การย้อมไหมสีธรรมชาติ
โดย : นางนพรัตน์ ควรชม วันที่ : 2017-06-02-16:04:08ที่อยู่ : 27 หมู่ 9 บ้านศาลา ตำบลกุดขาคีม
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ในอดีตสตรีบ้านศาลา หมู่ที่ 9 ตำบลกุดขาคีม ได้มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ดั้งเดิมโดยใช้สีธรรมชาติ การย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติใช้เวลานานและการใช้สีธรรมชาติต้องใช้เวลาในการย้อมนานและต้องใช้วัสดุที่ต้องใช้ในการย้อมมาก จึงเปลี่ยนมาใช้สีเคมีที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ต่อมาได้ตระหนักถึงการไม่ปลอดภัย จึงใช้วัสดุธรรมชาติที่อยู่ในท้องถิ่น ประกอบกับบ้านศาลาได้มีการรวบรวมสตรีที่มีความสนใจในการทอผ้าไหมและได้จัดตั้งกลุ่มทอผ้าไหมขึ้น ในปี 2554 โดยมีนางนพรัตน์ ควรชม เป็นประธานกลุ่ม ซึ่งนางนพรัตน์ ควรชม ได้เป็นสมาชิกศูนย์หม่อน-ไหม จังหวัดสุรินทร์ ได้รับความรู้และประสบการณ์ ในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติ และการทอผ้า จึงนำความรู้ที่ได้มามาถ่ายทอดให้สมาชิกกลุ่มให้มีความรู้และความชำนาญ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน
วัตถุประสงค์ ->
ย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติ
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
เปลือกผลมะพร้าวแห้ง (ขุยมะพร้าว) เปลือกต้นมะพูด(ประโหด) โคลน หรือ ตม จากบ่อ หรือสระที่มีน้ำขังตลอดปีเส้นไหม
อุปกรณ์ ->
หม้อย้อมไหม กะละมัง ห่วงย้อมไหม เตาแก๊ส
กระบวนการ/ขั้นตอน->
การย้อมไหมให้ได้สีน้ำตาล ด้วยเปลือกผลมะพร้าวแห้ง โดยใช้วิธี การย้อมร้อน และย้อมเย็นแล้วหมักโคลน การคัดเลือกวัตถุดิบ - เปลือกผลมะพร้าวแห้ง (ขุยมะพร้าว) ใช้เปลือกผลมะพร้าวแห้ง หรือ ขุยมะพร้าว - โคลน หรือ ตม จากบ่อ หรือสระที่มีน้ำขังตลอดปี (แต่ควรทดสอบก่อน เพราะโคลนจากแต่ละแห่ง ทำ ให้ได้สีดำต่างกัน)
ส่วนผสม
เส้นไหม 1 กิโลกรัม
เปลือกผลมะพร้าวแห้ง 2 กิโลกรัม
วิธีย้อม
1. สับเปลือกผลมะพร้าวแห้งให้เป็นชิ้นเล็กๆ แช่ในน้ำ 2-3 ชั่วโมง หรือ แช่น้ำข้ามคืน
2. นำไปต้มกับน้ำ 40 ลิตร ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือต้มจนเหลือน้ำสีสกัดประมาณ 30 ลิตร(สำหรับย้อมไหม 1 กิโลกรัม) กรองเอากากออก
3. แช่เส้นไหมที่ลอกกาวแล้วในน้ำสะอาด ให้เส้นไหมอิ่มตัว แล้วบิดหมาด จากนั้นนำเส้นไหมลงแช่ในน้ำสีสกัด ไม่ต้องต้ม (ย้อมเย็น) นาน 10 – 15 นาที ครบเวลานำเส้น ไหมขึ้น พักโดย ไม่ต้องบิดเอาน้ำสีออก
4. ยกน้ำสีขึ้น ตั้งไฟ จนน้ำสีร้อนจัดจึงนำส้น ไหมที่พักไว้ลงต้มย้อมในน้ำสีประมาณ 1 ชั่วโมง
5. ครบเวลาแล้วนำเส้นไหมขึ้น ผึ่ง ให้เย็นลงและแห้งจึงนำไปล้างในน้ำอุ่น 1 น้ำ แล้วผึ่งให้แห้ง
