ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

การเลี้ยงโคขุน เป็นการเลี้ยงโคที่ยังอายุน้อยให้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ โดยการให้อาหารแก่โคที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งอาหารหยาบ และอาหารข้นอย่างเต็มที่ ในสภาพการเลี้ยงแบบขังคอกอย่างเดียวหรือร่วมกับการปล่อยแปลงหญ้า โคขุนที่นิยมเลี้ยงและนำมาขุนกันตามไร่สวนเป็นโคลูกผสมชาร์โรเลย์ หาซื้อได้ตามตลาดนัดโคกระบือหรือจากไร่สวนต่างๆที่นำลูกโคประมาณ 10-13 เดือนมาขาย การเลี้ยงโคขุนแบบใช้เทคโนโลยีแบบยั่งยืนผสมผสานกับภูมิปัญญาไทย จะได้โคขุนที่มีประสิทธิภาพใช้การเลี้ยงแบบ"ปศุสัตว์อินทรีย์" จะได้ปลอดภัยจากสารเคมีต้นทุนไม่สูง

การเลี้ยงโคขุนนอกจากจะได้กำไรจากการขายโคแล้วประโยชน์ทางอ้อมที่ได้อีกทางหนึ่ง คือมูลโคเป็นปุ๋ยคอกได้อย่างดี ใช้ใส่ในนาข้าว,พืชไร่ เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำให้ดินร่วนซุย พืชงามตลอดปีผลผลิตที่ได้ก็จะปลอดภัยจากสารเคมีแถมยังไม่ทำลายดินและน้ำ ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมให้ยั่งยืนทั้งเศรษฐกิจ,ครอบครัว เกษตรกรพึงตนเองได้อย่างมั่นคงมีความยั่งยืนทางด้านสังคมมีการคบค้าสมาคมกันระหว่างพ่อค้าโคขุนกลุ่มสหกรณ์และผู้เลี้ยงโคขุนเองทุกอย่างเกื้อกูลกัน

วัตถุประสงค์ ->

1) เพื่อจำหน่าย

          2) เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

          3) เพื่อสร้างกลุ่มอาชีพให้เข้มแข็ง

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

อุปกรณ์ ->

๑) โรงเรือนสำหรับเลี้ยงโคขุน

          ๒) พื้นคอก
          ๓) รั้วกั้นคอก
๔) รางอาหาร
๕) อ่างน้ำ
๖) มุ้ง

กระบวนการ/ขั้นตอน->

เทคนิคในการเลี้ยงโคขุนให้ได้น้ำหนักดีโตเร็ว ง่ายๆ คือให้อาหารวันละ 2 เวลา เช้า-เย็นตามน้ำหนักตัวของโคขุนและที่สำคัญต้องให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ อาหารที่ให้กับโคขุนได้แก่

๑) อาหารข้นหรือหัวอาหาร 1% ควรรับมาจากสหกรณ์ตามท้องถิ่นจะได้ปลอดภัยในการผลิตว่าไร้สารเคมีจริงๆแต่ถ้ามีเวลาก็สามารถผลิตหรือทำเองได้ครับ

๒) หญ้าสด 4% เกี่ยวตามไร่ตามสวนหรือที่นิยมก็ปลูกหญ้าเนเปียร์ไว้เป็นอาหารโปรดของโคขุน ฟาง 3%และกากน้ำตาลโรยบนฟางให้โคกินเพราะกากน้ำตาลจะเพิ่มไขมันให้โคขุน

๓) แร่ธาตุและน้ำ แร่ธาตุก็แขวนไว้ที่โรงเรือนที่เลี้ยงโค ให้โคขุนเพื่อเสริมแร่ธาตุให้กับตัวโคขุนเอง ข้อสำคัญต้องหมั่นทำความสะอาดโรงเรือนอย่างสม่ำเสมอ

ข้อพึงระวัง ->

1) ควรหมั่นรักษาความสะอาดของโรงเรือนเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาด