การเลี้ยงไก่พื้นบ้าน
โดย : นายกระจอม วิยาสิงห์ วันที่ : 2017-07-04-14:22:42ที่อยู่ : 29 หมู่ที่ 5 บ้านขาม ตำบลศรีสุข
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ปัจจุบันไก่พื้นบ้านได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมาก เป็นเพราะไก่พื้นบ้านมี เนื้อ รสชาติอร่อยและเนื้อแน่น เป็นที่ถูกปากของผู้บริโภคทั่วไป จนมีแนวโน้มว่า จะสามารถส่งเนื้อไก่พื้นiบ้านออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่ปัญหาคืะอปริมาณไก่ บ้านยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเกษตรกริ.1่วนมากประมาณร้อยละ 70 80 เปอร์เซ็นต์ จะเลี้ยงไก่พื้นบ้านแบบหลังบ้านประมาณ 10 20 ตัวต่อครัว เรือน ซึ่งการเลี้ยงก็เป็นการเลี้ยงแบบปล่อยตามยถากรรม จึงเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสย พอสมควร แต่ถ้าเกษตรกรสามารถปรับใช้เทคนิคการเลี้ยงแบบเรือนโรงมาผสม ผสานกับการเลี้ยงแบบพื้นบ้านและมีการปรับปรุงพันธุ์ลูกผสมระหว่างไก่บ้านกับไก่ พันธุ์แท้แล้วย่อมส่งผลทำให้จำนวนไก่บ้านที่จะออกสู่ตลาดมีปริมาณที่สูงขึ้นอย่าง แน่นอน
วัตถุประสงค์ ->
สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ มีกลุ่มอาชีพ
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
แม่ไก่พันธุ์เนื้อ
อุปกรณ์ ->
ถังน้ำ
รางอาหารขนาดยาว
ตาข่ายขนาด 1.20 X 30 ม.
ลวดมัดตาข่าย
กระบวนการ/ขั้นตอน->
วิธีการคัดเลือกและผสมพันธุ์ไก่พื้นเมือง
1. เริ่มต้นจากสายพันธุ์ไก่ชนเป็นหลัก เนื่องจากไก่ชนให้ทั้งเนื้อและชนเก่ง รวมทั้งพันธุ์ค่อนข้างนิ่ง คือสม่ำเสมอและที่สำคัญคือ หาได้ง่ายมีอยู่ทั่วไปตามบ่อนหรือฟาร์มไก่ โดยสามารถขอซื้อได้จากเจ้าของไก่ชน โดยคัดเลือกจากตัวที่มีลักษณะดี
2. ควรมีคอกผสมพันธุ์ไว้เฉพาะ โดยมีอัตราส่วนพ่อต่อแม่ไม่เกิน 1:5 หรือถือหลักไว้ว่า ให้ตัวที่ดีที่สุดผสมกับตัวที่ดีที่สุด เท่านั้น อย่าเสียดายไก่ที่มีลักษณะไม่ดี เช่น ขาหรือเล็บหยิกเกิน ให้คัดออกทันที
3. อย่าให้มีการผสมเลือดชิด คือพ่อหรือแม่ผสมลูก หรือพี่น้องคอกเดียวกันผสมกัน ควรมีการเปลี่ยนสายเลือดบ่อยๆ โดยการเสาะแสวงหาพ่อพันธุ์ดีๆ มาเปลี่ยนสายเลือดวิธีการคัดเลือกและการฟักไข่
ลักษณะการฟักไข่และการเลี้ยงลูกไก่ของแม่ไก่พื้นเมืองเป็นลักษณะทีสำคัญอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามหลักวิธีการคัดเลือกไข่ฟัก และดูแลแม่ไก่ในระหว่างฟักไข่ สามารถพิจารณาได้ดังนี้
1. ควรเป็นไข่ที่มาจากฝูงพ่อและแม่พันธุ์ดี
2. ภายนอกสะอาด ไข่รูปทรงปกติไม่ร้าว เบี้ยว เปลือกบาง ช่องอากาศหลุดลอย หรืออยู่ผิดที่ มีจุดเลือดโตเป็นต้น
3. ขนาดไข่ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินควร
4. ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 14 วัน โดยเฉพาะในฤดูร้อนอุณหภูมิที่เก็บไข่ฟักควรอยู่ระหว่าง 50-60 องศาฟาเรนไฮต์ ไม่ควรสูงกว่า 65 องศาฟาเรนไฮต์ (18.3องศาเซลเซียส) ความชื้นในห้องเก็บ 80-90 % อาจเก็บไว้ใกล้ๆ ตุ่มน้ำก็ได้
5. ควรมีการเลี้ยงไก่วันละครั้งก่อนแม่ไก่จะฟัก
6. จำนวนไข่ฟักควรอยู่ระหว่าง 10-12 ฟอง ในฤดูร้อนไข่มักฟักออกไม่ดี ดังนั้น ไข่ 1-2 ฟองแรก ควรนำมาบริโภคจะดีกว่า เพราะมีขนาดเล็กกว่าปกติ อายุการเก็บมักจะนานเกิน 14 วัน เชื้อมักไม่ดี และจะเป็นการแก้ปัญหา ไข่ล้นอกแม่ ไปในตัวด้วย
7. ควรเสริมอาหารโปรตีน โดยเน้นใช้วัสดุเศษเหลือทางการเกษตรภายในท้องถิ่น เช่น ใบหรือเมล็ดพืชตระกูลถั่ว แมลง/ตัวหนอนที่มีตามธรรมชาติ เป็นต้น โดยก่อนนำมาใช้ควรทำลายสารพิษที่มีในวัตถุดิบเหล่านั้นเสียก่อน เน้นให้ลูกไก่ช่วงอนุบาล ถึงระยะเติบโตช่วงแรก และช่วงแม่ไก่ก่อนให้ไข่ (หรือช่วงผสมพันธุ์)
8. การผสมข้ามพันธุ์กับพ่อไก่พันธุ์ไข่ จะทำให้ไก่ลูกผสมเพศเมียที่ได้ไข่ดก โดยมีผลผลิตไข่เฉลี่ยประมาณ 120-150 ฟอง/ปี ส่วนลูกไก่เพศผู้ควรนำไปตอนการตอนแล้วนำไปขุน ทำให้เนื้อไก่มีคุณภาพสูงขึ้น จะทำให้เนื้อนุ่มไม่เหนียวเกินไป เป็นที่ต้องการของตลาดข้าวมันไก่ ราคาจำหน่ายจึงสูงกว่าปกติ ทำให้ผู้เลี้ยงมีรายได้เพิ่มขึ้น อนึ่งวิธีการทำเช่นนี้ ควรใช้วิธีตอนแบบผ่าข้าง คือ เอาอัณฑะของเพศผู้ออกทั้งสองข้าง ขนาดไก่ที่เหมาะสมสำหรับการนำมาตอนควรมีอายุประมาณ 2 เดือน หรือมีขนาดน้ำหนักประมาณ 0.8 กิโลกรัม ซึ่งหลังจากตอน 2-3 เดือน สามารถนำไปจำหน่ายได้
การผสมข้ามพันธุ์กับพ่อไก่พันธุ์เนื้อ ลูกไก่ที่ได้จะโตเร็ว แต่ไข่ไม่ดก วิธีนี้เหมาะสำหรับการเร่งผลิตไก่ลูกผสมพื้นเมืองในช่วงที่ตลาดต้องการ ซึ่งราคาจำหน่ายอาจต่ำกว่าไก่พื้นเมืองแท้
9. ควรทำกรงลูกไก่เพื่อแยกลูกต่างหาก แม่ไก่จะได้ให้ไข่เร็วขึ้น ลูกไก่จะได้รับน้ำ-อาหาร ความอบอุ่น และวัคซีนอย่างสมบูรณ์
10. ที่ให้น้ำ-อาหาร ควรมีให้พร้อม ส่วนอุปกรณ์ป้องกันโรคมีไว้ให้พร้อมที่จะใช้งานได้ทันทีข้อควรปฏิบัติระหว่างแม่ไก่ฟักไข่
1. แม่ไก่กำลังไข่ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรให้วัคซีนหรือยาใดๆ ถ้าจะให้ควรให้ก่อนระยะไข่เพราะอาจทำให้แม่ไก่หยุดไข่
2. ถ้าแม่ไก่ไข่มากเกินไป ควรแบ่งไข่ออกไปกินบ้าง การฟักไข่แต่ละครั้ง ควรมีไข่ไม่เกิน 12 ฟอง
3. ควรรู้จักการส่องไข่ เพื่อให้แม่ไก่ฟักเฉพาะไข่ที่มีเชื้อ
4. เมื่อแม่ไก่ฟักเป็นตัวแล้ว ควรแยกลูกไก่ไปเลี้ยงในกรงกก (คอกอนุบาลลูกไก่) ปล่อยให้แม่เป็นสาวฟื้นตัวได้เร็ว ไข่เร็ว ฟักเร็ว ผู้เลี้ยงจะได้เงินเร็ว
5. ระยะกกลูกไก่ ควรใช้หัวอาหารหรืออาหารสำเร็จรูปเลี้ยง แล้วค่อยๆ เติมอาหารธรรมชาติเข้าไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 3 สัปดาห์ ก็สามารถปล่อยลูกไก่ลงเลี้ยงแบบพื้นบ้านต่อไป
6. ระยะกกลูกไก่ 3 สัปดาห์ ทำวัคซีนได้ถึง 4 ครั้ง (ถ้าปล่อยให้แม่กกและเลี้ยงเองตามธรรมชาติรับรองว่าจับทำวัคซีนได้ไม่ครบ)
7. ลูกไก่ระยะกก ควรดูแลให้ความอบอุ่น น้ำและอาหารอย่าให้ขาด
8. รังไข่สำหรับแม่ไก่ ควรมีจำนวนพอเพียงกับแม่ไก่ รังต้องสะอาด บางครั้งถ้าใช้ใบตระไคร้หรือเศษใบยาสูบตากแห้งรองรังไข่จะไม่มีไรไก่รบกวน
