การทำการเกษตรแบบผสมผสาน
โดย : นางจันทรา บุญลาด วันที่ : 2017-03-29-18:42:06ที่อยู่ : 53 หมู่ที 4 ตำบลอีง่อง
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ครอบครัวของดิฉันได้ดำรงชีวิต “ตามรอยพ่อ” หรือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยู่หัว มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ดิฉันได้เริ่มศึกษาเรียนรู้ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง
เมื่อปี 2554 มาจนถึงปัจจุบัน เกือบ 6 ปี ดิฉันรู้สึกภาคภูมิเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น ซึ่งมีหลาย ๆ
หน่วยงานที่ได้มอบเห็นความถึงความสำคัญ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้มาเยี่ยมชมศึกษาดูงาน จนได้รับรางวัลต่าง ๆ
มากมาย พร้อมทั้งยังได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนา ฝึกอบรม ไปศึกษาดูงาน ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจ
แก่วงศ์ตระกูลยิ่งนักหลักการที่ดิฉัน และครอบครัวได้ยึดหมั่นและปฎิบัติตามรอยพ่อ มีดังนี้
การพอมีพอกิน ดิฉันได้ปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินกันเอง เลี้ยงกบ ไก่ ปลาไว้หลังบ้าน เพื่อที่จะมีไว้กินเองใน
ครัวเรือน บ้างก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน หรือนำไปขายเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว
การพออยู่พอใช้ ดิฉันได้จัดทำบ้านให้น่าอยู่ ปราศจากสิ่งปฎิกูล ขยะมูลฝอย หรือสารเคมีต่าง ๆ ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี
การพออกพอใจ คือ การรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากมีเช่นคนอื่น ดิฉันจะปลูกฝั่งการอดออมให้กับ
ลูกหลานในครอบครัวอยู่เสมอ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นต้น
ดิฉัน และครอบครัว จะยึดหลักความประหยัด (ประหยัดในที่นี้ไม่ใช่การตระหนี่ แต่เป็นการฝึกวางแผนการใช้จ่าย
รู้จักประโยชน์ใช้สอยของสิ่งนั้นให้คุ้มค่าที่สุด) การตัดทอนรายจ่ายลง เช่น การทำอาหารไว้กินกันเองในครอบครัว โดยการนำวัตถุดิบ
ที่เรามีภายในบ้านมาใช้ประกอบอาหารแน่นอนว่าต้องสด สะอาด และปลอดภัย สุขภาพดี เป็นต้น
วัตถุประสงค์ ->
ครอบครัวของดิฉันได้ดำรงชีวิต “ตามรอยพ่อ” หรือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยู่หัว มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ดิฉันได้เริ่มศึกษาเรียนรู้ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง
เมื่อปี 2554 มาจนถึงปัจจุบัน เกือบ 6 ปี ดิฉันรู้สึกภาคภูมิเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น ซึ่งมีหลาย ๆ
หน่วยงานที่ได้มอบเห็นความถึงความสำคัญ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้มาเยี่ยมชมศึกษาดูงาน จนได้รับรางวัลต่าง ๆ
มากมาย พร้อมทั้งยังได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนา ฝึกอบรม ไปศึกษาดูงาน ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจ
แก่วงศ์ตระกูลยิ่งนักหลักการที่ดิฉัน และครอบครัวได้ยึดหมั่นและปฎิบัติตามรอยพ่อ มีดังนี้
การพอมีพอกิน ดิฉันได้ปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินกันเอง เลี้ยงกบ ไก่ ปลาไว้หลังบ้าน เพื่อที่จะมีไว้กินเองใน
ครัวเรือน บ้างก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน หรือนำไปขายเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว
การพออยู่พอใช้ ดิฉันได้จัดทำบ้านให้น่าอยู่ ปราศจากสิ่งปฎิกูล ขยะมูลฝอย หรือสารเคมีต่าง ๆ ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี
การพออกพอใจ คือ การรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากมีเช่นคนอื่น ดิฉันจะปลูกฝั่งการอดออมให้กับ
ลูกหลานในครอบครัวอยู่เสมอ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นต้น
ดิฉัน และครอบครัว จะยึดหลักความประหยัด (ประหยัดในที่นี้ไม่ใช่การตระหนี่ แต่เป็นการฝึกวางแผนการใช้จ่าย
