีการพัฒนาจากเศรษฐกิจของชุมชนก่อนอาชีพเสริมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสร้างรายได้ในระดับครัวเรือน โดยจะต้องต่อยอดจากอาชีพที่มีอยู่แล้วในชุมชนและมีผู้ที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรง อาชีพ ปลูกยางพารา เป็นอาชีพที่เจ้าขององค์ความรู้มีการนำมาใช้ในการประกอบอาชีพเสริมให้ครอบครัวของตนเอง เป็นอาชีพที่ทำแล้วก่อให้เกิดรายได้ คนอื่นสามารถฝึกฝนและนำไปเป็นอีกทางเลือกของการเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน

วัตถุประสงค์ ->

1. การกำหนดระยะปลูก ระยะปลูกมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง ทำให้ใช้พื้นที่ปลูกยางได้อย่างคุ้มค่า ประหยัดในการกำจัดวัชพืช เปิดกรีดได้เร็ว สวนยางเป็นระเบียบสวยงาม สะดวกต่อการปฏิบัติงาน ต้นยางจะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดต้องมีพื้นที่ต่อต้นไม่น้อยกว่า 20 ตารางเมตรสำหรับระยะปลูกในการปลูกยาง ถ้าเป็นพื้นที่ราบในเขตปลูกยางเดิม ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 2.5 x 8 เมตร (80 ต้นต่อไร่) หรือ 3 x 7 เมตร (76 ต้นต่อไร่) สำหรับเขตปลูกยางใหม่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ระยะปลูกที่เหมาะสม คือ 2.5 x 7 เมตร (91 ต้นต่อไร่) หรือ 3 x 7 เมตร (76 ต้นต่อไร่) ส่วนระยะปลูกในพื้นที่ลาดเทควรเป็น 3 x 8 เมตร (67 ต้นต่อไร่)

             2. การกำหนดแถวหลัก ควรวางแถวหลักตามแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก และให้ขวางทางการไหลของน้ำเพื่อลดการชะล้างผิวหน้าดินและการพังทลายของดิน โดยกำหนดให้แถวหลักห่างจากแนวเขตสวนยางเก่าหรือสวนยางข้างเคียงไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ขุดคูล้อมตามแนวเขตสวนทั้งนี้เพื่อป้องกันโรครากและการแก่งแย่งธาตุอาหาร หลังจากนั้น วางแนวปลูกพร้อมปักไม้ชะมบตามระยะปลูกที่กำหนด สำหรับพื้นที่ลาดเทมากกว่า 15 องศา จะต้องทำขั้นบันไดและวางแนวปลูกตามแนวระดับ

             3. การขุดหลุมปลูก เมื่อปักไม้ชะมบตามระยะปลูกแล้ว ทำการขุดหลุม โดยขุดดินด้านใดด้านหนึ่งของไม้ชะมบโดยตลอดไม่ต้องถอนไม้ออก หลุมมีขนาด กว้างxยาวxลึก 50x50x50 เซนติเมตร ดินที่ขุดแบ่งเป็น 2 ส่วน ดินบนและดินล่างกองไว้คนละด้าน ผึ่งแดดไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อดินแห้งแล้วย่อยดินบนให้ละเอียดพอควรใส่ลงก้นหลุม แล้วตามด้วยดินล่างที่ผสมปุ๋ยหินฟอสเฟตสูตร 0-3-0 (25% Total P2Os) อัตรา 170 กรัมและปุ๋ยอินทรีย์ 3-5 กิโลกรัมต่อหลุมใส่ไว้ด้านบน

          วิธีปลูกยาง

            ควรปลูกช่วงต้นฤดูฝน วัสดุปลูกที่นิยมในปัจจุบันมี 3 ชนิด คือ ต้นตอตายาง ต้นติดตาในแปลงและต้นยางชำถุง วัสดุปลูกแต่ละชนิด มีวิธีการปลูก ความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันดังนี้

             ต้นตอตายาง การปลูกด้วยต้นตอตายาง ให้ใช้ไม้ปลายแหลมหรือเหล็กแหลมขนาดเล็กกว่าต้นตอตาที่ปลูกเล็กน้อยแทงลงบนหลุมปลูก ลึกขนาดเกือบเท่าความยาวของรากแก้วต้นตอตา เสียบต้นตอตาร่องที่แทงไว้ โดยหันแผ่นตาอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดถูกแผ่นตาโดยตรงเป็นผลให้แผ่นตาเหี่ยวเฉาแห้งตายได้ ใช้เหล็กหรือไม้อัดต้นตอตาให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าให้มีโพรงอากาศบริเวณราก เพราะจะทำให้รากเน่า กลบดินให้ระดับดินอยู่ตรงรอยต่อของรากกับลำต้น หลักจากปลูกควรพรวนดินบริเวณโคนต้นตอตาให้สูงเพื่อมิให้เป็นแอ่งเมื่อน้ำท่วมขังทำให้โคนต้นตอตาเน่า ใช้เศษฟางหรือเศษหญ้าหรือวัสดุหาง่ายคลุมโคนต้นตอตายาง หากฝนไม่ตกหลังการปลูกควรให้น้ำต้นยาง ดังนั้น การปลูกด้วยต้นตอตายางจึงเหมาะสมปลูกในแหล่งปลูกยางเดิมที่มีปริมาณน้ำฝนและมีจำนวนวันฝนตกมากกว่าในเขตแห้งแล้ง

             ต้นติดตาในแปลง ต้นยางที่ปลูกด้วยวิธีนี้จะมีระบบรากแข็งแรง มีความเจริญเติบโตสม่ำเสมอไม่ต้องขุดถอนย้อยปลูก กรีดได้ในระยะเวลาใกล้เคียงกับการปลูกโดยใช้ต้นตอตา มีการปลูกสร้างสวนยางด้วยวิธีนี้จะประสบผลสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นกล้ายาง ความสมบูรณ์ของกิ่งตายางและความสามารถ ของคนติดตายาง มีวิธีการ ดังนี้

