การปลูกกาแฟ
โดย : นายนวล ต๊ะคำ วันที่ : 2017-06-29-11:24:16ที่อยู่ : บ้านป่าเหมี้ยง ม.7 ต.แจ้ซ้อน
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
หมู่บ้านป่าเหมี้ยงเป็นหมู่บ้านเดี่ยวบนภูเขาสูง ในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ ต้นน้ำ และสัตว์ป่า เป็นต้นกำเนิดน้ำแม่ปาน ที่หล่อเลี้ยงประชากร อ.เมืองปานมาจนถึงปัจจุบัน บ้านป่าเหมี้ยงตั้งอยู่ หมู่ที่7 ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง มีจำนวนครัวเรือน 137 ครัวเรือน จำนวนประชากร 448 คน ชาวบ้านมีวิถีชีวิตอยู่กับป่า ประกอบอาชีพทำสวนเหมี้ยงมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เหมี้ยงจึงเป็นไม้ตระกูลชาที่ได้นามว่า “โคตรชาพญาเหมี้ยง” หมู่บ้านป่าเหมี้ยงมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ภูเขาสูง 1000- -1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีอุณหภูมิอยู่ที่ 3-25 องค์ศา ทำให้โครงการหลวงเล็งเห็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบีก้า ชาวบ้านจึงได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้การปลูกกาแฟจากโครงการหลวง ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพเสริม โดยการปลูกกาแฟควบคู่กับต้นเหมี้ยง เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปในตัวอีกด้วย
วัตถุประสงค์ ->
ปัจจุบันตลาดผู้บริโภคเหมี้ยงหมักมีจำนวนลดลง ชาวบ้านหันมาปลูกกาแฟเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผลผลิตจากกาแฟในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวชาวบ้านได้นำผลกาแฟสุก(กาแฟเชอรี่)ขายพ่อค้าคนกลาง มีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ10-20 บาท ซึ่งเป็นตลาดกาแฟราคาถูก เมื่อนำมาขัดสีและตากแห้งเป็นกาแฟกะลา ขายให้กับโครงการหลวง มีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-150 บาท ราคาขึ้นอยู่กับตลาดกาแฟในแต่ละปี และเมื่อนำกาแฟกะลามาแปรรูปเป็นกาแฟคั่ว จะมีราคาสูงขึ้นกิโลกรัมละ350- 500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทางกลุ่มเยาวชนได้เล็งเห็นความสำคัญของการแปรรูปผลผลิตจากกาแฟคั่วบดที่สามารถนำมาต่อยอดการขายได้ จึงรวมกลุ่มสมาชิกจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขึ้นภายใต้ชื่อ “ กลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปกาแฟบ้านป่าเหมี้ยง”
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
การแปรรูปกาแฟ แนวคิดการแปรรูปกาแฟเกิดจากสมาชิกในกลุ่มเล็งเห็นถึงโอกาสและ ช่องทางด้านการตลาดของกาแฟ เนื่องจากกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจ อันดับที่2 รองจากน้ำมัน และสมาชิกในกลุ่มมีการประกอบอาชีพปลูกกาแฟ อีกทั้งทางกลุ่มมีโอกาสออกแสดงและจำหน่ายสินค้าในชุมชน ในงานนิทรรศการ และตลาดกาแฟออนไลน์ จึงเห็นว่าตลาดกาแฟมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทางโครงการหลวงจึงเข้ามาส่งเสริมให้สมาชิกเกษตรกรปลูกกาแฟเพิ่มมากขึ้น และขอตรวจใบรับรองเกษตรปลอดภัย ซึ่งเป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง
การแปรรูปกาแฟ แบบเปียก (Wet process or Wash process)
โดยการนำผลกาแฟสุกที่เก็บได้มาปอกเปลือกนอกทันที โดยเครื่องปอกเปลือก กำจัดเมือกโดยวิธีการหมักตามธรรมชาติ (Natural Fermentation) เป็นวิธีการที่ปฏิบัติดั้งเดิม โดยนำ เมล็ดกาแฟที่ปอกเปลือกออกแล้วมาแช่ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง นำเมล็ดกาแฟที่ล้างด้วยน้ำสะอาดมาเทลงบนลานตาก หรือเทลงบน ตาข่ายพลาสติกบนแคร่ไม้ไผ่ ใช้เวลาตากประมาณ 7 -10 วัน
ข้อพึงระวัง ->