รู้จักประโยชน์ใช้สอยของสิ่งนั้นให้คุ้มค่าที่สุด) การตัดทอนรายจ่ายลง เช่น การทำอาหารไว้กินกันเองในครอบครัว โดยการนำวัตถุดิบ
ที่เรามีภายในบ้านมาใช้ประกอบอาหารแน่นอนว่าต้องสด สะอาด และปลอดภัย สุขภาพดี เป็นต้น
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
ดิฉันได้ทำการ “เกษตรทฤษฎีใหม่ “ ตามรอยพ่อบนพื้นที่ทั้งหมด 11 ไร่ โดยได้แบ่งเฉลี่ยพื้นที่ใช้สอยเป็นส่วน ๆ ดังนี้
ในส่วนของที่นา 30% ดิฉันจะทำการปลูกข้าวนาปี ซึ่งเก็บเกี่ยวปีละ 1 ครั้ง
ในส่วนของที่ไร่สวน 30% ได้ทำการปลูกพืชผักสวนครัว และพืชไร่ ที่ทานเป็นประจำ เก็บเกี่ยวได้ง่าย หากเหลือก็สามารถนำไปจำหน่ายให้แก่คนในชุมชนได้ เช่น พืชผักสวนครัว พริก ต้นหอม คะน้า ผักกาด แตงกวา มะเขือเทศ มะเขือเปราะ
ถั่วฝักยาว ถั่วพู พืชสวน เช่น มะนาว มะพร้าว กล้วย ผลไม้ เช่น เสาวรส ลูกฟักข้าว มะม่วง
ในส่วนของแหล่งน้ำ 30% จะเลี้ยงปลาหลากหลายชนิดไว้ในหนองคูสระ เลี้ยงกบไว้ในบ่อ ส่วนไก่นั้น
จะเลี้ยงไว้บริเวณรอบบ้าน พื้นที่ติดระหว่างบ้านและสวน ไก่ที่เลี้ยงเป็นไก่พันธุ์ไข่ ผลผลิตที่ได้จะเก็บไว้ทานเอง
และจำหน่ายได้อีกด้วย
ส่วนอีก 10% จะเป็นพื้นที่พักอาศัย ทั้งในส่วนตัวบ้านและศาลารับรอง
ดิฉัน และครอบครัวจะจัดสรรเวลา หลักจากการเสร็จสิ้นภารกิจจากงานหลัก เราจะใช้เวลามาจัดการไร่นา
สวน และบริเวณรอบบ้านของดิฉันให้สะอาด น่าอยู่ น่ามอง อยู่เสมอ นอกจากที่ยังหาเวลามาสร้างสรรค์
นำทรัพยากรที่เหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์ เช่น การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ การนำนมที่เสียแล้วมาใช้รดต้นไม้
เพื่อเพิ่มคุณค่าธาตุอาหารให้แก่ต้นไม้และพื้นดินในบริเวณที่ปลูกพืชผักอีกด้วย (งานหลักประกอบอาชีพส่งนม
โรงเรียนทุ่งกุลา)
ก่อนการตัดสินใจและจะดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ นั้น ควรอยู่ในระดับความพอเพียง ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐาน ค่อยเป็นค่อยไป ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี เตรียมตัวให้พร้อมกับผลกระทบ
และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ควรยึดม่น เดินทางสายกลาง คือ ความพอดี ที่ไม่น้อยเกิดไป
และไม่มากเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น มีเหตุและผล เพื่อให้ปัญหาหรือผลกระทบเกิดขึ้นน้อยที่สุด
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
เทคนิคที่ทำให้เกิดความสำเร็จในการทำงานนั้น ต้องมั่นศึกษา เรียนรู้ หาประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำทรัพยากรที่มีมาทำให้เกิดประโยชน์ หาโอกาสเข้าร่วมประชุม อบรม
สัมมนา ศึกษาดูงาน เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ต้นแบบตามท้องถิ่นต่าง ๆ แล้วนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ ปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องมาปรับใช้แก้ไข ทำตามลำดับขั้นตอน มีความรอบคอบ และระมัดระวัง
ในการดำเนินชีวิต อดทน พากเพียร ซื่อสัตว์สุจริต ยึดถือคุณธรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ และควรมีภูมิคุ้มกันที่ดี
ซึ่งหมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง การใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล
รู้จักออม รู้จักแบ่งผัน ใช้ของอย่างคุ้มค่า ไม่เกินฐานะของตน เป็นต้น
หลักความพอเพียง ซึ่งเพียงพอที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางที่สามารถปรับใช้ชีวิตประจำวันได้ทุกเรื่อง
หากเรารู้จัดใช้ชีวิตตามรอยที่พ่อนำทางไว้ และเมื่อเราเข้าใจถึงแก่นแท้ของคำว่า “พอ” แล้วนั้น จะทำให้เรา
พบ “ความสุข” ที่แท้จริง และหากเรามีภูมิคุ้มกันที่ดี เราจะไม่หวาดหวั่น ต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกแน่นอน
ข้อพึงระวัง ->
ต้องทำด้วยความมานะ ขยัน อดทน และศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