            1. การเตรียมพื้นที่ ไถพลิกดิน เก็บวัชพืชในพื้นที่ออกให้หมด ไถพรวนเพื่อให้ดินร่วน ปักไม้ชะมบตามระยะปลูกที่กำหนดไว้

            2. ขุดหลุมปลูก ขนาด กว้างxยาวx ลึก 50x50x50 เซนติเมตร ขุดแยกดินบนและดินล่างออกจากกัน ตากแดดไว้ประมาณ 10-15 วัน เมื่อดินแห้ง ย่อยดินบนให้ร่วน กวาดใส่ครึ่งหนึ่งของหลุม ดินล่างเมื่อย่อยดีแล้วผสมกับปุ๋ยหินฟอสเฟต อัตรา 170 กรัมต่อหลุมใส่ไว้ด้านบน

            3. ปลูกเมล็ดยาง นำเมล็ดสมปลูกในหลุมที่เตรียมไว้หลุมละ 3 เมล็ด ระยะห่างระหว่างเมล็ด 25 เซนติเมตร ใช้ไม้ปลายแหลมสักดินให้เป็นหลุมลึก 3 เซนติเมตร วางเมล็ดลงในหลุมที่สักไว้ ให้ด้านแบนของเมล็ดคว่ำลง หรือถ้าปลูกด้วยเมล็ดงอก ให้วางด้านรากงอกของเมล็ดคว่ำลง แล้วกลบดินให้มิดเมล็ด

            4. ติดตายาง เมื่อเมล็ดงอกเป็นต้นกล้ายางมีอายุประมาณ 6-8 เดือน หรือมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นไม่ต่ำกว่า 1 เซนติเมตรที่ระดับความสูงจากพื้นดิน 10 เซนติเมตร ทำการติดตาด้วยตายางพันธุ์ดีจากกิ่งตาเขียวหลังจากติดตาแล้วประมาณ 21 วัน ตรวจดูว่าต้นไหนติดตาสำเร็จ หากสำเร็จมากกว่า 2 ต้นต่อหลุม ให้พิจารณาตัดยอดต้นที่สมบูรณ์ที่สุดในระดับความสูง 10-15 เซนติเมตรเอียงเป็นมุม 45 องศาลงไปทางด้านตรงข้ามกับแผ่นตา หลังจากนั้น 1 เดือน หากตาของต้นที่ตัดยอดยังไม่แตกก็พิจารณาตัดยอดต้นที่เหลือต่อไปทีละต้น ถ้าตาของต้นที่ตัดแตกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นตอตอทั้งหมดออก คงเหลือต้นที่ตาแตกเจริญเติบโตต่อไป

             ต้นยางชำถุง การปลูกด้วยต้นยางชำถุงเกษตรกรจะต้องระมัดระวังเรื่องการขนย้าย เพราะหากดินในถุงแตกจะทำให้ต้นยางตายได้ ควรเลือกยางชำถุงที่มีขนาด 1-2 ฉัตรและฉัตรจะต้องแก่เต็มที่ เลือกต้นที่สมบูรณ์ ไม่แสดงอาการเป็นโรค ทำการตัดแต่งรากที่ทะลุถุงชำออก เก็บต้นยางชำถุงไว้ในโรงเรือนที่มีร่มเงารำไรประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อให้ต้นยางปรับตัวและรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอจึงย้ายปลูก ควรเตรียมหลุมปลูกให้เรียบร้อยก่อนการปลูก มีวิธีปลูก ดังนี้

            1. ใช้มีดคมๆ เฉือนก้นถุงออกประมาณ 2-3 เซนติเมตร นำไปวางในหลุม หันแผ่นตาไปทางทิศตะวันตกเพื่อป้องกันอาการไหม้จากแสงแดดบริเวณโคนต้น แล้วกรีดด้านข้างของถุงให้ขาดจากกัน แต่ยังไม่ดึงถุงออกกลบดินจนเกือบเต็มหลุมให้รอยต่อระหว่างรากกับตาอยู่เหนือระดับผิวดินเล็กน้อยแล้วดึงถุงพลาสติกออก ระวังอย่าให้ดินในถุงชำแยก กลบดินจนเสมอปากหลุมและอัดดินให้แน่นโดยให้ดินบริเวณโคนต้นยางสูงกว่าดินปากหลุมเล็กน้อย เพื่อมิให้น้ำขังในหลุมปลูก

            2. ใช้เศษพืชคลุมบริเวณรอบโคนต้นยางรัศมี 50-80 เซนติเมตร ห่างจากโคนต้นยางประมาณ 1 ฝ่ามือ

            3. ควรปลูกซ่อมด้วยต้นยางชำถุงก่อนหมดฤดูฝนอย่างน้อย 2 เดือน และไม่ควรปลูกซ่อมเมื่อต้นยางอายุ 2 ปีแล้ว แต่ถ้าจะปลูกซ่อมควรใช้ต้นยางที่มีอายุใกล้เคียงกัน

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

สามารถลดรายจ่ายจากการซื้อต้นกล้ายางพารางได้

อุปกรณ์ ->

ผู้ที่ได้รับการพัฒนาอาชีพต้องมีการศึกษาและพัฒนาอาชีพตนเองอย่างต่อเนื่

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ควรพัฒนาอาชีพในลักษณะกลุ่มอาชีพที่มีกิจกรรมที่ต่อเนื่องอยู่เสมอ

กลุ่มควรมีการศึกษาเรื่องการตลาดของกลุ่มเป็นหลัก

ข้อพึงระวัง ->

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา