การต่อเรือ
โดย : นายยูโสบ เกษม วันที่ : 2017-09-06-09:23:31ที่อยู่ : 142 ม.3 ต.แหลมสน
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
“ช่างต่อเรือประมง” เป็นอาชีพถือกำเนิดขึ้นในบริเวณจังหวัดที่มีพี้นที่ติดต่อกับชายทะเล และมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมีการทำประมง จึงทำให้การต่อเรือประมงได้เติบโตขึ้นตามลำดับ ส่วนใหญ่งานช่างด้านนี้จะดำเนินกิจการโดยคนไทย และใช้ไม้ในการต่อเรือ ซึ่งกว่าจะทำได้สำเร็จในแต่ละขั้นตอนต้องใช้ช่างและลูกมือที่มีประสบการณ์มากเป็นทีมงาน มีการแบ่งภาระหน้าที่ไปตามความถนัดความสามารถของช่างแต่ละคน สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือการต่อเรือประมงส่วนใหญ่จะไม่ใช้พิมพ์เขียว (แบบเขียว) ในการออกแบบเรือการต่อแต่ละลำช่างจะใช้ประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาเป็นเครื่องกำหนดกะคำนวณแบบสัดส่วนให้ได้ขนาดรูปทรงเรือที่ต้องการ
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อออกทะเลหาปลา ประกอบอาชีพประมง
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
วัตถุดิบที่ใช้ในการต่อเรือประมง ประกอบด้วยไม้แสม ไม้ประดู่ ไม้ตะเคียน ด้ายดิบ ชันยาเรือ สีสำหรับทาเรือ แผ่นโฟม และมีเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ด้วยมือ และเครื่องมือไฟฟ้าเป็นต้น
อุปกรณ์ ->
ไม้แสม ไม้ประดู่ ไม้ตะเคียน ด้ายดิบ ชันยาเรือ สีสำหรับทาเรือ แผ่นโฟม และมีเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ด้วยมือ และเครื่องมือไฟฟ้าเป็นต้น
กระบวนการ/ขั้นตอน->
ขั้นตอนกระบวนการผลิต / วิธีทำ (Know how) ในขั้นเตรียมการจะประกอบด้วย เตรียมหาไม้ตามชนิดที่ต้องการใช้งาน และเตรียมเครื่องมือที่ใช้ในการต่อเรือทุกชนิด พอได้พร้อมตามเนื้องานแล้วจึงดำเนินขั้นตอนการต่อเรือ ซึ่งสามารถแบ่งขั้นตอนได้ดังนี้
๑. วางกระดูกงู เป็นขั้นตอนแรกของการต่อเรือ กระดูกงูเปรียบได้กับสันหลังของคนจึงต้องวางไม้กระดูกงูที่ดัดโค้งไปตามรูปท้องเรือให้โค้งกับน้ำ (ตามเครื่องวัดระดับด้วยปรอทและขึงเชือกให้ตรง) ในการวางกระดูกงูที่ต้องทำบวงสรวง “แม่ย่านาง” ด้วยผ้าแดง ผ้าขาว และเงิน ๙ บาท พร้อมดอกไม้ธูปเทียนหลังวางกระดูกงูเสร็จ
๒. ตั้งโขนเรือหรือทวนหัว โขนคือไม้ที่เสริมหัวเรือและท้ายเรือให้งอนเชิดขึ้น (เรียกว่าแม่ย่านาง) โขนจะต่อมาจากกระดูกงูเรือ
๓. ตั้งทวนท้ายหรือหลักทรัพย์ เป็นขั้นตอนการต่อตะเกียบยื่นออกไปให้ได้รูปทรงทำให้เรือเป็นรูปสามเหลี่ยม
๔. วางกงเป็นโครงเรือ วางพาดไปตามความยาวของเรือเป็นหลักให้กงตั้งซึ่งจะติดกับกงยาก กงตั้งจะโค้งไปตามลักษณะความลึกของท้องเรือ ตั้งแต่หัวเรือขนานกันไปเรื่อย ๆ จนถึงท้ายเรือ
๕. วางตะเข้เรือ ทับกับกงตั้งอีกทีหนึ่งเพื่อให้เรือแข็งแรง เสริมกระดูกงูให้แข็งแรงขึ้น
๖. ขึ้นราใบที่อยู่ด้านในของเรือ เพื่อยึดเรือให้แข็งแรงโดยการตีทับกงตลอดลำเรือจากหัวเรือถึงท้ายเรือ
๗. ขึ้นกระดานเรือ คือการวางกระดานเรือตั้งแต่ด้านล่างสุดมาถึงด้านบนตรงกาบเรือโดยไม่ใช้ตะปู แต่ใช้ไม้ทำเป็นรูปสลักแทน (ทำจากไม้เนื้อแข็งเช่น ไม้แสมสาร ไม่ประดู่ ไม้ตะเคียน ฯลฯ)
๘. ใส่กงดาดฟ้าหรือวางคาน ปูกระดานดาดฟ้าเป็นลายอเนกประสงค์
๙. ติดราโทด้านข้าง เพื่อความแข็งแรงยิ่งขึ้นและมีกาบอ่อนในอยู่ด้านนอกของตัวเรือ
และปิดกาบอ่อนในให้ดูเรียบร้อยสวยงามด้วยการตีปิดหัวกง
๑๐. ทำห้องเย็นอยู่ด้านหน้าของหัวเรือใช้เก็บปลา ต้องมีการอัดด้วยโฟมทุกด้านภายในห้องเย็น และส่วนนี้ของตัวเรือมีเนื้อที่มากที่สุดเพราะหากตัวเรือใหญ่เท่าไรจำนวนห้องเย็นก็จะมีพื้นที่มากตาม เพื่อประโยชน์ในการใช้สอยเก็บปลาเก็บกุ้งและอื่น ๆ ได้เต็มที่
๑๑. ทำเก๋งเรือ เป็นการต่อโครงสร้างยกให้สูงขึ้นกว่าดาดฟ้า เป็นห้องเล็ก ๆ มีหลังคากันฝนเป็นทั้งห้องบังคับเรือ (สูงมองได้ไกล) และเป็นที่พักผ่อนหลับนอนของลูกเรือและไต้ก๋งเรือ
๑๒. วางเครื่องยนต์ไว้ชั้นล่างของตัวเรือ บริเวณส่วนท้องเรือมีไม้สองท่อนวางขนานกันและเชื่อมกับใบทวนเรือซึ่งยื่นออกไปหลังหลักทรัพย์ท้ายเรือ
๑๓. ตอกหมันด้วยการนำด้ายดิบผสมชันยาเรือ พร้อมไปกับน้ำมันยางผสมปูนแดงเพื่ออุดรูสลักและรอยต่อระหว่างแผ่นกระดานเพื่อป้องกันน้ำรั่วเข้าไปภายในเรือ
๑๔. ทาสีเรือ เพื่อกันแดดกันฝน กันน้ำ กันตัวเพรียง บริเวณท้องเรือและกระดานเรือมักนิยมทาสีเขียว ส่วนราโทและกาบอ่อนมักจะทาสีส้มกับสีขาว
ข้อพึงระวัง ->
การวัดแบบความมีสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะไม่ฉนั้นจะเกิดความคลาดเคลื่อน