ลดต้นทุนการทำนา
โดย : นายสมยศ ทองนิล วันที่ : 2017-03-21-16:36:33ที่อยู่ : 18/1
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ปัจจุบัน มีปัจจัยลบหลายๆอย่าง ที่กระหน่ำซ้ำเติมชาวนาไทย ทั้งในเรื่องของศัตรูพืชโดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และที่กำลังเผชิญหน้าขณะนี้คือภัยแล้ง ซึ่งปีภาวะภัยแล้งกระหน่ำอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ถึงขนาดน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่างๆทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กเหลือน้อยเต็มที
การรณรงค์ของรัฐบาลที่จะให้เกษตรกรลดพื้นที่การทำนาปรังไร้ผลแล้ว จึงจะแนะวิธีขั้นตอนการลดต้นทุนในการทำนา
การทำนาแบบเปียกสลับแห้งนอกจากจะลดปริมาณการใช้น้ำแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย ใช้สารเคมี และน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวลดลง รวมทั้งยังทำให้คุณภาพของข้าวดีขึ้น เกษตรกรมีกำไรเพิ่มขึ้น และที่สำคัญทำให้คุณภาพชีวิตของชาวนาดีขึ้น เยาวชนรุ่นหลังๆ หันมาสนใจการทำนา ซึ่งจะเป็นการรักษาพื้นที่ชลประทานให้คงอยู่ เกิดความสามัคคีในชุมชนที่ไม่ต้องแย่งน้ำกันต่อไปอีกด้วย
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อลดต้นทุนการทำนา เพิ่มรายได้
เพื่อส้รางความสามัคคีในชุมชน
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
พันธ์ข้าว
ปุ๋ย/ยากำจัดวัชพืช และแมลงศัตรูพืช
น้ำมันเชื้อเพลิง
อุปกรณ์ ->
เครื่องพ่นยา
เครื่องจักขนาดเล็ก (รถไถ รถตีนา รถย้ำ)
จอบ เสียม เครื่องตัดหญ้า
ถังหว่าน/ผสม
เครื่องวิดน้ำ/ท่อ/ผ้าใบ
กระบวนการ/ขั้นตอน->
ขั้นแรก คือ การจัดการฟางให้เหมาะสม เพราะฟางข้าว นับเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่ามหาศาล หากเกษตรกรมีการจัดการฟางในนาที่ดีและเหมาะสมจะเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการลดต้นทุนการผลิตข้าว วิธีการ คือหลังเก็บเกี่ยวข้าวใช้รถแทรกเตอร์ไถกลบฟางปล่อยทิ้งไว้ในสภาพไม่มีน้ำขัง 15-30 วัน จากนั้นไขน้ำเข้าแปลงนา เตรียมดิน หรือหลังเก็บเกี่ยวข้าวแล้วปล่อยให้แปลงนาและฟางแห้งประมาณ 15 วัน ไขน้ำเข้าแปลงนาให้ท่วมฟางใช้รถไถย่ำฟางตามด้วยเตรียมดิน หว่านข้าวโดยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ดี 15-20 กิโลกรัม/ไร่
ขั้นที่สอง การจัดการทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพด้วยการให้น้ำในนาแบบเปียกสลับแห้ง คือ หลังหว่านข้าวแล้ว ระบายน้ำออกจากแปลงนาให้แห้ง พ่นสารเคมีคุมวัชพืช ไขน้ำเข้าแปลงนาภายใน 7 วัน หลังพ่นสารคุมวัชพืชระดับไม่เกิน 5 ซม.แล้วปล่อยให้น้ำแห้งไปตามธรรมชาติจนผิวดินเริ่มแตกระแหง ไขน้ำเข้าแปลงที่ระดับ 5 ซม. ทำสลับกันจนถึงระยะกำเนิดช่อดอก ปล่อยให้น้ำขังในแปลงนาตลอดถึงช่วง 10 วันก่อนการเก็บเกี่ยวจึงระบายน้ำออก
ขั้นตอนที่สามส่วนการใส่ปุ๋ย เก็บตัวอย่างดินวิเคราะห์ความอุดมสมบูรณ์ของดินก่อนใส่ปุ๋ย เพื่อจะได้รู้ว่าควรใส่ปุ๋ยเท่าไรและใช้แผ่นเทียบสีใบข้าว (LCC) ช่วยตัดสินใจว่าควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนเมื่อใดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของข้าว
ขั้นตอนสุดท้ายคือการจัดการโรค แมลงศัตรูข้าว ต้องมีการสุ่มสำรวจโรค แมลงศัตรูข้าวในนาก่อนการตัดสินใจใช้สารเคมี
ข้อพึงระวัง ->
ควรเลือกเมล็ดพันธ์ข้าวที่มีคุณภาพ ทนทานต่อโรค