ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

นายอภิศักดิ์  ศีลธรรม ปราชญ์ชาวบ้าน มีอาชีพทำการเกษตร ซึ่งอาชีพทำการเกษตรที่เป็นอาชีพหลัก จะประกอบอาชีพทำนา และทำสวน องค์ความรู้เรื่องการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และทำน้ำหมักชีวภาพ ท่านได้รับองค์ความรู้มาจากการที่หมู่บ้านได้คัดเลือกให้ท่านเป็นหมอดินอาสา การเป็นหมอดินอาสาสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ ได้สนับสนุนให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินให้กับหมอดิน ซึ่งท่านก็ได้เข้าร่วมอบรม และเข้าร่วมศึกษาดูงาน ณ หมู่บ้านอนุรักษ์ควาย จังหวัดสุพรรณบุรี และศูนย์อินแปง อำเภอ   ภูพาน จังหวัดสกลนคร ซึ่งทำให้ท่านได้รับความรู้ในการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และน้ำหมักชีวภาพ  โดยได้นำ   มาปรับใช้ในการประกอบอาชีพของตนเอง อีกทั้งได้เผยแพร่ให้ประชาชนในหมู่บ้านได้นำวิธีการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และน้ำหมักชีวภาพ ไปใช้ในการประกอบอาชีพการเกษตร

วัตถุประสงค์ ->

เพื่อลดต้นทุนการผลิต

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

อุปกรณ์ ->

ถังน้ำหมัก

กระบวนการ/ขั้นตอน->

การจัดทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และน้ำหมักชีวภาพ ปราชญ์ชาวบ้านได้มีการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และ      น้ำหมักชีวภาพ โดยมีสูตรมนการทำดังนี้

                   ๑. ปุ๋ยลูกระเบิด

                             -ดินจอมปลวก             จำนวน           ๑        กิโลกรัม

                             -ดินร่วน                    จำนวน           ๑        กิโลกรัม

                             -ถ่านบดเป็นผง            จำนวน           ๑        กิโลกรัม

                             -นมเปรี้ยว (ยาคูลท์)       จำนวน           ๑        กิโลกรัม

                             -ปุ๋ยคอก                    จำนวน           ๑        กิโลกรัม

                             -น้ำเปล่า

          โดนนำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำเปล่าลงไปจนกว่าดินจะเปียกและสามารถปั้นเป็นวงกลมได้

 

 

 

                   ๒. น้ำหมักชีวภาพ

                             -ต้นกล้วย, ต้นมะละกอ    จำนวน           ๒๐      กิโลกรัม

                             -กากน้ำตาล               จำนวน           ๒๐      กิโลกรัม

                             - น้ำ                        จำนวน           ๔๐      กิโลกรัม

          โดยนำวัสดุต้นกล้วย และต้นมะละกอ มาสับให้ละเอียด แล้วนำมาใส่ถังใส่กากน้ำตาล น้ำเปล่า    หมักไว้ประมาณ ๓๐ วัน แล้วนำมาผสมน้ำเพื่อใช้ในการใส่พืชทางการเกษตรต่อไป

ข้อพึงระวัง ->