การเลี้ยงกบ
โดย : นายนพรัตน์ เพชรล้วน วันที่ : 2017-04-10-22:07:26ที่อยู่ : 48 หมู่ที่ 9 บ้านหนองโบสถ์ ตำบลทุ่งมน
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
เดิมข้าพเจ้ามีอาชีพเป็นครู หลังจากเกษียณอายุราชการ ก็ใช้เวลาว่างประกอบอาชีพเสริมโดยการเพาะพันธุ์กบจำหน่ายในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งตลาดมีความต้องการ
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อเป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายได้
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
พ่อพันธ์ แม่พันธ์กบ
อาหารกบ
อุปกรณ์ ->
บ่อซีเมนต์
ตาข่ายพลาสติก
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1)การเลือกสถานที่สร้างคอกกบ หรือ บ่อเลี้ยงกบ
1. ควรเป็นที่ที่อยู่ใกล้บ้าน สะดวกต่อการดูแลรักษา และป้องกันศัตรูได้
2. เป็นที่สูง ที่ดอน เพื่อป้องกันน้ำท่วม
3. พื้นที่ราบเสมอ สะดวกต่อการสร้างคอกและแอ่งน้ำในคอก
4. ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกต่อการถ่ายเทน้ำ
5. ให้ห่างจากถนน เพื่อป้องกันเสียงรบกวน กบจะได้พักผ่อนเต็มทีและโตเร็ว2)บ่อหรือคอกเลี้ยงกบ
สถานที่ที่จะทำบ่อเลี้ยงกบ ไม่ว่าจะเป็นสภาพบ่อปูนหรือคอกเลี้ยง จะต้องไม่ควรอยู่ไกลจากที่อยู่อาศัยมากนัก เพราะศัตรูของกบมีมากโดยเฉพาะกบนั้นเมื่อตกใจเพราะมีภัยมา3)พันธุ์กบที่นำมาเลี้ยง
กบที่เหมาะสมจะนำมาเพาะเลี้ยงนี้ ได้แก่ กบนา ซึ่งถ้าเลี้ยงอย่างถูกต้องตามวิธีการและใช้เวลาเพียง 4-5 เดือน จะได้กบขนาด 4-5 ตัว/ กก. เป็นกบที่มีความเจริญเติบโตเร็ว4)การเพาะพันธุ์กบ
การเตรียมพ่อ-แม่พันธุ์กบนาโดย
1. รวบรวมจากธรรมชาติหรือหาซื้อจากแหล่งเพาะเลี้ยงกบอื่นๆ ที่เชื่อถือได้
2. พ่อ-แม่พันธุ์จากที่เลี้ยงไว้เพาะพันธุ์ขึ้นเอง
2.1 ทำการคัดเลือกกบเพศผู้ เพศเมียที่มีสุขภาพสมบูรณ์ และมีอัตราการเจริญเติบโตปกติสม่ำเสมอ มีรูปร่างสมส่วนตามสายพันธุ์ ไม่มีบาดแผลตามลำตัว และปราศจากโรค
2.2 การเลี้ยงเพื่อทำพ่อ-แม่พันธุ์ ควรเลี้ยงแยกเพศ
2.3 ระหว่างการเลี้ยงเพื่อทำพ่อ-แม่พันธุ์ ควารมีการเสริมวิตามินป้องกัน การเกิดโรค และช่วยการพัฒนารังไข่และน้ำเเชื้อให้สมบูรณ์
2.4 อัตราที่ปล่อยเลี้ยง 30 ตัวต่อตารางเมตร
2.5 ภายในบ่อควรใส่วัสดุสำหรับเป็นที่หลบซ่อน
2.6 พ่อ-แม่พันธุ์ที่พร้อมและสมบูรณ์เพศควรมีอายุตั้งแต่ 1-2 ปี5)การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์
1. ล้างทำความสะอาดบ่อเพาะพันธุ์ก่อนที่จะทำการเพาะด้วยด่างทับทิมเข้มข้น2. เติมน้ำสะอาดใส่บ่อให้ลึกประมาณ 5-7 ซม.