9. คอกไก่ควรทำความสะอาดอยู่เสมอ และพ่นยากำจัดไรที่พื้นคอกเป็นประจำเดือนละครั้ง
10. แม่ไก่ที่ให้ไข่และฟักไข่เกิน 4 รุ่นแล้ว ควรคัดออกไป ใช้แม่ไก่ใหม่แทน เพราะแม่ไก่แก่เกินไป ผลผลิตที่ได้ไม่ดีเท่าแม่ไก่รุ่นใหม่โรงเรือนไก่พื้นเมือง
โรงเรือนนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่ควรคำนึงถึง แบบของโรงเรือนควรเป็นแบบที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก ราคาค่อนข้างต่ำ เพราะทำจากวัสดุในท้องถิ่นที่มีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะสร้างโรงเรือนแบบใด ต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
1. ระบายอากาศร้อนได้ อากาศถ่ายเทสะดวก กันลมโกรก และกันฝนสาดได้ดี
2. อากาศในโรงเรือนควรเย็นสบาย ไม่อับชื้น
3. สร้างง่าย ประหยัดเงิน
4. ทำความสะอาดง่าย ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคได้ทั่วถึง
5. สะดวกต่อการเข้าไปปฏิบัติดูแลไก่ข้อแนะนำในการสร้างโรงเรือน
1. ควรใช้วัสดุที่หาได้ในพื้นที่ เช่น ไม้ไผ่ ไม้ต้นกลมขนาดเล็ก แกลบ ทราย
2. คอกไก่ควรแยกห่างจากตัวบ้านเรือน
3. โรงเรือนมีฝาทั้ง 4 ด้าน ใช้ไม้กั้นห่างกัน 1 นิ้ว หลังคา อาจมุงด้วยหญ้าแฝก ตองตึง และหญ้าคา เทลาดประมาณ 30-40 องศาเซลเซียส ประตูคนเข้าควรกว้างและสูงให้ผู้เลี้ยงเข้าออกได้สะดวก พื้นโรงเรือนถ้าเป็นคอนกรีตจะทำความสะอาดง่าย ถ้าเป็นพื้นธรรมดาควรถมด้วยทรายหรือดินให้มีระดับสูงกว่าธรรมดา 10 เซนติเมตร ป้องกันน้ำท่วม แล้วรองพื้นด้วยแกลบ ขี้เลื่อย เปลือกถั่ว หรือฟางสับ หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร
4. คอนสำหรับไก่นอน ทำด้วยไม้ไผ่หรือไม้ระแนง จัดเป็นคู่ห่างกัน 1 นิ้ว สูงจากพื้น 1-1.5 เซนติเมตร
5. รังนอนกกลูกของแม่ไก่ควรสูงจากพื้น 40-50 เซนติเมตร ส่วนรังวางไข่ควรอยู่ห่างจากคอนนอนและอยู่ตรงข้ามกัน เพื่อป้องกันไก่ที่ออกไข่ไปนอน และควรทำให้ครบจำนวนแม่ไก่เพื่อป้องกันการแย่งวางไข่
6. บริเวณรอบนอกเล้าไก่ควรทำรั้วกั้นรอบบริเวณ โดยใช้ไม้ไผ่ตีระแนง
7. หมั่นตรวจดูรังฟักอยู่เสมอว่ามีตัวหมัด เหา ไร หรือไม่ หากมีให้เผาไฟเสียป้องกันไม่ให้มันแพร่พันธุ์ต่อไป เพราะไรเป็นศัตรูสำคัญในการบั่นทอนสุขภาพของไก่ หากมีเหา ไรเหลืออยู่ในรัง เมื่อลูกไก่กะเทาะเปลือกออกมา จะถูกตัวเหา ไรกัดกินเลือด ทำให้ลูกไก่เสียสุขภาพไปตั้งแต่ยังเล็กๆ ฉะนั้นขอให้ระวังเรื่องนี้ให้จงหนัก
8. หมั่น ในหน้าร้อน (มีนาคม-เมษายน) แม่ไก่มักจะฟักไข่ออกไม่ดี ควรทำการพ่นน้ำที่ฟักไข่เมื่อแม่ไก่ฟักไข่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ พ่นเช้า-บ่าย จะช่วยทำให้ไข่ฟักออกได้มากขึ้น
ข้อพึงระวัง ->
. ข้อเสียของไก่พื้นบ้าน
2.1 โตช้า ใช้เวลาเลี้ยงนานกว่าไก่ทางการค้ามาก
2.2 ให้ไข่น้อยปีหนึ่ง ๆ ให้ไข่เฉลี่ยประมาณ 40-50 ฟองต่อปี โดยจะให้ ไข่เป็น ชุด ๆ ละ 7 - 15 ฟอง