ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

          ขนมต้มเป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติหวาน นุ่มกลมกล่อม เคี้ยวนุ่มลิ้น แถมมีความหอมของกลิ่นมะพร้าวและใบเตย พบได้มากตามงานมงคลต่างๆ เนื่องจากความเชื่อว่าขนมต้มเป็นขนมมงคล ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ เป็นขนมไทยที่มีส่วนร่วมในวิถีชีวิตไทยในทุกเทศกาลและโอกาสต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความผูกพันและเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไทยตั้งแต่สมัยโบราณ

วัตถุประสงค์ ->

          1) เพื่อบริโภคและจำหน่าย

          2) เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

          3) เพื่อสร้างกลุ่มอาชีพให้เข้มแข็ง

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

1) แป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่
2) น้ำใบเตยคั้น
3) มะพร้าวขูดสำหรับทำไส้ขนม
4) น้ำตาลปี๊บ

อุปกรณ์ ->

๑) ภาชนะสำหรับคลุกเคล้าส่วนผสม
๒) กระทะทองเหลือง
๓) หม้อ

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1) ตั้งกระทะทองเหลืองบนไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทราย และมะพร้าวขูด (สำหรับทำไส้) กวนให้น้ำตาลละลายหมด เคี่ยวประมาณ 15-20 นาที จนมะพร้าวอิ่มน้ำตาล จึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น และนำมาปั้นเป็นก้อนกลม เรียงใส่ภาชนะปิด จากนั้นจึงนำไปอบด้วยควันเทียน พักไว้
2) นำมะพร้าวขูดขาวสำหรับใช้คลุกกับขนม ไปนึ่งให้ร้อน เสร็จแล้วนำไปคลุก กับเกลือป่น พักไว้
3) เตรียมทำส่วนของตัวแป้ง โดยผสมแป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่กับน้ำเปล่าและน้ำใบเตยที่ละน้อย ลงในชามใบใหญ่ ค่อยๆ นวดจนนุ่ม เหนียว หาฝาปิด พักไว้รอปั้น
4) ปั้นส่วนผสมของตัวแป้งเป็นก้อนกลม กดให้แบนเป็นแผ่นกลมบาง (อย่าให้แป้งหนาเกิน) และวางไส้ที่ปั้นรอไว้ (ขั้นตอนที่ 1) ลงตรงกลางแผ่นแป้ง เสร็จแล้วห่อไส้ให้มิด ทำจนหมด
5) ต้มน้ำในหม้อบนไฟปานกลาง นำก้อนแป้งห่อไส้ที่ปั้นรอไว้ (ขั้นตอนที่ 4) ลงไปต้มจนสุก (เมื่อตัวขนมสุกจะลอยขึ้น) ใช้ทัพพีตักขึ้น จากนั้นนำแป้งที่สุกแล้วไปคลุกกับมะพร้าวนึ่งคลุกเกลือ (ขั้นตอนที่ 2) เป็นอันเสร็จ

6) จัดขนมใส่จาน เสิร์ฟเป็นของหวานหลังมื้ออาหาร หรือเป็นของว่างในวันสบายๆ

ข้อพึงระวัง ->

          ต้องใส่ใจและระมัดระวังในการเรื่องของความสะอาดและการทำให้ถูกสุขลักษณะ