3. เตรียมฝนเทียม
6)การคัดพ่อ-แม่พันธุ์
1. แม่พันธุ์ตัวที่มีไข่ส่วนท้องจะขยายใหญ่2. การคัดเลือกพ่อพันธุ์ เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์กบตัวผู้จะส่งเสียงร้องเสียง
7) การผสมพันธุ์
1. ปล่อยพ่อ-แม่พันธุ์ลงไปในบ่อที่เตรียมไว้แล้ว โดยใช้อัตราส่วนตัวผู้ต่อตัวเมีย จำนวน 1:1 ต่อพื้นที่ 1 ตร.ม. และจะต้องทำการปล่อยให้กบผสมกันในตอนเย็น
2. เมื่อปล่อยกบลงไปแล้วจึงเปิดฝนเทียมเพื่อเป็นการกระตุ้นให้กบจับคู่ผสมพันธุ์3. กบจะจับคู่ผสมพันธุ์และจะปล่อยไข่ตอนเช้ามืด
8) การอนุบาลลูกกบ
1. เมื่อไข่กบฟักออกเป็นตัวแล้วช่วงระยะ 2 วันยังไม่ต้องให้อาหาร - อายุ 3 - 7 วัน ให้อาหาร 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว จำนวน 5 มื้อต่อวัน
9) การเปลี่ยนถ่ายน้ำ
1. เมื่อลูกอ๊อดฟักออกเป็นตัวจะต้องเพิ่มระดับน้ำในบ่อขึ้นเรื่อยๆจนอยู่ที่ระดับความลึก 30 ซม.
2. ลูกอ๊อดอายุครบ 4วัน จะต้องทำาการย้ายบ่อครั้งที่ 1และระดับน้ำที่ใช้เลี้ยงควรอยู่ที่ระดับ 30 ซม.
3. เปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวันๆ ละ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
4. ทุกๆ 3-4 วัน ทำการย้ายบ่อพร้อมกับคัดขนาดลูกอ๊อด
5. เมื่อลูกอ๊อดเริ่มเข้าที่ขาหน้าเริ่มงอกต้องลดระดับน้ำในบ่อลงมาอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 5-10 ซม. และจะต้องใส่วัสดุที่ใช้สำหรับเกาะอาศัยลงไปในบ่อ เช่น ทางมะพร้าว แผ่นโฟม เป็นต้น10)การคัดขนาดลูกกบนา
1. ลูกอ๊อดในบ่อเดียวกันเมื่อเลี้ยงไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์หลังฟักออกจากไข่จะเริ่มมีขนาดไม่เท่ากัน เนื่องจากการที่กบกินอาหารไม่ทันกันดังนั้นจึงต้องทำการคัดขนาด เมื่อลูกอ๊อดอายุได้ประมาณ 7 - 10 วัน โดยการใช้ตะแกรงคัด2. ทุก 3-4 วันทำการคัดขนาด แยกบ่อ
1)การเลือกสถานที่สร้างคอกกบ หรือ บ่อเลี้ยงกบ
1. ควรเป็นที่ที่อยู่ใกล้บ้าน สะดวกต่อการดูแลรักษา และป้องกันศัตรูได้
2. เป็นที่สูง ที่ดอน เพื่อป้องกันน้ำท่วม
3. พื้นที่ราบเสมอ สะดวกต่อการสร้างคอกและแอ่งน้ำในคอก
4. ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกต่อการถ่ายเทน้ำ
5. ให้ห่างจากถนน เพื่อป้องกันเสียงรบกวน กบจะได้พักผ่อนเต็มทีและโตเร็ว2)บ่อหรือคอกเลี้ยงกบ
สถานที่ที่จะทำบ่อเลี้ยงกบ ไม่ว่าจะเป็นสภาพบ่อปูนหรือคอกเลี้ยง จะต้องไม่ควรอยู่ไกลจากที่อยู่อาศัยมากนัก เพราะศัตรูของกบมีมากโดยเฉพาะกบนั้นเมื่อตกใจเพราะมีภัยมา3)พันธุ์กบที่นำมาเลี้ยง
กบที่เหมาะสมจะนำมาเพาะเลี้ยงนี้ ได้แก่ กบนา ซึ่งถ้าเลี้ยงอย่างถูกต้องตามวิธีการและใช้เวลาเพียง 4-5 เดือน จะได้กบขนาด 4-5 ตัว/ กก. เป็นกบที่มีความเจริญเติบโตเร็ว4)การเพาะพันธุ์กบ
การเตรียมพ่อ-แม่พันธุ์กบนาโดย
