ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

น้ำพริกลาบเป็นหัวใจของลาบเมือง (ลาบพื้นเมืองล้านนา) โดยน้ำพริกลาบ คือ เครื่องเทศที่ตำเข้าด้วยกันและใช้เป็นเครื่องปรุงหลักของลาบเมือง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “น้ำพริกดำ” ด้วยสีของเครื่องที่มีสีดำคล้ำ คุณภาพของน้ำพริกลาบวัดจากความลงตัวของส่วนผสมและเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความอร่อยของลาบเมือง สำหรับรสชาติแท้ ๆ ของน้ำพริกลาบจะต้องมีความเผ็ดร้อน เค็มและกลิ่นจัดจ้าน

การประกอบอาหารในภาคเหนือนอกจากใช้น้ำพริกลาบกับลาบแล้วยังใช้เป็นเครื่องปรุงหลักในอาหารจานอื่น ๆ และเนื่องจากลาบเป็นอาหารที่คล้ายกับยำที่ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน อาหารจานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นซุปหรือแกงจึงใช้ชื่อนำหน้าว่ายำด้วยเช่นกัน

ในอดีตเมื่อครั้งลาบได้รับการเตรียมกันในหมู่บ้าน ผู้ที่รับหน้าที่เตรียมน้ำพริกลาบในโอกาสต่าง ๆ คือผู้ที่มีความสามารถและประสบการณ์สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปีและมีรสมือในการผสมเครื่องปรุงเข้ากันได้อย่างลงตัว

แต่ในปัจจุบันนี้ สามารถหาซื้อน้ำพริกลาบพร้อมรับประทานได้ทั่วไปจากตลาด มียี่ห้อต่างๆและส่วนผสมเครื่องเทศและความเข้มข้นของที่แตกต่างกันจำหน่าย ซึ่งน้ำพริกลาบแบบสำเร็จนี้ช่วยประหยัดเวลาได้มากและครัวเรือนต่าง ๆ สามารถทำลาบรับประทานได้ทุกวัน

โดยทั่วไปแล้ว นิยมนำน้ำพริกลาบที่มีความเผ็ดร้อนให้แก่ลาบเนื้อวัวหรือเนื้อควายเนื่องจากลาบประเภทนี้มีรสคาวและใช้น้ำพริกลาบที่มีรสชาติปานกลางกับลาบหมู ลาบไก่และลาบเป็ดหรือใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารจานอื่น ๆ

วัตถุประสงค์ ->

เพื่อสร้างรายได้

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

ข่า

ตะไคร้

พริก

กระเทียม

มะแขว่น

เม็ดผักชี

เกลือ

อุปกรณ์ ->

โครก

กะละมัง

ทัพพี

ถาด

กระดาษ

แม็ก

ถุง

 

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1.            ทำการล้างตะไคร้ ข่าให้สะอาด แล้วทำการซอยตะไคร้ซอยเป็นแว่นๆบางๆ ข่าก็หั่นเป็นแว่นสูตรนี้ใช้สัก 4 แว่น แกะหอมแดง และกะเทียมล้างและทำความสะอาดเช่นกัน

2.            จากนั้นนำกะทะตั้งเตาเปิดเตาให้กะทะร้อน  นำพริกแห้ง ตะไคร้ ข่า  หัวหอม กะเทียม  มะแลบ  มะแขว่น เม็ดผักชี ลงไปคั่วให้หอมใส่ลงไปพร้อมๆกันได้เลย เราจะคั่วไปเรื่อยจนกว่าพริกแห้งจะเป็นสีดำ ดำแต่ไม่ไหม้  คือให้มันดำๆกรอบๆ  ให้ไฟอ่อน - กลางๆ ระหว่างนี้อาจจะต้องเอา เด็ดผักชี  มะแลบ และมะแข่น ออกก่อน เพราะเครื่องเทศ ที่ว่ามานี้สุกไว (กรอบไว เดี๋ยวจะไหม้เอา) ส่วนที่สามารถคั่วไปกับพริกได้คือ หอมแดง กับกระเทียม ให้พอสุกหอม

3.            ระหว่างนี้อาจจะให้ใบตองห่อกะปิ แล้วนำไป ย่างในกะทะได้ด้วยเช่นกัน ให้ทัพพีกดๆ ให้พอใบตองไหม้นิดหน่อย ให้กลิ่นกะปิหอมเป็นใช้ได้

4.            เมื่อได้พริกที่สีออกดำๆกรอบๆ แต่ไม่ไหม้เรียบร้อยแล้ว  จากนั้นเราจะทำการโขลกส่วนผสมต่างๆที่เราได้ทำการคั่วไป ตามด้วยเกลือ

5.            ทำการตำๆๆ ตำแหลกๆ  จากนั้นจ๊ะใส่กะปิที่เราย่างกับใบตอง แกะมันออกมาจากใบตองแล้วก็ ใส่ลงไปในครก ทำการตำๆๆ ตำให้เป็นเนื้อเดียวกัน

 

ข้อพึงระวัง ->