ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

มีที่นาเป็นของตัวเอง และอาชีพทำนา ก็ทำกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า จึงคิดหันกลับมาทำนาที่เป็นอาชีพที่ทำสืบทอดต่อกันมา ถึงแม้ว่าราคาขายข้าว และผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ในแต่ละฤดู อาจจะมากบ้าง น้อยบ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียใจ ยังคงทำนา ต่อไป ยึดคติที่ว่า หากสองมือสองขาเรายังมีแรง ก็ยังพร้อมที่จะทำและสู้ต่อไป คิดหาวิธีต่างๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ จะก้าวหน้าไปเยอะ และเข้ามามีบทบาทกับการประกอบอาชีพนี้ แต่ก็ไม่ยอมให้มันมามีอิทธิพลกับการทำนามาก ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับเทคโนโลยีสมัยใหม่เลย แต่ต้องเลือกรับ เพื่อปรับให้กระบวนการผลิตมีคุณภาพ และได้ปริมาณมาก หากลองมองย้อนกลับไปในสมัยก่อน การทำนาแทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรมาก อาศัยแค่ความมีน้ำใจและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทยด้วยกัน ผิดกับสมัยนี้ เจ้าของนาเรียกได้ว่าแทบจะเป็นผู้จัดการนา เพราะว่าทุกอย่าง เป็นการจ้างทำ ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงมาก อีกทั้งปุ๋ยเคมี สารเคมี ก็เข้ามามีบทบาทค่อนข้างเยอะเกษตรกรส่วนใหญ่เลยเริ่มไม่ค่อยรู้จักความพอเพียง เพราะมุ่งเห็นแต่ผลกำไร ต้องการให้ได้ผลผลิตมาก ลืมมองย้อนถึงต้นทุนที่สูงตามไปด้วย  หลังจากที่ได้เข้าร่วมอบรมและเป็นสมาชิกในหลายๆ โครงการกับทางสำนักงานเกษตรอำเภอ ทำให้ได้รับความรู้ต่างๆ มากมาย แนวคิดหนึ่งที่ได้นำกลับมาทำ คือการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้เอง โดยได้ให้สูตรการทำปุ๋ยน้ำหมักไว้ ดังนี้

วัตถุประสงค์ ->

1. เพื่อลดต้นทุนการผลิต

2. เพื่ออนุรักษณ์ทรัพยากรดินและทรัพยากรธรรมชาติ

3.  เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

– ผักหรือผลไม้                                    40         กิโลกรัม

– กากน้ำตาล                                       10         กิโลกรัม

– น้ำ                                                  10         ลิตร

– สารเร่ง พด.2                                     1          ซอง

อุปกรณ์ ->

1. ถังหมักขนาด 50 ลิตร

2. ไม้พาย

3. น้ำสะอาด

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1.  นำผักหรือผลไม้ มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกผสมกับกากน้ำตาล ใส่ลงในถังหมัก

2.  นำสารเร่งพด.2  จำนวน 1 ซอง ผสมน้ำ  10 ลิตร คนให้เข้ากัน นาน 5 นาที

3.  นำสารละลายในข้อ 2. ผสมลงในถังหมัก คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน

4.  ปิดฝาไม่ต้องสนิท หมักนาน 7 วัน จะได้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ 50 ลิตร

ข้อพึงระวัง ->