1. รวบรวมจากธรรมชาติหรือหาซื้อจากแหล่งเพาะเลี้ยงกบอื่นๆ ที่เชื่อถือได้
2. พ่อ-แม่พันธุ์จากที่เลี้ยงไว้เพาะพันธุ์ขึ้นเอง
2.1 ทำการคัดเลือกกบเพศผู้ เพศเมียที่มีสุขภาพสมบูรณ์ และมีอัตราการเจริญเติบโตปกติสม่ำเสมอ มีรูปร่างสมส่วนตามสายพันธุ์ ไม่มีบาดแผลตามลำตัว และปราศจากโรค
2.2 การเลี้ยงเพื่อทำพ่อ-แม่พันธุ์ ควรเลี้ยงแยกเพศ
2.3 ระหว่างการเลี้ยงเพื่อทำพ่อ-แม่พันธุ์ ควารมีการเสริมวิตามินป้องกัน การเกิดโรค และช่วยการพัฒนารังไข่และน้ำเเชื้อให้สมบูรณ์
2.4 อัตราที่ปล่อยเลี้ยง 30 ตัวต่อตารางเมตร
2.5 ภายในบ่อควรใส่วัสดุสำหรับเป็นที่หลบซ่อน
2.6 พ่อ-แม่พันธุ์ที่พร้อมและสมบูรณ์เพศควรมีอายุตั้งแต่ 1-2 ปี5)การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์
1. ล้างทำความสะอาดบ่อเพาะพันธุ์ก่อนที่จะทำการเพาะด้วยด่างทับทิมเข้มข้น2. เติมน้ำสะอาดใส่บ่อให้ลึกประมาณ 5-7 ซม.
3. เตรียมฝนเทียม
6)การคัดพ่อ-แม่พันธุ์
1. แม่พันธุ์ตัวที่มีไข่ส่วนท้องจะขยายใหญ่2. การคัดเลือกพ่อพันธุ์ เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์กบตัวผู้จะส่งเสียงร้องเสียง
7) การผสมพันธุ์
1. ปล่อยพ่อ-แม่พันธุ์ลงไปในบ่อที่เตรียมไว้แล้ว โดยใช้อัตราส่วนตัวผู้ต่อตัวเมีย จำนวน 1:1 ต่อพื้นที่ 1 ตร.ม. และจะต้องทำการปล่อยให้กบผสมกันในตอนเย็น
2. เมื่อปล่อยกบลงไปแล้วจึงเปิดฝนเทียมเพื่อเป็นการกระตุ้นให้กบจับคู่ผสมพันธุ์3. กบจะจับคู่ผสมพันธุ์และจะปล่อยไข่ตอนเช้ามืด
8) การอนุบาลลูกกบ
1. เมื่อไข่กบฟักออกเป็นตัวแล้วช่วงระยะ 2 วันยังไม่ต้องให้อาหาร - อายุ 3 - 7 วัน ให้อาหาร 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว จำนวน 5 มื้อต่อวัน
9) การเปลี่ยนถ่ายน้ำ
1. เมื่อลูกอ๊อดฟักออกเป็นตัวจะต้องเพิ่มระดับน้ำในบ่อขึ้นเรื่อยๆจนอยู่ที่ระดับความลึก 30 ซม.
2. ลูกอ๊อดอายุครบ 4วัน จะต้องทำาการย้ายบ่อครั้งที่ 1และระดับน้ำที่ใช้เลี้ยงควรอยู่ที่ระดับ 30 ซม.
3. เปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวันๆ ละ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
4. ทุกๆ 3-4 วัน ทำการย้ายบ่อพร้อมกับคัดขนาดลูกอ๊อด
5. เมื่อลูกอ๊อดเริ่มเข้าที่ขาหน้าเริ่มงอกต้องลดระดับน้ำในบ่อลงมาอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 5-10 ซม. และจะต้องใส่วัสดุที่ใช้สำหรับเกาะอาศัยลงไปในบ่อ เช่น ทางมะพร้าว แผ่นโฟม เป็นต้น10)การคัดขนาดลูกกบนา
1. ลูกอ๊อดในบ่อเดียวกันเมื่อเลี้ยงไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์หลังฟักออกจากไข่จะเริ่มมีขนาดไม่เท่ากัน เนื่องจากการที่กบกินอาหารไม่ทันกันดังนั้นจึงต้องทำการคัดขนาด เมื่อลูกอ๊อดอายุได้ประมาณ 7 - 10 วัน โดยการใช้ตะแกรงคัด2. ทุก 3-4 วันทำการคัดขนาด แยกบ่อ
ข้อพึงระวัง ->