6. เมื่อเส้นไหมแห้งจึงนำไปล้างด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาเอนกประสงค์ชนิดไม่มีสีและไม่มีกลิ่น อัตราส่วน น้ำยาเอนกประสงค์ 20 ซีซี ต่อน้ำ 8-10 ลิตร นานประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงนำไป ล้างน้ำจนเส้น ไหมสะอาด บิด ให้ มาด กระตุก และผึ่งให้ แห้ง ได้เส้น ไหม สีน้ำตาล ถ้าต้องการ ให้สี เข้มขึ้นหรือสีดำ ให้นำเส้นไหมที่ย้อมแล้วไปหมักโคลน เส้นไหมที่ย้อมด้วยเปลือกผลมะพร้าว แห้งแล้วหมักโคลน นาน 1 ชั่วโมง ได้โทนสีเทาดำ ถ้าต้องการสีดำเข้ม ให้หมักโคลนได้หลาย ครั้ง แต่ละครั้งไม่ให้นานเกิน 1 ชั่วโมง
สีเหลือง เปลือกต้นมะพูด(ประโหด)
การย้อมไหมเพื่อให้ได้สีเหลือง เปลือกต้นมะพูด(ประโหด) ให้สีที่ติดคงทน ไม่ซีด การย้อมไหมเพื่อให้ได้สีเหลือง ด้วยเปลือกต้นมะพูด
การคัดเลือกวัตถุดิบ
- เปลือกต้น มะพูด นิยมใช้ย้อมเส้นไหม ได้สีเหลืองสด ควรเลือกเปลือกไม้จากต้นที่มีอายุมากพอควร หรือ มีเปลือกหนา อย่างน้อย ครึ่งเซนติเมตร
- สารช่วยย้อม สารส้ม ให้บดละเอียดก่อนใช้
ส่วนผสม
- เส้นไหม 1 กิโลกรัม
- เปลือกประโหด 2 กิโลกรัม
- สารส้ม 50– 100 กรัม(ครึ่ง-1ขีด)
การเตรียม(สกัด) น้ำย้อม
1. สับเปลือกไม้เป็นชิ้นเล็กๆ และบดให้ละเอียด นำมาต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อน นาน 3 - 4 ชั่วโมง กรองเอากากออกเป็นน้ำที่1 2. เติมน้ำและต้มเคี่ยวกากที่เหลือ กรองน้ำสีไว้เป็นน้ำที่
2. รวมน้ำสีย้อมที่1 และน้ำที่2 ใช้ย้อมเส้นไหม
การย้อมเส้นไหม
1. นำเส้นไหมที่ลอกกาวไปแช่น้ำให้อิ่มตัวแล้วบิดหมาด กระตุกให้เส้นไหมเรียงตัว
2. ย้อมเส้นไหมในน้ำสี แบบย้อมเย็น นาน 10 – 15 นาที แล้วยกเส้นไหมพักไว้ โดยไม่ต้องบิด
3. นำน้ำสีขึ้นตั้งไฟให้เดือด เติมสารส้มบด คนให้เข้ากัน และต้มให้เดือดอีกครั้งหนึ่ง
4. นำเส้นไหมที่ย้อมเย็นลงย้อมในน้ำสีข้อ 3 นานประมาณ 1 ชั่วโมง
5. ครบเวลาแล้ว นำเส้นไหมขึ้นผึ่งให้เย็น บีบน้ำออกให้หมาด แล้วกระตุกให้เส้นเรียงตัว ผึ่งให้แห้ง
6. เมื่อเส้นไหมแห้งแล้วจึงนำไปล้างในน้ำอุ่นผสมน้ำยาเอนกประสงค์ชนิดไม่มีสีไม่มีกลิ่น อัตราส่วน น้ำยา เอนกประสงค์ 20 ซี ต่อน้ำ 8-10 ลิตร นานประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงนำไปล้างน้ำจนเส้นไหม สะอาด บิดให้หมาด กระตุกและผึ่งให้แห้ง ได้เส้นไหม สีเหลือง
7. ถ้าต้องการให้เส้นไหมสีเขียวไพล ให้นำเส้นไหมที่ย้อมสีแล้วไปหมักโคลน นาน 1 ชั่วโมง ได้โทนสีเขียว ไพล ถ้าต้องการให้สีเข้มขึ้น ให้หมักโคลนได้หลายครั้ง แต่ละครั้งไม่ให้นานเกิน 1 ชั่วโมง
ข้อพึงระวัง ->
หากต้องการย้อมสีเหลืองที่อ่อนลง สามารถใช้น้ำสีที่เหลือจากการย้อมได้ โดยการเติมน้ำเพิ่มและใส่สารส้ม ในปริมาณเท่าเดิมกับการย้อมสีครั้งแรก - สารส้มบด ใช้เป็นสารช่วยย้อมในการย้อมด้วยเปลือกประโหด ทำให้ เส้นไหมติดสีเหลืองสด - การบดวัตถุดิบ(เปลือก)ให้ละเอียดช่วยให้สกัดสีได้เข้มข้น จึงใช้ปริมาณน้อยลง